เศรษฐา-ความหวัง | หนุ่มเมืองจันท์

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

หลังจากผ่านการเลือกตั้งมานาน 3 เดือน เราก็ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน”

ต้องยอมรับว่าการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ยากลำบากกว่าครั้งอื่นๆ

ส่วนหนึ่ง เพราะพรรคเพื่อไทยนอกจากไม่สามารถชนะแบบแลนด์สไลด์แล้ว

ยังพ่ายแพ้กับพรรคก้าวไกลด้วย

สิทธิอันชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลจึงอยู่ที่พรรคก้าวไกล

กว่าที่สิทธินั้นจะกลับมาสู่พรรคเพื่อไทยได้ก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร

อีกส่วนหนึ่ง มาจาก “คำสัญญา” ของพรรคเพื่อไทยในช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่าจะไม่เอา “2 ลุง”

แต่พอพลิกเกมสะบัดมือออกจาก “ก้าวไกล”

“เพื่อไทย” ก็ต้องเดินบนเส้นทางที่ใช้ต้นทุนแพงมาก

นั่นคือ การจับมือกับพรรคขั้วรัฐบาลเดิม

ทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา

ที่สำคัญที่สุด คือ พรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ

หรือพรรค 2 ลุง

ทั้งนี้เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีบทเฉพาะกาลให้วุฒิสมาชิกมีสิทธิเลือก “นายกรัฐมนตรี”

และ 2 ลุงมี “ส.ว.” อยู่ในมือ

ในมุมของพรรคเพื่อไทย เขาเรียกสิ่งนี้ว่า “โลกแห่งความเป็นจริง”

เมื่อจะจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ก็ต้องยอมเปลี่ยน “คำสัญญา”

เป็น “เทคนิคการหาเสียง”

ถ้าใช้คำของ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ก็ต้องบอกว่าครั้งนี้พรรคเพื่อไทยเทหมดหน้าตัก

ยอมสูญเสีย “ความน่าเชื่อถือ” และ “ศรัทธา” ที่พรรคเพื่อไทยสั่งสมมายาวนาน

เป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดที่พรรคอื่นไม่มี

เป็นพรรคเดียวที่ประกาศนโยบายเรื่องอะไรไป คนจะเชื่อว่า “ทำจริง”

ในขณะที่พรรคการเมืองอื่นเสนอนโยบายที่ดีกว่า

แต่คนไม่เชื่อว่าจะทำได้

“ความน่าเชื่อถือ-ศรัทธา” เป็น “นามธรรม” ที่จับต้องไม่ได้

แต่มี “คุณค่า” อย่างยิ่ง

การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้แม้จะสำเร็จ แต่เป็นการทุบทำลายความน่าเชื่อถือของแบรนด์อย่างยับเยิน

เพื่อแลกกับการได้ตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี”

ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ในวันนี้ พรรคเพื่อไทยมีโอกาสมากที่จะเป็นพรรคต่ำร้อย

ดังนั้น หากหวังผลในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเร่งสร้าง “ความทรงจำใหม่” จากการเป็นรัฐบาลครั้งนี้

จะหวังพึ่งพาเครดิตจากผลงานในอดีตคงไม่ได้แล้ว

การสร้าง “ความทรงจำใหม่” จึงเป็นภารกิจที่หนักหน่วงมากของนายกรัฐมนตรีคนใหม่

…เศรษฐา ทวีสิน

เศรษฐา ทวีสิน

จากที่เคยได้สัมภาษณ์และคุยนอกรอบกับคุณเศรษฐาหลายครั้ง ต้องยอมรับว่าเขามีความตั้งใจสูงมากในการลงมาทำงานทางการเมืองครั้งนี้

มีความมุ่งมั่นที่อยากแก้ปัญหาให้กับประชาชน

“เศรษฐา” เป็นทั้งนักธุรกิจและนักบริหารมืออาชีพ

เขานำ “แสนสิริ” ให้ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของเมืองไทย

เมื่อเทียบกับแคนดิเนตนายกรัฐมนตรีทุกคน

“เศรษฐา” โดดเด่นที่สุดในเรื่องประสบการณ์การบริหาร

แต่อ่อนที่สุดในเรื่องประสบการณ์ทางการเมือง

เพราะเขาไม่เคยผ่านสนามการเลือกตั้ง และการเป็นรัฐมนตรีมาก่อน

ก่อนการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้งแบบ “แลนด์สไลด์”

เขาคิดเรื่องการพลิกฟื้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่

เสนอนโยบายต่างๆ มากมาย

ไม่ว่าจะเป็นการขี้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาทภายในปี 2570

แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้ใช้ภายใน 6 เดือน

หรือการลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

และอื่นๆ อีกมากมาย

หลังการเลือกตั้ง พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

โครงการต่างๆ ของพรรคเพื่อไทยก็ถูกพับเข้าลิ้นชัก เพราะต้องใช้นโยบายของก้าวไกลเป็นหลัก

จนเมื่อพรรคเพื่อไทยเปลี่ยนมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

นโยบายต่างๆ ก็มีการพูดถึงอีกครั้ง

ผมเคยคุยเรื่องนี้กับคุณเศรษฐาในรายการ “X คลูซีฟ” ของ “มติชนสุดสัปดาห์”

จำได้ว่าผมซักถามเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะอยากรู้ว่าจะทำอย่างไร และเมื่อไร

พอคุณเศรษฐาได้เป็นนายกฯ ผมก็เปิดคลิปนี้ฟังอีกครั้งเพื่อทวนความจำ

…เนื้อหาน่าสนใจมาก

อย่างนโยบายเรื่อง “เงินดิจิทัล” ที่คุณเศรษฐาให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

เพราะเชื่อว่าเป็นกลยุทธ์ที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจในระยะเวลาอันสั้น

เขาบอกว่าเศรษฐกิจไทยวันนี้จะใช้วิธีหยอดน้ำข้าวต้มทีละเล็กทีละน้อยไม่ได้

ต้องอัดฉีดอย่างแรงและมีประสิทธิภาพ

ฟังดูแล้วพรรคเพื่อไทยคงมองว่าเศรษฐกิจไทยเหมือนรถที่เครื่องยนต์ดับ

จะค่อยๆ เข็น รถคงไม่ติด

ต้องใช้แรงอย่างมากในการเข็นรถเพื่อเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว

แบบนี้รถที่ดับถึงจะติด

“เงินดิจิทัล” จะแจกให้คนไทยทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป

ต้องใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน

และใช้ได้ในพื้นที่ไม่เกิน 4 กิโลเมตรจากบ้านในบัตรประชาชน

ถ้าที่อยู่ในบัตรประชาชนของใครอยู่ต่างจังหวัด

ทำงานใน กทม.ก็ต้องเดินทางกลับไปใช้เงินก้อนนี้ที่บ้านในต่างจังหวัด

เราจะซื้อของกินของใช้ หรือปุ๋ยใช้ทำนาก็ได้

เป็นกลยุทธ์กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่

ไอเดียนี้น่าสนใจมาก

คุณเศรษฐาบอกว่าถ้าครอบครัวไหนอยู่กัน 3-5 คน

รวมเงินกัน 30,000-50,000 บาท สำหรับคนจนสามารถเปลี่ยนชีวิต สร้างอาชีพใหม่ในชุมชนได้เลย

นอกจากนั้น การที่เป็น “เงินดิจิทัล” ถ้าเราเป็น “ผู้ขาย” รับ “เงินดิจิทัล” มาก็สามารถนำไปใช้ต่อได้

โดยเฉพาะร้านค้าที่ไม่อยู่ในบัญชีผู้เสียภาษีอากรนำไปซื้อของต่อได้

ทำให้เงินก้อนนี้หมุนเวียนได้หลายรอบ

ยิ่งหมุนมากเท่าไร รัฐก็เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้มากเท่านั้น

เขาบอกว่าถ้าเงินดิจิทัลสามารถเริ่มใช้ได้จริงภายในปลายปีหรือต้นปีหน้า

แค่ประกาศก่อนล่วงหน้าในเดือนตุลาคม

นักธุรกิจทุกคนจะมองออกว่าปลายปีหรือต้นปีหน้าจะมีเงินเข้าตลาดถึง 5 แสนล้าน

เขาจะเร่งผลิตสินค้า และวางแผนการตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม

ต้องจ้างแรงงานหรือซื้อวัตถุดิบ

เงินจะเริ่มหมุนก่อนที่เงินดิจิทัลจะเข้าสู่ระบบ

เป็นมุมมองของคนที่มีประสบการณ์การทำธุรกิจ

 

อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครถามคุณเศรษฐามากนัก

คือ เรื่องค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

ทั้งที่เรื่องนี้สำหรับคนกรุงเทพฯ ถือเป็นเรื่องใหญ่

เพราะตอนนี้ค่าใช้จ่ายเรื่องการเดินทางเป็นเรื่องใหญ่ของคนกรุง

นโยบายเรื่องนี้โดนใจ

แต่คนไม่ค่อยมั่นใจว่าทำได้จริง

ผมถามคุณเศรษฐาว่าจะทำได้จริงหรือ

เขายืนยันว่าทำได้จริง มีการวางแผนและคุยกับภาคเอกชนไว้บ้างแล้ว

“จะใช้เวลานานเท่าไรครับ”

ในใจผมคิดว่าคงไม่ต่ำกว่า 1-2 ปี

“3 เดือน”

“3 เดือนเริ่มหรือครับ” ผมถาม

แต่คำตอบที่ได้รับน่าตกใจมาก

“ไม่ใช่ครับ 3 เดือนเสร็จ”

คุณเศรษฐาบอกว่าถ้าไม่ต้องแก้ไขกฎหมายอะไร และหากเป็นรัฐบาลพรรคเดียว

เพราะเขารู้ว่า “บีทีเอส” ขัดแย้งกับพรรคภูมิใจไทยอยู่

วิธีการจะต้องเริ่มต้นจาก “รถไฟฟ้าสายสีเขียว” ที่เป็น “ไข่แดง” ก่อน

คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คือ รัฐบาล กทม. และบีทีเอส

พรรคเพื่อไทยกับ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าฯ กทม. นั้นคุยกันง่ายเมื่อเคยอยู่พรรคเดียวกันมาก่อน

ส่วน “บีทีเอส” คุณเศรษฐาค่อนข้างคุ้นเคย

ถ้าสามารถทำให้ทุกฝ่าย “วิน-วิน-วิน” ได้ก็ไม่ยาก

ที่ได้คุยนอกรอบ วิธีคิดง่ายๆ ก็คือ “รายได้” มาจาก ค่าโดยสาร x จำนวนผู้โดยสาร

ถ้า “ค่าโดยสาร” ลดลง แต่ทำให้ “จำนวนผู้โดยสาร” มากขึ้น

“รายได้” ของ “บีทีเอส” ไม่ลดลง

ภาคเอกชนก็น่าจะโอเค

ถ้ารายได้เพิ่มมากกว่าเดิม ก็แบ่งให้รัฐด้วย

พอ “ค่าโดยสาร” เหลือ 20 บาท ความเจริญก็จะกระจายไปยังพื้นที่รอบนอก

เพราะแม้ระยะทางจะไกล แต่ค่าใช้จ่ายเรื่องการเดินทางแค่ 20 บาท

คนก็จะไปซื้อบ้านอยู่รอบนอกมากขึ้น

ลดความแออัดในพื้นที่ใจกลางเมือง และช่วยลด PM 2.5 ด้วย

น่าสนใจมาก

 

การฟังคลิปสัมภาษณ์คุณเศรษฐาอีกครั้ง ถือเป็นการบรรเทาความรู้สึกทางใจที่เห็น “รัฐบาลพิเศษ” เต็มไปด้วยคนหน้าเดิม

ต้องปรับมุมคิดเป็นแบบ “สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ”

อย่างน้อยนโยบายของพรรคเพื่อไทยก็มีสีสันและความหวัง

และคุณเศรษฐาก็ตั้งใจจริง

…ลองกันดูสักตั้ง •

 

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ