มาดามหลูหลี : Kimi no Suizo wo Tabetai : อยากกินตับอ่อนของเธอ

มาดามหลูหลี[email protected]

ภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง “Kimi no Suizo wo Tabetai” (คิมิ โน ซุยโซ ไตเบตัย) หรือ I want to eat your Pancreas แปลว่า “ฉันอยากกินตับอ่อนของเธอ” แค่ชื่อเรื่องก็น่าสนุกแล้ว

เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากไลต์นวนิยายทางอินเตอร์เน็ตชื่อเรื่องเดียวกันของนักเขียนมือทอง โยรุ สุมิโนะ

หนังเปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2017 ด้วยรายได้ 252 ล้านเยนและยอดผู้ชม 190,000 คน

ยอดรายได้สูงกว่าหนังรักดัง 2 เรื่องคือ Tomorrow I will date with Yesterday”s You และ The 100th love with you

หนังเล่าเรื่องโดยพระเอก หรือ “ชิกะ” ชื่อที่เพื่อนเรียก เขามีอาชีพครูและได้กลับมาสอนที่โรงเรียนเดิมที่เขาเคยเรียน ทำให้ได้คิดย้อนถึงช่วงเวลาสมัยเรียนที่นี่

ห้องสมุดของโรงเรียนที่กำลังจะรื้อซ่อมแซม ชิกะจึงถูกให้มาช่วยเก็บหนังสือ ที่ห้องสมุดนี้เอง ทำให้ความทรงจำในสมัยมัธยมแจ่มชัดมากขึ้น

 

ชิกะเป็นคนขี้อายและชอบอยู่คนเดียวโดยมีหนังสือเป็นเพื่อน เขาจึงอาสามาทำงานห้องสมุด เขาพบซากุระที่โรงพยาบาลโดยบังเอิญ เพราะเธอทำ “บันทึกร่วมโรค” ตกและชิกะเก็บได้ ซากุระบันทึกเรื่องราวความเจ็บป่วยของเธอที่เป็นโรคตับอ่อนอ่อนแอ ซึ่งทำให้เธอมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ซากุระแปลกใจว่า ทำไมชิกะจึงมีท่าทีเฉยๆ ไม่ตกใจ แม้รู้ว่าเธอเจ็บป่วย รวมทั้งไม่นำเรื่องที่รับรู้นี้ไปบอกต่อกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน

ทั้งนี้เพราะที่โรงเรียนเขาไม่มีเพื่อนสนิทมาพูดคุยด้วย แต่ซากุระเด็กสาวน่ารักสดใสร่าเริง กลับมีเพื่อนๆ ห้อมล้อมพูดคุยด้วยตลอดเวลา

ซากุระมีเกียวโกะเป็นเพื่อนสาวคนสนิท ที่รักกันห่วงใยกัน แต่ความลับเรื่องโรคตับของเธอ ไม่อยากบอกเพื่อนรัก เพราะซากุระรู้จักนิสัยเพื่อนดี ว่าจะทำให้เพื่อนเป็นห่วง อาจร้องไห้เสียใจ ทำให้เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันในโรงเรียนหมดสนุก

ชิกะจึงกลายเป็นคนสนิทของซากุระ ที่ได้พูดคุยหรือไปไหนมาไหนด้วยแล้วรู้สึกสบายใจและปลอดภัย

ทั้งคู่จึงใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ่อยๆ ชายหนุ่มได้มีเพื่อนคุยทำให้ไม่เหงาและยังเปิดโลกความคิดในมุมกว้างให้ ส่วนซากุระได้ใช้ชีวิตอย่างที่อยากทำก่อนตาย

 

ซากุระเด็กสาวซึ่งมองโลกในแง่ดี แม้จะหวาดหวั่นต่อความตายที่รออยู่เบื้องหน้า แต่ก็เตรียมพร้อมที่จะก้าวเดินต่อไป

เด็กสาวมีความรับผิดชอบ คนญี่ปุ่นสอนลูกได้ดีและไว้วางใจ (แต่นี่อาจเป็นอีกด้านหนึ่งของสังคมก็ได้) ให้เด็กวัยรุ่นดูแลตัวเอง

“ฉันอยากให้เธอกินตับอ่อนของฉัน” ประโยคที่ซากุระบอกกับชิกะ ด้วยความเชื่อว่า เป็นประโยคอนุญาตให้ตับของเธอไปอยู่ในร่างกายของเขา แม้ตายไปก็ยังใกล้ชิดกัน และชิกะก็อยากให้ตับอ่อนของซากุระมาอยู่ในตัวเขา เพื่อที่เขาจะได้มีความกล้าและความมั่นใจเพิ่มขึ้นเหมือนซากุระ

ซากุระเหมือนเด็กสาวที่มีพรสวรรค์ในการอ่านคน เธอรู้ว่าเพื่อนมีนิสัยอย่างไร และยังบอกให้เพื่อนช่วยดูแลเพื่อน ให้ชิกะขอเป็นเพื่อนกับเคียวโกะ และให้เคียวโกะช่วยดูแลชิกะด้วย

และได้แนะนำให้ชิกะเป็นครู เพราะเขาติวสอนซากุระได้ดี เมื่อเธอต้องขาดเรียน

ในสังคมของเด็กมัธยมวัยรุ่น แค่ห้องเรียนเล็กๆ มีกันไม่เกิน 50 คน แต่การนินทาหรือพูดไปเรื่อยอย่างไร้ข้อมูล เหมือนสังคมโซเชียล ซึ่งซากุระบอกกับเด็กหนุ่มว่า เพราะเธอไม่พูดคุยกับคนอื่น เหมือนไม่เข้าพวก ขาดมนุษยสัมพันธ์

 

Kimi no Suizo wo Tabetai หนังโรแมนติกน่ารัก เล่าเรื่องเรียงลำดับเวลาได้ดี ไม่สับสน ด้วยภาพเดินเรื่องที่งดงาม ทั้งวิวทิวทัศน์และนักแสดงวัยรุ่นซึ่งดูสดใส

ชอบฉากที่ห้องสมุด หนุ่มสาวอาสาทำงานให้ห้องสมุด ชายหนุ่มเป็นคนมีระเบียบ จัดหนังสือและจดบันทึกอย่างละเอียด แม้เมื่อเขากลับมาเป็นครูที่นี่ สมุดบันทึกนั้นยังใช้การได้อยู่

ชายหนุ่มจะบ่นเสมอว่า สงสารหนังสือที่หลงทาง คนอ่านหาไม่เจอเพราะไปวางผิดหมวดผิดที่ แต่ซากุระกลับคิดว่า การวางผิดที่ให้คนค้นหา เสมือนตามล่าหาขุมทรัพย์ ทำให้สนุกตื่นเต้นดี

ผู้กำกับฯ โช ทซึคิคาวะ ใช้ห้องสมุดเป็นขุมทรัพย์ที่พระเอกต้องตามหาสิ่งที่ซากุระทิ้งไว้ให้เขาและเพื่อน เป็นของขวัญล้ำค่าชิ้นสุดท้าย

ทาคูมิ คิทามูระ เป็นพระเอกในวัยรุ่นได้ดี ดูขี้อายน่ารัก และ ชุน โอกูริ พระเอกในวัยหนุ่มที่มีผลงานมากมาย ส่วน มินามิ ฮานาเบะ เป็นซากุระ ยามากูจิ เด็กสาวผู้ร่าเริงสดใส กล้าเผชิญหน้ากับตวามตายอย่างองอาจ ด้วยใจพร้อมกายพร้อม ใช้ชีวิตทุกขณะทุกวันด้วยความสุข

อย่างที่เด็กสาวบอก การใช้ชีวิตทุกวันอย่างเต็มที่ให้มีความสุข ใครจะรู้ว่าเราจะตายเมื่อไร คนแข็งแรงอาจจะตายก่อนคนป่วย เพราะอุบัติเหตุหรืออะไรก็ได้ และคนป่วยอาจไม่ได้ตายเพราะเจ็บป่วย

เป็นภาพยนตร์ที่งดงาม เป็นกำลังใจ และเตือนใจให้ระลึกถึงความตายอยู่เสมอ ด้วยการใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท…

ดูแล้วอิ่มเอม ยิ้มทั้งน้ำตา…

และต้องรีบนอนก่อนตี 1 เพราะเป็นเวลาที่ตับจะสร้างภูมิให้เจ้าของ