ฮาร์ดพาวเวอร์ | สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

 

ฮาร์ดพาวเวอร์

 

หลังเลือกตั้ง 22 พฤษภาคม 2566

แม้เราได้เห็นปรากฏการณ์ “บ้านใหญ่” หลายจังหวัดถูก”ล้ม” อย่างพลิกความคาดหมาย

ทำให้มีความหวังเล็กๆว่า “ประชาธิปไตย”

อาจสามารถทำให้ ผู้มีอิทธิพล เจ้าพ่อ ในสนามการเมือง ลดบทบาทลงได้

กระนั้นพลัน ที่เกิด ปรากฏการณ์”กำนันนก” ที่นครปฐม

ทำให้สังคมตระหนักว่า ปัญหาเจ้าพ่อไม่ได้ลดน้อยถอยลง

ตรงกันข้ามกับเกาะเกี่ยวพันลึกเข้าไปสู่กลไกพื้นฐานทั้งภาครัฐและเอกชน

“ฝี”ที่แตกออกมา ณ เมืองพระ แม้ทำให้ รัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน ตื่นตัวจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อีกครั้ง

แต่กระนั้น การตอบสนองของรัฐบาลใหม่ เป็นไปในลักษณะเพียงมอบหมายความรับผิดชอบ ตามสายงานเท่านั้น

โดยนายกรัฐมนตรี (ซึ่งว่าที่จริงก็ดูแล สำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่แล้ว) มอบให้ นายอนุทิน ชาญวีรกุล ไปดูแล

นายอนุทิน ตั้งตนเองเป็นประธานแก้ไข แต่ก็มอบหมาย ให้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ในฐานะประธานรองดำเนินการอีกทอดหนึ่ง

โดยคงเห็นว่า ถูกฝาถูกตัว เนื่องจากนายชาดา ได้ยอมรับโดยเปิดเผยว่า เส้นทางที่ผ่านมาของตนเอง อยู่ในแวดวงเจ้าพ่อและผู้มีอิทธิพล ซึ่งแม้ปัจจุบันจะวางมือ แต่ประสบการณ์ที่มี ก็น่าจะดำเนินการปราบปรามเจ้าพ่อ-ผู้มีอิทธิพล ได้

ซึ่ง ก็ต้องติดตามดูว่า ปฏิบัติการแบบฮาร์ดพาวเวอร์ (อดีต)เจ้าพ่อปราบเจ้าพ่อ จะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด

หรือที่สุดแล้ว ก็จะจางหายไปเหมือนในอดีต

อาจารย์เวียงรัฐ เนติโพธิ์ เคยเขียน บทความ “เจ้าพ่ออุปถัมภ์ กับรัฐอุปถัมภ์” ไว้ใน วารสารสังคมศาสตร์ ปีที่ 34 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2546

มีข้อมูล และแนวคิด น่าสนใจ

อาจารย์เวียงรัฐ ให้ข้อมูลว่าพฤษภาคม 2546 รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เคยผลักดันเรื่องนี้เป็น”วาระแห่งชาติ”

มีนโยบายประกาศรายชื่อผู้มีอิทธิพลและปราบปราบผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ

นายกฯทักษิณ ขณะนั้น ถึงกับประกาศว่า “ต่อไปนี้งานเลี้ยงบ้านข้าราชการผู้ใหญ่ขออย่าให้มีโจรมาร่วมด้วยเป็นอันขาด”

ซึ่ง ขอแทรกตรงนี้ หน่อยว่า ปัจจุบัน หากจะมีใครประกาศบ้าง

คงต้องประกาศว่า “ต่อไปนี้งานเลี้ยงบ้านเจ้าพ่อขออย่าให้มีตำรวจ ข้าราชการไปร่วมด้วยเป็นอันขาด”

ด้วยตอนนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะแย่กว่าเดิม

นั่นคือฝ่ายราชการต้องเข้าไปซบผู้มีอิทธิพลเสียมากกว่า

ถึงได้เป็นห่วงว่า นายชาดาจะแก้ไขปัญหานี้ลุล่วงได้จริงหรือ

โดยอาจารย์เวียงรัฐ เตือนว่าปัญหาเจ้าพ่อจะแก้ไม่ได้เลย

ตราบใดที่ยังมีชาวบ้านไม่มีช่องทางเข้าถึงทรัพยากรและอำนาจ(นอกจากการลงคะแนนเสียงเพียงอย่างเดียว)

การจับเจ้าพ่อที่เข้มแข็งคนหนึ่ง ไม่ได้แปลว่าเจ้าพ่อจะหมดไป

หรือการนำเจ้าพ่อรายย่อยๆมาจงรักภักดีกับพรรคของรัฐบาล ก็ไม่ได้แปลว่าเจ้าพ่อจะหมดไป

หากรัฐบาลจะเน้นการปราบเจ้าพ่อตัวจริง(ที่ไม่ใช่แค่เจ้าของวินมอเตอร์ไซด์) ต้องทำให้ชาวบ้านลดการพึ่งพิงเจ้าพ่อลง

นั่นหมายถึงชาวบ้านอยู่ดีกินดี มีความแตกต่างทางฐานะน้อย

สามารถพัฒนาศักยภาพของคนในระบบทุนนิยมนี้ได้อย่างเสรีซึ่งนั่นคือ รัฐสวัสดิการ

แต่ในความเป็นจริง ยังห่างไกล จากทั้งฐานะและสถานการณ์ของสังคมไทยเป็นอย่างมาก

อาจารย์เวียงรัฐ เขียนบทความนี้เมื่อปี 2546 มาถึงวันนี้ ยังทันสมัย

นั่นคือสังคมไทยยังไม่ได้ก้าวไปไหน

ปัญหาเจ้าพ่อ ผู้มีอิทธิพล ยังคงฝังตัวอย่างหยั่งลึก

หวังจะใช้ “ฮาร์ดพาวเวอร์” ของอดีตเจ้าพ่อ มาปราบ จะได้ผลหรือไม่

รอดูฝีมือ “ดอน ชาดา”

——————-