‘บก.ลายจุด’ เตือนเพื่อไทย ในฐานะ ‘มิตรเก่า’ ทำแบบนี้ ‘ไม่รอดนะ’

หมายเหตุ บทสนทนาบางส่วนว่าด้วยการจัดตั้ง “รัฐบาลสลายขั้ว” นำโดยพรรคเพื่อไทย จากรายการ “มีเรื่องมาเคลียร์ by ศิโรตม์” ระหว่าง “ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์” กับ “สมบัติ บุญงามอนงค์” (บก.ลายจุด) เผยแพร่ผ่านช่องยูทูบมติชนทีวี เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2566

 

: ตอนนี้ สถานภาพคุณเป็นอย่างไร เป็น “เสื้อแดง” หรือเป็น “พวกแดกส้ม”?

ผมขออนุญาตใช้เวลาตรงนี้ดีเฟนด์ตัวเองหน่อยได้ไหม? คือมันมีปัญหาก่อนหน้านี้ว่า มันมีการช่วงชิง “ความเป็นเสื้อแดง” ผมคิดว่าเวลาคนจำนวนหนึ่งบอกว่าตัวเองมีระยะห่างจากเพื่อไทยแล้วเนี่ย คนเหล่านั้นก็จะกลายเป็นพวกที่ “ไม่ใช่เสื้อแดง” เรื่องที่หนึ่งนะ

อันที่สอง ก็ถูกกาหัวเลยว่าเป็น “ด้อมส้ม” เป็น “แดงกินส้ม” สุดท้ายก็คือ “เป็นส้ม” นั่นแหละ แต่ในฐานะที่ผมอยู่ในขบวนเสื้อแดงมาตั้งแต่ต้น ผมคิดว่า “ไอ้เสื้อแดง” มันไม่ใช่สีเสื้อที่เราใส่กัน มันเลยไปไกลแล้ว มันกลายเป็นประวัติศาสตร์การต่อสู้ของคนจำนวนหนึ่ง ที่ต่อสู้กับการยึดอำนาจ-รัฐประหารปี 2549 เหตุการณ์ปี 2552 เสื้อแดงปี 2553 มาถึงเสื้อแดงปี 2557

ทีนี้ แค่ความสัมพันธ์ที่เราแตกต่างจากเพื่อไทย จุดยืนที่แตกต่างกัน เอาจริงๆ เสื้อแดงไม่ได้เปลี่ยนไปไหนเลย ดังนั้น ผมคิดว่าเสื้อแดงอยู่กับที่ อย่างผม ผมคิดว่าผมอยู่กับที่ แต่มันมีคนจำนวนหนึ่งที่ออกจากหลักประชาธิปไตยไป ทำไมผมต้องเปลี่ยนครับ? ทำไมผมต้องเปลี่ยน เรื่องนี้ผมไม่เข้าใจ? แล้วทำไมผมต้องถอดเสื้อแดงไปใส่เสื้อสีส้ม?

ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องไปใส่เสื้อสีส้ม? ผมก็ตรวจสอบตัวเองว่าผมส้มในแบบที่ “ส้มจริงๆ” หรือเปล่า? ก็ปรากฏว่าไม่ใช่อีก หมายความว่าในก่อนหน้านี้ มันไม่ได้มีแค่เพื่อไทยกับก้าวไกล หรือไม่ได้มีแค่เอกับบี แต่ผมคิดว่าตอนที่ถูกทัวร์ลงทั้งสองฝั่ง ผมก็เป็นซี

แน่นอน ผมไม่ใช่เพื่อไทยแล้วตอนนี้ และผมคิดว่าตัวเองก็ไม่ใช่ก้าวไกลด้วย

: แต่สำหรับคนที่เคยเลือกเพื่อไทยมาหรือคนเสื้อแดงกลุ่มที่เป็นเพื่อไทย ทันทีที่ใครบอกว่าตัวเองไม่ใช่เพื่อไทย คุณไม่ใช่พวกเดียวกันแล้วนะ มันเป็นคำประกาศที่แรงมาก ที่บอกว่า “ผมไม่ใช่เพื่อไทย” ต่อไปอีกแล้ว

ก็ใช่ ก็ผมไม่ใช่เพื่อไทยแล้วไง หมายความว่าคุณไม่ได้เสียงจากผมแล้ว คือการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เอาเสียงผมไปหนึ่งเสียง ผมเลือกก้าวไกลเบอร์หนึ่ง แล้วก็เลือกเพื่อไทยเบอร์หนึ่ง วัตถุประสงค์ชัดเจน ให้จับมือมาเพื่อที่จะล้มล้าง “3 ป.” ก่อน

ไม่ใช่ว่าผมไร้เดียงสาจนไม่เข้าใจว่า จริงๆ สองพรรคนี้ วันหนึ่งเขาจะต้องเป็นคู่ต่อสู้ทางการเมือง ฝ่ายใดชนะ ฝ่ายหนึ่งจะเป็นรัฐบาล อีกฝ่ายหนึ่งแพ้ ไอ้คนแพ้ก็ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน เพราะว่าเขาเป็นคู่แข่งขันโดยแท้จริงแล้ว

แต่สิ่งนี้จะต้องเกิดภายหลังจากที่เราเสร็จสิ้นภารกิจที่ประชาชนมอบให้ก่อน ก็คือ คุณต้องไปจัดการกับ 3 ป. ทำให้กระบวนการสืบทอดอำนาจนั้นยุติลง และจะต้องไปเคลียร์พวกลูกสมุนอะไรทั้งหลาย หรือแม้แต่กติกาทั้งหลาย ที่ใน 9 ปีที่ผ่านมา คสช.ได้วางหมากและแทรกซึมอยู่ในองค์กรอิสระ

ภารกิจนี้สองพรรคจะต้องทำให้ได้ ผมคิดว่าประชาชนอย่างพวกเรา เราได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้วในการที่จะไปโหวต และเสียงก็ออกมาตามนั้น ตอนพวกคุณหาเสียงสองพรรค คุณก็ตกลงกันแบบนั้น ว่าจะจับมือกันกำจัด 3 ป. ปฏิรูปประชาธิปไตย

แต่พอมันออกมาแบบนี้ สุดท้าย คุณ (เพื่อไทย) ชิงออกจากฝั่งก่อน เพื่อไทยออกเรือออกทะเลไปก่อน แล้วก็ทิ้งให้ขบวนที่ต่อสู้กันมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ยืนอยู่บนฝั่ง แล้วผมจะไปสนับสนุนคนที่ไม่รู้จะเรียกว่าหนีทัพได้หรือเปล่า แต่ว่าออกเรือไปเลย แล้วก็ปล่อยให้พวกเราที่ยังมีความเชื่อที่ว่าเราจะสร้างสรรค์ประชาธิปไตยยืนอยู่บนฝั่ง ได้อย่างไร?

 

: บก.บอกว่า คนที่เชื่อเรื่องประชาธิปไตยไม่ได้เปลี่ยนไป แต่เพื่อไทยเขาย้ายไปอีกฝั่งหนึ่ง เขาไปอีกทัพหนึ่งแล้ว แสดงว่า บก.ลายจุด ไม่ได้เชื่อแบบที่เพื่อไทยบอกว่า สิ่งที่เขาทำตอนนี้คือการตั้ง “รัฐบาลสลายขั้ว” เพื่อหาทางออกให้ประเทศไปสู่สถานการณ์ที่ดีขึ้น?

ผมไม่เชื่อ และผมขออนุญาตอธิบายเหตุผล-หลักฐานที่ทำให้ผมเชื่อได้ว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทยพยายามที่จะอธิบายความในปัจจุบันนี้ เป็นการโกหกซ้ำ เป็นการหลอกลวงซ้ำ เป็นความไม่กล้าหาญในการยอมรับความจริง

เหตุผลหรือหลักฐานก็คือว่า หากเพื่อไทยคิดเช่นนั้นจริง เหตุใดจึงมาประกาศเอาหลังจากที่การเลือกตั้งนั้นยุติแล้ว ทำไมถึงไม่ประกาศเรื่องใหญ่ขนาดนี้ตอนก่อนเลือกตั้ง เพราะว่าถ้าเพื่อไทยประกาศก่อนเลือกตั้ง เราจะเข้าใจเรื่องนี้ และผมจะเคารพเลยนะครับ

ถ้าพรรคเพื่อไทยประกาศว่า มันถึงเวลาที่เราจะต้องเคลียร์ ต้องยอมเพื่อให้สังคมไทยมันเดินหน้าได้ เนื่องจากว่ามันมีกลุ่มอำนาจอะไรทั้งหลาย แล้วมันจะต้องประนีประนอมกัน เราไม่สามารถหักกันได้ ถ้าหักกันได้ มันจะเกิดความเสียหาย ถ้าเพื่อไทยประกาศเรื่องนี้แต่ต้น ผมจะเชื่อ แต่เราไม่เคยเอะใจเลยใช่ไหมครับ?

เพื่อไทยไม่เคยพูดเลยว่าจะยังไง (แต่) พูดว่าเดี๋ยวจะเช็กบิล เดี๋ยวจะตามจัดการไอ้พวก 3 ป. เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวที่ คสช.ได้สืบทอดอำนาจมา แล้วก็สร้างผลกระทบให้เกิดขึ้นในทางการเมืองไทย ต่อระบอบประชาธิปไตย

ดังนั้น คำอธิบายในช่วงเวลานี้ของพรรคเพื่อไทยจึงเป็นคำแก้ตัว และผมก็มองว่าเป็นคำโกหกอีกครั้ง

ในความเห็นผม ผมว่าคนที่ติดตามทางการเมืองมา แล้วก็ฟังคุณ โดยเฉพาะคนที่เลือกคุณ คนที่เลือกพรรคเพื่อไทย เขาฟังคุณเยอะมาก คุณไม่ต้องประดิษฐ์ถ้อยคำหรือชุดอธิบายใด คุณแค่พูดความจริง ยอมรับ กล่าวคำขอโทษ และถ้าคุณจะไปบริหารบ้านเมืองต่อ คุณก็ไปเยียวยาประเทศชาติ-ประชาชนที่เขาผิดหวังต่อการตระบัดสัตย์ของคุณ ทำแค่นั้น

คุณจะมาแก้ตัวทำไม? แก้ตัวมา ผมก็ต้องสวนอีก ผมก็ต้องมานั่งอธิบาย แล้วอารมณ์คนก็จะขึ้น ผมฝากเลยว่า อย่าทำแบบนั้น อย่าทำ นี่ในฐานะ “มิตรเก่า” อย่าแก้ตัว ยิ่งแก้ตัวมันยิ่งฉุน

ในทางการเมือง เขายอมรับกันไม่ได้ใช่ไหม ถ้าตัวเองผิดพลาด ตัวเองหลอกลวงประชาชน หรือมีเหตุผลบางประการที่บีบคั้นแล้วไม่สามารถบอกคนอื่นได้ เราไม่กล้ายอมรับเรื่องแบบนี้ในทางสาธารณะ ต้องถูไถกันไปเรื่อยๆ อย่างนี้เหรอ?

ไม่ได้ ผมว่าไม่รอดนะ ผมเห็นแต่ละคนออกมาพูดอธิบายความ แล้วผมว่าไม่รอด ไม่เข้าใจน่ะ