หากสองพรรคใหญ่ในอดีต สลายพร้อมกัน คือสัจธรรมหนึ่งในการเมืองไทย | ฟ้า พูลวรลักษณ์

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๙๑)

 

วันนี้เป็นวันคณิตศาสตร์

ปัญหาที่สับสนในเมืองไทย คือเรานับคะแนนเสียงผิด

การเมืองไทย หากมองตามความเป็นจริง นายกรัฐมนตรีคนที่ ๓๐ ควรเป็นแคนดิเดตของเพื่อไทย หรือตัวแทนของฝ่ายอำนาจเก่า

ต้นเหตุมาจากพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคกะเทย ธาตุแท้ของพรรคนี้คือ กึ่งหนึ่งเป็นเสรีประชาธิปไตย อีกกึ่งหนึ่งเป็นอะไรก็ได้

ในสมัยหนึ่ง ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ทำให้มันอยู่รอดได้มาเรื่อยๆ ด้วยร่างกายมีความยืดหยุ่น เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่กลัวพิษงู

แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไป วันนี้มันล้าสมัยเสียแล้ว

หากเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ได้ 250 เสียง ก็เท่ากับว่ามีเสียงเสรีประชาธิปไตยถึง 125 เสียง ซึ่งไม่น้อยเลย เพื่อไทยก็ยังมีคุณค่าอยู่

แต่เมื่อเพื่อไทยได้ 141 เสียง เสียงเสรีประชาธิปไตยในนั้น นับได้จริงแค่ 70 เสียงเท่านั้นเอง

อีก 71 เสียงคือสิ่งมีชีวิต ที่พร้อมจะฉกฉวย เลื้อยหนี ตามแต่เหตุการณ์

 

เทียบกับก้าวไกลที่มี 151 เสียง

เพื่อไทยด้อยค่ากว่า ยกเว้นแต่ว่า พวกเขาได้ 302 เสียง จึงจะเสมอกัน

จะเห็นว่าเสียงของแปดพรรคก้าวไกล ที่จริงแล้วจะไปได้ไกลสุดแค่ 241 เสียง คือรวมเสียงเสรีประชาธิปไตยจากเพื่อไทย และพรรคเล็กๆ อื่นๆ อีก

แต่ฝ่ายตรงข้ามมี 259 และยังมีเสียง ส.ว.

แสดงว่า การเลือกตั้งปี 2566 ที่จริงฝ่ายเสรีประชาธิปไตย และฝ่ายอนุรักษ์ ได้คะแนนใกล้เคียงกัน ไม่ได้ทิ้งกันห่างอย่างที่มันดูเหมือน ซึ่งเป็นภาพลวงตา

ประชาชนจึงไม่ควรเสียใจ การจัดตั้งรัฐบาลมีปัญหา เพราะคะแนนเสียงสูสีกัน แต่มันมาตัดสินกันที่เสียง ส.ว.

ผิดที่ Voter ที่ไปเลือกเพื่อไทย พวกเขาไม่รู้ตัวว่าพรรคนี้มีมูลค่าครึ่งเดียว

แม้แต่ตัวฉัน ก่อนการเลือกตั้ง วูบหนึ่งฉันก็ลังเลใจ ว่าควรเลือกเพื่อไทยไหม เพราะคาดหวังว่าเขาจะแลนด์สไลด์ แม้ฉันจะรู้แต่ต้นว่ามูลค่าของสินค้าเพื่อไทยมีครึ่งเดียว แต่หากว่าเขาแลนด์สไลด์จริง ฉันจะได้ของแถมสิบอย่าง ซึ่งเย้ายวนใจไม่น้อยเลย

แต่ฉันกลับใจ กลัวก้าวไกลหมดกำลังใจ

และผลที่ออกมา ปรากฏว่าดีกว่าที่คาด

ก้าวไกล Skyfall

เหนือกว่าเพื่อไทย แต่ยังดีไม่พอ

ประชาชนร้องไห้ เพราะคิดว่าถูกโกง

นักวิชาการบางคนช่วยเพื่อไทยวางแผน ช่วยคิด หาทางออกให้

แต่ลืมธรรมชาติที่แท้จริงของเพื่อไทย

จะให้พวกเขาเป็นอะไร นอกจากตัวเอง

เราทำดีกว่าปี 2562 ซึ่งในปีนั้น อนาคตใหม่รวมกับเพื่อไทยครึ่งหนึ่ง จะมี 149 เสียง แต่ในปีนี้ เราได้พัฒนาขึ้นมาเป็น 221 เสียง ดีขึ้นแต่ยังดีไม่พอ

Voter เจ็บใจที่ถูกหลอก มันเป็นกลเกมของฝ่ายอนุรักษ์

ที่ซ่อนความร้ายกาจไว้ในพรรคเพื่อไทย

รู้ตัวมานานแล้วว่า เราไม่ควรประมาทฝ่ายอนุรักษ์

พวกเขาทั้งเก่า ทั้งแก่ เหนียวดั่งพังผืด

แต่ Voter สามารถพัฒนาตัวเองให้แหลมคมขึ้นสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป และสังเกตดู เราได้ตื่นขึ้นมาแล้ว

การเมืองไทยจะยังไม่เสถียร ด้วยเพราะ 241 ต่อ 259 มันใกล้เคียงกัน มันเป็นเสียงปริ่มน้ำ แต่แน่นอนว่า ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องเป็นของแคนดิเดตเพื่อไทย หรือกลุ่มอำนาจเดิม

ส.ว.เป็นหมากที่ร้ายกาจของฝ่ายอนุรักษ์

เราจำเป็นต้องยอมรับ จะเห็นด้วยหรือไม่ อีกเรื่องหนึ่ง

แต่เรารู้ว่า การต่อสู้ยังดำเนินต่อไปอีกยาวนาน

พักรบ อย่างมากแค่อึดใจ

อาจจะแค่ ๒๔ ชั่วโมง พักลมหายใจ

นายกฯ คนใหม่ อาจอยู่ได้ไม่ครบ ๔ ปี

ด้วยกระแสสังคมจะปั่นป่วน และโค่นล้มเขาเสียก่อน แต่เขาก็ได้เป็นนายกฯ สมใจ

อิ่มเอมกับอำนาจ และของเทียม

 

วันนี้ประชาธิปัตย์มีปัญหาไม่น้อยกว่าเพื่อไทย

เพียงแต่เขาเป็นพรรคเล็ก จึงไม่เป็นข่าวใหญ่

จะหาหัวหน้าพรรคยังไงก็ไม่สำเร็จ กฎข้อบังคับของพรรค เป็นหอกข้างแค่ เสียบอกตัวเอง สมควรสลายพรรค

เพื่อไทยหาทางออกไม่เจอเช่นกัน สมควรแตกออกเป็นสองพรรค หรือสลายพรรค

หากสองพรรคใหญ่ในอดีต สลายพรรคพร้อมกัน

ก็จะเป็นสัจธรรมอันหนึ่งในการเมืองไทย

สมมุติว่าสองพรรคนี้ไม่สลายพรรค

ในปี 2570 เพื่อไทยจะได้คะแนนเสียงลดลง เพราะโชคร้ายที่มาแข่งกับก้าวไกล พรรคเพื่อไทยที่แม้งวดนี้จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่เมื่อเขาตระบัดสัตย์ ใครจะเชื่อถือพรรคนี้อีก ท้ายสุดพวกเขาก็จะได้กลับเข้ามาอย่างมาก 30 เสียง ในปี 2574 พวกเขาจะกลายเป็นพรรคต่ำสิบอย่างสมบูรณ์ และในปี 2578 จะเหลือ 0

ส่วนประชาธิปัตย์ จะล้ำหน้าไปก่อน ไปรออยู่ที่ 0

ท้ายที่สุด สองพรรคนี้ก็จะเหมือนพรรคประชากรไทย พลังธรรม ที่ยังส่งคนเข้าสมัครเลือกตั้ง หากแต่ไม่ได้เสียงเลย ไม่ว่าปีไหน ส่งแต่เราก็ไม่รู้สึกตัวอีกแล้ว