เสียงจาก ‘โปลิศผู้ต้องลี้ภัย’ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ตำรวจ (ไทย) ไม่มีวันดีได้

รายงานพิเศษ | พิชญ์เดช แสงแก่นเพ็ชร์

 

เสียงจาก ‘โปลิศผู้ต้องลี้ภัย’

พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์

ตำรวจ (ไทย) ไม่มีวันดีได้

 

“ผมไม่สามารถที่จะจินตนาการได้เลยว่าตํารวจไทยจะดีกว่านี้ได้ ผมเชื่อว่าจะมีกรณีแบบนี้ (คดีกำนันนก) ให้เห็นอีกมาก เพราะว่าการไปเอาตํารวจปลายแถวขึ้นมาเป็นผู้บริหาร มาอยู่หัวแถว มันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศไทยที่แก้ยาก และผู้มีอํานาจเขาไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรอก เขาต้องการให้เป็นแบบนี้ เพราะเขาได้ประโยชน์จากการที่สภาพนี้คงไว้” พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตนายตำรวจผู้เปิดโปงขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา และต้องกลายเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ออสเตรเลียมาหลายปีแล้ว ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับมติชนสุดสัปดาห์ ถึงภาพลักษณ์ตำรวจไทยในปัจจุบันที่เสียหายหนัก และดูจะไม่มีวันดีได้

พล.ต.ต.ปวีณ บอกว่า สําหรับผมนะครับ ทันทีที่ได้ยินข่าวนี้ จะว่าผมไม่ช็อก ไม่ตกใจก็น่าจะพูดแบบนั้นได้ แต่รู้สึกเสียใจเพราะว่ามันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะตลอดระยะเวลาอันยาวนานถึง 9 ปีที่ 3 ป.มีอํานาจอยู่เต็มมือล้นฟ้า ได้บริหารองค์กรตํารวจจนเละเทะมาถึงวันนี้ มีการเอาตํารวจระดับปลายแถวขึ้นมาอยู่หัวแถว แล้วเอาตํารวจที่สมควรได้อยู่หัวแถวกลับไปอยู่ท้ายๆ แถว จึงไม่สามารถที่จะจินตนาการไปได้เลยว่าตํารวจจะดีขึ้นได้อย่างไร มีแต่สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาแล้วเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ

ผมก็ยังเชื่อว่ามันจะมีกรณีลบๆ ให้เห็นอีกมากมาย

ที่ผมรับราชการมาไม่เคยเห็นครับว่ามีการเจริญเติบโตก้าวหน้ารวดเร็วมากเลยของตำรวจยศน้อยๆ บางคน ขึ้นมาจนถึงเป็นพลตํารวจเอกแค่ไม่กี่ปี มันเป็นไปได้ยังไง อนาคตมันจะเลวร้ายยิ่งกว่านี้ขึ้นไปอีก จะทําร้ายสังคมประเทศชาติไปแบบนี้อีก

มันเป็นปัญหาโครงสร้างของประเทศไทยเรา ยากต่อการที่จะแก้ไข ผู้มีอํานาจเขาไม่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลง เขาต้องการให้เป็นแบบ เพราะเขาได้ประโยชน์อย่างมากจากสถานการณ์ที่การเมืองยังคงอยู่ในรูปแบบนี้ คนเดิมๆ

ถามว่าใครบ้างที่อยากให้เห็นตํารวจดีขึ้น

ส่วนใหญ่จะเป็นประชาชนใช่ไหมครับ แต่ไม่ใช่คนที่มีอํานาจในประเทศไทย

ผมเชื่อว่าเขาไม่ต้องการแน่นอน เขาต้องการให้คงอยู่แบบนี้ เป็นกองกําลังอยู่ในมือของเขาที่เขาจะสั่งการยังไงก็ได้

เหตุการณ์ลักษณะที่มันรุนแรงร้ายแรงขนาดนี้มันเกิดขึ้นบ่อยมากในสังคมไทย แต่เดี๋ยวบางคนก็ลืม ประชาชนก็เรียกร้องให้ปฏิรูปเปลี่ยนแปลง ให้หน่วยราชการดีขึ้น ดีขึ้น เดี๋ยวก็วิพากษ์วิจารณ์แค่เดือนหนึ่งเดี๋ยวก็เงียบหายไป

เหมือนอย่างกรณี “ผู้กํากับโจ้” ที่รวยมหาศาล ทุกคนก็สงสัยหลายประเด็น ก็ไม่เห็นจะมีการขยายผลต่ออะไรเลย ก็เพราะผู้มีอำนาจเขาไม่ต้องการให้มีการขยายผลอะไรทั้งสิ้นครับ

หรืออย่างกรณีที่ทหารกราดยิงที่โคราช ผบ.ทบ.ออกมาน้ำหูน้ำตาไหลต่อหน้าสื่อ แล้วเป็นไงก็เงียบทุกอย่าง

จริงๆ ประชาชนจะต้องเรียกร้อง ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ต้องลาออก คุณไม่สามารถที่จะอยู่บนกองซากปรักหักพังแบบนี้ต่อไปได้ คุณบริหารกันจนล้มเหลวขนาดนี้จะต้องเป็นธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติ ว่าต่อไปนี้ถ้าปล่อยให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต้องลาออกสถานเดียวเท่านั้น

ทุกคนจะต้องกดดันให้อยู่ไม่ได้ เพราะทุกวันนี้เขาลอยตัว เขาไม่ทําอะไร เขาเป็นหุ่นเชิดของผู้มีอํานาจ

ถ้าเรียกร้องกดดันให้มีการลาออกรับผิดชอบในทุกระดับที่เกี่ยวข้องเป็นธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติ เราต้องมาเข้มงวดแบบนี้ ผบ.ตร. ผบช. ผบก. ต้องลาออกอย่างเดียวเท่านั้นเลย คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเผยอหน้ารับราชการเป็นตํารวจอีกได้

คุณได้ทําลายองค์กรนี้อย่างเลือดเย็นมาก คุณไม่มีฝีมือ ไม่มีความสามารถ คุณเป็นแค่ตํารวจปลายแถวที่โชคดีมาอยู่หัวแถว หมดเวลาสําหรับคุณแล้ว ไม่ควรได้อยู่ต่อไป

ระบบที่คนทํางานแทบเป็นแทบตายไม่มีความก้าวหน้า คนมันก็อยากจะวิ่งไปอีกทางมากกว่าหาทางกระโจนไปอยู่หัวแถวทั้งๆ ที่ฝีมือตัวเองก็ไม่มี “คนมีอํานาจ” ก็ต้องการให้ระบบเป็นแบบนี้

นี่คือความล้มเหลวขององค์กรตํารวจในปัจจุบัน มันปรากฏชัดต่อหน้าประชาชนทั้งประเทศ

อีกอย่างหนึ่งในองค์กรตํารวจ มันไม่รักกันจริงด้วย ตํารวจไม่รักกันจริงหรอกครับ ส่วนใหญ่ก็แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันตลอดเลย มึงดีกว่ากูไม่ได้ ใครดีกว่าใครไม่ได้ เพราะว่าระบบมันเป็นแบบนั้น มันต้องแข่งขันชิงดีชิงเด่นกันเพื่ออํานาจ เพื่อเงินตรา เพื่อหน้าตาของสังคม

สมมุติว่ามีตํารวจไม่ได้รับความเป็นธรรม เราดูในหลายประเทศ จะมีตํารวจออกมากันอย่างพร้อมเพรียงเป็นพันเป็นหมื่นคน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเพื่อนตํารวจด้วยกันที่ถูกกระทํากัน

แต่ในประเทศไทยมันมีแบบนั้นไหม? ไม่มีหรอก คนไหนแหลมออกมา เด่นมา ไม่ได้ ทั้งๆ ที่มันเป็นสํานึกพื้นฐานที่ตํารวจควรจะทํา แต่ก็นั่นแหละ ตํารวจมีชนักติดหลังเยอะ มีปัญหาเรื่องการรีดไถเยอะแยะไปหมดเลย มีแผลเยอะ อาจจะอยู่ได้ แต่ถามว่าอยู่อย่างมีความสุขไหม?

ไม่มีความสุขหรอก

 

พล.ต.ต.ปวีณ เปิดใจถึงบ้านเกิดเมืองนอนว่า ถามว่าคิดถึงไหม ผมคิดถึง ส่วนในเรื่องมีความหวังไม่หวังนั้นมันอยู่ในใจผมนะครับ แล้วผมดูสถานการณ์มันไม่เอื้อในทางผมเท่าไร ผมต้องทําใจ ทําใจตัวเอง ในเมืองไทยอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ในสิ่งที่เราไม่เคยคาดคิด ความอํามหิตของคน ที่โลภ โสมมที่ตะกละตะกลามนั้นมีเยอะเหลือเกิน จนเราไม่รู้จะพูดว่ายังไง โดยที่คนเหล่านี้ไม่สนสายตาของประชาชน ไม่สนสังคม ว่าประเทศชาติ-อนาคตข้างหน้าคนรุ่นหลังๆ มันจะเป็นยังไง เขาไม่สนใจทั้งนั้น ถ้าเขาสนใจเขาจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้เด็ดขาด

คำถามคือ แล้วมันจะทนได้นานสักเท่าไร เหมือนกับผม ผมเองไม่ใช่ว่าผมเองมันดี ก็ไม่ได้ดีอะไรมากมาย ผมไม่กล้าประกาศว่าตัวเองเป็นคนที่มือสะอาดนะ ไม่กล้าเลย แล้วก็ไม่กล้าบอกว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น ก็เหมือนกับตํารวจทั่วๆ ไป เพียงแต่ว่าเราไปทําเรื่องสําคัญๆ แล้วคดีนั้น ถ้าไม่หนี ผมก็เป็นปุ๋ยเท่านั้นแหละ ออกมานี่ลําบากจริงๆ แต่ชีวิตคนเรามันก็ต้องเดินต่อไปนะ เราก็ต้องมีความหวัง

ถามว่าแล้วตํารวจดีๆ จะเป็นยังไง จะยืนอยู่ตรงไหน “นั่นน่ะสิครับ เขาจะทํายังไงกัน” ลองไปดูพนักงานสอบสวน ทุกวันนี้เขาทํางานหนักมากนะครับ การรับคดีขึ้นมาคดีหนึ่ง แล้วจะทําอย่างตรงไปตรงมานี่ยาก หาก “เจ้านายสั่งมา” จะรับไหวไหม

สมมุติเจ้าของคดีเป็นยศร้อยตํารวจตรี ร้อยตํารวจโท ร้อยตํารวจเอก แต่ถูกพันตํารวจเอกสั่งมา คุณจะกล้าไปแข็งขืนหรือไม่ ในเมื่อระบบมันเป็นอย่างนี้ ผมก็อยากจะเป็นกําลังใจให้ตํารวจที่ดีทุกคน ขอให้ตั้งใจ แล้วก็ขอให้สามัคคีกัน รวมถึงประชาชน-เอกชนร่วมผนึกกัน วันนี้ไม่รู้จะแก้ไขยังไงเพราะระบบมันฝังลึกมากเลย เขาวางระบบมาแบบนั้น

เหมือนบางคนบอกว่าตํารวจบางทีไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน เขาก็พยายามยึดโยงจากประชาชน สมมุติในโรงพักทุกวันนี้จะมีคณะกรรมการตํารวจ กต.ตร.จากภาคประชาชนไปร่วมด้วย

แต่เวลาคัดเลือกกลับมีพวกเจ้าของบ่อน ผู้มีอิทธิพล เข้ามาแล้วไปสร้างเครือข่ายโยงใยขึ้นไปอีก จนคนดีๆ ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง ไม่อยากไปแตะ

ทำให้โอกาสที่เราจะได้เห็นตํารวจดีๆ ยาก ก็ไปเอาปลายแถวขึ้นมาอยู่หัวแถวหมด มาจากสีเทาๆ เต็มไปหมด

 

ผมเองอยากจะเห็นประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ได้ทันเห็นคนรุ่นใหม่ได้มาเปลี่ยนประเทศ จากทั้งชีวิตที่ได้เห็นมาจริงๆ ควรจะเปลี่ยนได้นานแล้ว แม้ว่าผมออกจากประเทศไทยมาเกือบ 8 ปี ไม่รู้ว่าตํารวจดีขึ้นรึเปล่า แต่หลายคนรู้สึกได้ว่าแย่ลงไปกว่าเดิมใช่ไหม

มันเป็นเพราะอะไรก็ตามที่บอกว่าโครงสร้างมันเป็นแบบนั้น คนมีอํานาจเขาไม่ต้องการให้เปลี่ยน

ผมเลยอยากให้เห็นพลังของคนรุ่นใหม่ๆ ข้าราชการตํารวจรุ่นใหม่ๆ ได้มีพลัง การเปลี่ยนแปลงทําให้บ้านเมืองเรามันดีขึ้นจริงๆ มันเป็นไปได้แล้วนะ แต่เนื่องจากว่า หลังเลือกตั้งประเทศไทยต้องมีการเปลี่ยนแปลง มันพอเห็นแสงพลังมลังเมลืองอยู่ที่ปลายขอบฟ้า

แต่พอตกเย็นปรากฏว่ามันไม่สว่างตามที่หวัง มีความกดอากาศฟ้ามืดครึ้ม ฝนตกน้ำท่วม โอ้โหหนักยิ่งกว่าใดๆ ฟ้าร้องฝนตกฟ้าผ่าเดี๋ยวมันก็หยุด สิ่งใหม่ๆ ก็จะเกิดขึ้น ก็รอวันหนึ่งก็น่าจะมาถึง

เราต้องอดทน สักวันเมื่อถึงเวลา เหมือนที่ใครเคยพูดเอาไว้ว่า แพ้หลายครั้งไม่เป็นไร “ขอกูชนะครั้งเดียวพอ”

ชมคลิป