เผยแพร่ |
---|
โพสต์ล่าสุดภายใต้”วิกาลเดียวดาย”อันมาจาก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นำไปสู่”คำถาม”ตามมามากมายว่า ภายใต้”วิกาลเดียวดาย”นี้อะไรเป็น”ฟางเส้นสุดท้าย”อย่างแท้จริง
เป็นปฏิกิริยาที่เร่งเร้าอย่างหนักจาก นายจตุพร พรหมพันธุ์ หรือเป็นความเจ็บปวดจากความรวดร้าวของ นายสมบัติ บุญงามอนงค์
ต้องยอมรับว่าสายสัมพันธ์ของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ มีความลึกซึ้ง ร่วมเป็นร่วมตาย เช่นเดียวกับเยื่อใยอันมีกับ นายสมบัติ บุญงามอนงค์
อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ในลักษณะ”ร่วมเป็นร่วมตาย”ในทางความคิดและในทางการเมืองมายาวนาน
ขณะที่กล่าวสำหรับ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ในห่วงที่”คน เสื้อแดง” ถูกล้อมปราบ ล้มตายเมื่อปี 2553 เขาคือคนที่ นายณัฐ วุฒิ ไสยเกื้อ ฝากฝีฝากไข้ว่าจะเป็นคนเยียวยาปลุกปลอบ
จึงทั้ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ และทั้ง นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ย่อมส่งแรงสะเทือนต่อ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แน่นอน
กระนั้น หากพิจารณาแต่ละ”ถ้อยคำ”จะเห็นมากกว่านั้น
ในฐานะ”คอกำลังภายใน” นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นำเอาชะตากรรมที่”เล่งฮู้ชง”แห่ง”ยิ้มเย้ยยุทธจักร”ของท่านกิมย้งมาเป็นอุทาหรณ์ในเชิงอุปมาฉันใด อุปมัยฉันนั้น
เป็นการย้อนหวนทวนว่า”ยิ่งเดียวดายเมื่อปรากฏเงาหลังคนผู้หนึ่ง คนเสเพลถูกขับออกจากสำนัก”
เป็นสำนักฮั้วซัวที่”เล่งฮู่ชง”เติบใหญ่และภักดี
ต้องยอมรับว่าในขณะที่”เล่งฮู่ชง”สังกัดอยู่กับสำนักฮั้วซัว ได้รับการฝึกปรือวิทยายุทธจากสำนักฮั้วซัว การถูกขับออกจากสำนักย่อมเป็นความเจ็บปวด
ถามว่าแล้วจอมยุทธอย่าง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เขาเติบใหญ่ ในทางการเมืองมาอย่างไร อาจเริ่มต้นกับพรรคชาติพัฒนา แต่การพัฒนาอย่างแท้จริงอยู่กับพรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย
เป็นพรรคเพื่อไทยต่างหากที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มีความภักดี
ยังไม่มีร่องรอยหรือริ้วรอยว่าพรรคเพื่อไทยจะโหดร้ายกับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในแบบเดียวกับที่”เล่งฮู่ชง”ต้องประสบแต่ก็ต้องยอมรับว่า”วิกาลเดียวดาย”อย่างยิ่ง
เป็นความเดียวดายในความเด่นชัดว่า รุ่นพี่อย่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ดำรงอยู่อย่างไร เป็นความเดียวดายเมื่อรับรู้ความเจ็บปวดจากเพื่อนรัก นายสมบัติ บุญงามอนงค์
จึงปรากฏ”ข้าพเจ้าเพียงรอเวลา และเวลาของข้าพเจ้ามาถึงแล้ว” จะเป็นจริงในลักษณ์แบบใด