โปรดฟังอีกครั้ง ‘เราล้อมเอาไว้หมดแล้ว’ | เหยี่ยวถลาลม

วันนี้ขอเริ่มจากหนังสือ “เจ้า” หรือ The Prince ของ มาเคียเวลลี ในฉบับแปลของ สรวงอัปสร กสิกรานันท์ สำนักพิมพ์แอร์โรว์

มาเคียเวลลี เขียนหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่ 500 กว่าปีก่อนเพื่อจะมอบให้กับผู้ครองนครรัฐฟลอเรนซ์ แห่งอิตาลี แต่จนแล้วจนตาย “เจ้า” ก็ไม่ได้รับความสนใจ แต่มาในภายหลังกระทั่งลุล่วงถึงปัจจุบัน ใจความสำคัญหลายบทหลายตอนของ “เจ้า” ได้กลายเป็นคัมภีร์เพื่อการอยู่รอดของ “ผู้นำ”

ยกตัวอย่างเช่น

… “เจ้า” ผู้มีจิตใจอ่อนโยน มีเมตตา ปกครองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพียงด้านเดียวแล้วประสบความสำเร็จนั้นมีเพียงจำนวนน้อยและพบจุดจบอย่างทุกข์ทรมาน

ในขณะที่ “เจ้า” ที่ใช้เล่ห์ลวง ทรยศหักหลัง กระทำการฆาตกรรม มีจิตใจเหี้ยมโหด ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย

ถึงแม้เวลาจะล่วงผ่านไปกว่า 500 ปี แต่เนื้อความในหนังสือ “เจ้า” ของมาเคียเวลลี ยังคงเป็นอมตะ

ไม่มีเหตุอันใดสลับซับซ้อน หากเพราะ “ธรรมชาติของมนุษย์” ยังคงเหมือนเดิม และเหมือนกันทั่วโลก

ต้นธารแห่ง “ความอยาก” ของทุกคนเกิดจาก ข้ามา ข้าเห็น ข้าได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ได้สัมผัส และข้าคิดว่า…

เกิดเป็นความอยากได้ อยากมี อยากเป็น เกิดมีใจรัก มีชอบ ไม่ชอบ มีโกรธ มีเกลียด มีลุ่มหลง กระทั่งถึงขั้นงมงาย

ไม่มีเรื่องราวใดที่ “ไม่ถูกปรุงแต่ง”

ไม่มีนักการเมืองคนใดหรือพรรคการเมืองใดที่จะไม่ประดิษฐ์ “วาทกรรม” ต่างกันก็แต่เพียง “บทสรุป” ของวาทกรรมนั้นมีชีวิตชีวาสามารถแปรเปลี่ยนเป็น “ความจริง” หรือเป็นแค่ “คำลวง”

 

ยกตัวอย่างเช่น

คำแถลงของ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร 1 ในแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย ที่ว่า

“…พรรคเพื่อไทยหาเสียงและพยายามทำโพลเพื่ออยากได้แลนด์สไลด์ แต่ทำแลนด์สไลด์ไม่สำเร็จ และรัฐธรรมนูญปี 2560 ก็มีเรื่องของ ส.ว.อยู่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยเคยผ่านมาก่อน คือชนะเลือกตั้ง (2562) แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ วันนี้เมื่อไม่เป็นไปอย่างที่คิด ไม่เป็นไปตามแพลนไว้จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ประเทศชาติไปต่อได้ แน่นอนพรรคเพื่อไทยมีต้นทุนที่จะต้องจ่าย นั่นคือ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน ขอน้อมรับ และต้องขอโทษที่ทำให้หลายคนรู้สึกผิดหวังหรือเสียใจ แต่หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว จะทำเต็มที่เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนและจะก้าวข้ามสนามอารมณ์นี้ไปให้ได้ด้วยความเข้มแข็ง ด้วยการเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง

ใจความนั้น บอกความในใจว่ามี “ความอยาก”

อยากจะให้ประชาชนเทใจเลือกพรรคเพื่อไทยชนิด “แลนด์สไลด์”

หากเพื่อไทยชนะเลือกตั้งเป็นที่ 1 ก็จะเป็น “แกนนำ” จัดตั้งรัฐบาล

แต่ผลการแข่งขันไม่เป็นไปตาม “ความอยาก”

พรรคก้าวไกล ได้รับฉันทานุมัติเป็นพรรคอันดับ 1 แทนที่จะแลนด์สไลด์ “เพื่อไทย” กลายเป็นพรรคอันดับ 2

ในรอบ 2 ทศวรรษมานี้ พรรคการเมือง “สายพันธุ์ทักษิณ” -ไทยรักไทย-พลังประชาชน-เพื่อไทย ได้รับชัยชนะเลือกตั้งอย่างท่วมท้นทุกครั้ง ยังไม่เคยมีพรรคการเมืองใดสามารถทำลายสถิติมีจำนวน ส.ส.เป็นเสียงข้างมากเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในสภา

คำว่า “แลนด์สไลด์” ที่พรรคเพื่อไทยจุดพลุขึ้นก่อนเลือกตั้งจึงไม่ใช่สิ่งเกินเลย

สามารถจะกล่าวได้ว่า “อยาก” อย่างมีเหตุมีผล หรืออยากบนพื้นฐานที่มีความเป็นไปได้

หากแต่มิคาดว่า “14 พฤษภาคม 2566” เสียงสวรรค์จากคูหาเลือกตั้งเทให้ “พรรคก้าวไกล” ได้ ส.ส. 151 ที่นั่ง ส่วน “พรรคเพื่อไทย” 141 ที่นั่ง

พรรคการเมือง “สายพันธุ์ทักษิณ” เคยแต่ลิ้มรสสถานะพรรคการเมืองเบอร์ 1 ที่เป็นขวัญใจ เป็นความหวังและความต้องการของประชาชนผู้เป็น “เจ้าของอำนาจอธิปไตย” ก่อนเลือกตั้งในปี 2562 เพื่อไทยจึงผุดสโลแกน “พรรคเพื่อไทย หัวใจคือประชาชน” ตอกย้ำ “จุดยืน” มุ่งสร้างประชาธิปไตย ร่วมยืนหยัดกับประชาชน ไม่จำนนต่อเผด็จการ

แต่ “ความจริง” ไม่น้อยกว่าครึ่งศตวรรษมานี้ รัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งมักได้รับอนุญาตให้เล่นกันเพียงในระยะสั้นๆ จะเห็นได้ว่า บางเวลาก็มีการเลือกตั้ง มีพลเรือนบริหารประเทศ แต่บางเวลา “อำนาจรัฐ” ก็ถูกปล้นชิงไป เมื่อเขียนกติกาฉ้อฉลขึ้นใหม่เสร็จก็จัดให้มีการเลือกตั้งเพื่อสืบทอดอำนาจ

“เพื่อไทย” เจ็บหนักทุกครั้งที่เป็นผู้ชนะเลือกตั้ง

 

หลังเลือกตั้งปี 2562 “ประยุทธ์” อดีตผู้นำรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ก็เป็นนายกรัฐมนตรี รอบที่ 2

“เลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566” นี้ “ประยุทธ์” ก็จะเอาอีก เป็นแคนดิเดตของ “พรรครวมไทยสร้างชาติ”!

เพียงแต่ผลการเลือกตั้งที่ออกมาย่ำแย่เกินไป ได้ ส.ส.มาแค่ 36 คน ขณะที่ “พลังประชารัฐ” ของอีก 1 ลุง ก็ได้ ส.ส.มาแค่ 40 คน จะรวมพลกันยังไงก็เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเหมือนปี 2562 ไม่ได้

“2 ลุง” จึงตั้งสงบ นั่งอยู่บนภูดูเสือ 2 ตัว “151 เสียง” กับ “141 เสียง” ฮึ่มคำราม

ในระหว่างที่ยื้อยุดฉุดเก้าอี้ “ประธานสภา” กันอยู่นั้น แกนนำหลายคนของ “เพื่อไทย” ออกอาการ “รับไม่ได้” ถึงกับกล่าวว่า ห่างกันแค่ 10 เก้าอี้เท่านั้นเอง

“เพื่อไทย” จำเป็นต้องรักษาท่วงท่ามารยาท ให้ “ก้าวไกล” พรรคอันดับ 1 ได้ลิ้มรสผู้ชนะ แสวงหา “มือ” ที่จะโหวตให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นนายกฯ

แต่เพียง 1 ครั้งเท่านั้น “ทาง” สำหรับ “ก้าวไกล” ก็ถูกปิดสนิทโดยสภา

คราวนี้ก็เพื่อไทยลงมือ

สลัด “ก้าวไกล” ออกไป!

ยกเลิก “เอ็มโอยู 8 พรรคร่วม” ที่เป็นพันธะ!

จับมือกับพรรคการเมืองฝ่ายตรงกันข้ามทั้งหมด ไม่เว้นกระทั่งของ 2 ลุง ทั้ง “พลังประชารัฐ” และ “รวมไทยสร้างชาติ”

“เพื่อไทย” พลิกสถานะ เปลี่ยนจากพรรคอันดับ 2 เป็น “พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล” ส่ง “เศรษฐา ทวีสิน” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ได้สำเร็จ ล้วนเป็นผลจาก “การตัดสินใจทางการเมือง”

จะต้องเข้าใจว่า การเจรจาต่อรองระหว่าง “คนหนึ่ง” กับ “คนหนึ่ง” และระหว่าง “กลุ่มหนึ่ง” กับ “กลุ่มหนึ่ง” ก่อนที่จะมี “การตัดสินใจทางการเมือง” นั้นเต็มไปด้วยความสลับซับซ้อน

การตัดสินใจทางการเมือง “ผสมพันธุ์ข้ามขั้ว” ไม่ใช่งานเฉพาะกิจ ที่คิดกันเฉพาะหน้า!!?!!