กีฬาในร่ม (8)

ญาดา อารัมภีร

‘ทุหศาสัน’ หรือ ‘ทุศศาสน์’ ผู้กักขฬะหยาบช้า ‘หินชาติจิตต์ใจไร้กุศล’ รีบทำตามคำสั่งทุรโยธน์ ถือวิสาสะพรวดพราดเข้าไปในห้องพักของนางกฤษณาหรือนางเทฺราปทีและกล่าวเสียดสีเย้ยหยันว่า

“โอ้! เจ้าหญิง ผู้ยอดมิ่งปัญจาลพิศาลศรี

เธอไม่รู้หรือว่าท่านสามี เอาเธอตีเป็นทรัพย์นับพะนัน

บัดนี้เธอตกลงคงเป็นสิทธิ์ แก่บพิตรทุรโยธน์, โปรดให้ฉัน-

พาเธอไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ตามอย่างฉันที่เป็นนายข้างฝ่ายเธอ

บัดนี้เธอตกไปในฐานะ เป็นบาทบริจาริกาเหนอ!

แม่ตาแจ๋วจัดจ้านการบำเรอ คงโปรดเลอเลิศลอยอย่าน้อยใจ”

คำหยาบหยามของทุศศาสน์ทำให้นางกฤษณาหรือเทฺราปทีเกิดความรู้สึกหลายหลากระคนกัน

“พระกายสั่นริกรัวด้วยกลัวภัย ดาลพระทัยขึ้งแค้นแน่นพระทรวง”

นางพยายามใช้สองมือปัดป้องมิให้ทุศศาสน์อาจเอื้อมสัมผัสกายนาง หัวใจเต้นโครมครามด้วยความตระหนกราวมีกลองระดมตีอยู่ภายใน ทันทีที่นางกฤษณาหรือเทฺราปที ‘กระโดดออกนอกทวาร ให้พ้นการจับต้องในห้องใน’

“พลันทุศศาสน์ผาดโผนกระโจนเข้า ไปจิกเกล้ากัลยาไม่ปราศรัย”

ผลก็คือ ร่างปลิวตามแรงฉุดกระชากไม่ต่างกับต้นไม้ที่เอนลู่ตามแรงพายุ

นางกฤษณาหรือเทฺราปทีคุกเข่าวอนขอให้ทุศศาสน์รักษาเกียรติของนาง

“โปรดอย่าต้องอินทรีย์ให้มีหม่น ด้วยมือมลทินมัวเหมือนตัวหนอน”

 

นางเตือนสติทุศศาสน์ว่า ‘ผมบังอรสตรีนี้ศักดิ์สิทธิ์’ ไม่ควรทำเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางอยู่ในสภาพแต่งกายไม่เหมาะสม ขอเวลาแต่งกายให้เรียบร้อยก่อนเข้าเฝ้าทุรโยธน์

ทุศศาสน์หาฟังคำวิงวอนไม่ กลับเอ่ยถ้อยคำสำรากใส่

“ไม่ว่ามีผ้าทรงหรือองค์เปล่า ต้องไปเฝ้าทรงธรรม์ตามบรรหาร”

นางกฤษณาหรือเทฺราปทีถูกทุศศาสน์จิกศีรษะกระชากลากถูมาตลอดทาง น่าเวทนานัก

“ต้องเซซังผายผันจิตหวั่นไหว

ภูษาทรงย่อยยับคับฤทัย ชลนัยน์นองเนตรทุเรศครัน

พระเกศยุ่งเหยิงยับด้วยจับคร่า ถึงสภาออมอดกำสรดศัลย์”

ท่ามกลางบรรดาผู้คนซึ่งชุมนุมกันอยู่ ณ สภาเมือง ที่เล่นสกาพนันของทุรโยธน์และยุธิษฐิระหรือยุธิษเฐียร นางกฤษณาหรือเทฺราปทีใช้สายตาและวาจาวิงวอนขอความช่วยเหลือและขออภัยที่มาในสภาพถูกทุศศาสน์กระชากลากถูหัวหูยุ่งเหยิง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย

“ข้าแต่ท่านผู้ประธานสถานนี้ โปรดปรานีตูข้าอัชฌาสัย

ที่แต่งตนกลนี้บัดสีใจ ยกโทษให้ข้าเจ้าผู้เข้ามา”

ณ ที่นี้แม้มีผู้คนมากมาย แต่ไม่มีใครเลยที่จะห้ามปรามหรือขัดขวางการกระทำต่ำช้าของทุศศาสน์ไม่ว่าจะเป็นพระญาติผู้ใหญ่ เช่น ภีษมะหรือพระภิษม์ โทฺรณะพราหมณ์ อำมาตย์วิทูร ฯลฯ สิ่งที่คนเหล่านี้ทำคือ ‘ต่างไม่กล้ามองดูอดสูใจ’

นางกฤษณาหรือเทฺราปทีถูกทุศศาสน์ย่ำยีเกียรติยศ ได้แต่ร่ำไห้รำพัน ดังที่คำกาพย์เรื่อง “มหาภารตยุทธ” ของนายสุภร ผลชีวิน พรรณนาว่า

“พี่น้องโปรดป้องกัน เกียรติหญิงให้พ้นภัยนา

เอ็นดูเถิดผู้ที่ อยู่ห้องนี้มีภรรยา

ทั้งที่มีธิดา ทุกท่านควรใคร่ครวญดู

ภริยาธิดาท่าน เกิดเหตุการณ์ด้านอดสู

วิปโยคโศกเยี่ยงตู ท่านทนอยู่ได้อย่างไร”

ปรากฏว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือ

“ทั่วห้องครองเงียบสงัด มากมนัสประหวัดไหว

แผ่วเพียงเสียงถอนใจ เฮือกเฮือกอยู่ทุกผู้เทียว”

นางกฤษณาหรือเทฺราปทีเศร้าใจในชะตากรรมตนเองยิ่งนัก จึงตัดพ้อว่า

“ไม่มีวีรบุรุษ มีแต่หยุดยืนดูเฉย

ปาณฑพครบครันเคย ห้าวหาญใจอยู่ไหนนา

พงศ์เผ่าเการพนั้น ในปางบรรพ์เคยกลั่นกล้า

บัดนี้มีไหมมา ป้องผองภัยให้สัตรี

พระภิษม์ใกล้ชิดเผ่า ไฉนเล่าลืมอารี

โทรณพราหมณ์ในยามนี้ หนาวบารมีมันหรือไฉน

ทุกคนยืนยลเฉย โอ้อกเอ๋ยเวรอันใด

สตรีหนึ่งนี้ไซร้ ห่อนมีใครให้เมตตา”

ทุศศาสน์กระชากผ้าคลุมหน้านางออกอย่างจงใจ

“เผยพักตร์นงลักษณ์นั้น ให้ทุกผู้ดูเทฺราปที

เกรี้ยวกราดประกาศว่า แน่ะดูหน้านางทาสี

เชื้อฉัตรกษัตรีย์ ณ บัดนี้เป็นทาสไป”

 

ร้ายไปกว่านั้นทุรโยธน์ผู้โหดเหี้ยมสันดานเปี่ยมทุจริต แสดงความป่าเถื่อน ดังที่ “สงครามภารตคำกลอน” เล่าว่า

“ประภาษสั่งดังลั่นสนั่นไป ทุศศาสน์ไวเข้าน้องเปิดของดี

เปลื้องภูษาผ้าสไบอย่าให้เหลือ ชมผิวเนื้อนวลนางสำอางศรี

ให้เห็นเต็มดวงตาพี่ยาที เร็วหน่อยพี่อยากชมให้สมปอง”

คำสั่งไร้คุณธรรมของคนไร้สติเช่นทุรโยธน์ทำให้ทุกคนตกตะลึงคาดไม่ถึง

“พอวาจาลามกตกจากโอษฐ์ แสยงโสตผู้ฟังสิ้นทั้งผอง

ต่างตะลึงลานลนชักขนพอง เพราะเป็นของอุกอาจอุจาดครัน

เกิดเรรวนป่วนปั่นไหวหวั่นวุ่น บางท่านขุ่นแค้นเหลือเนื้อตัวสั่น

เอามือคลำด้ามกระบี่ยักยี่ยักยัน ทำดังนั้นโกรธเหมือนค่อยเคลื่อนคลาย”

ทุศศาสน์ไม่รอช้า รีบสนองความต้องการของพี่ชายทันที ปราดเข้าไปหมายจะเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของนางต่อหน้าธารกำนัล

อะไรจะเกิดขึ้น ฉบับหน้าอย่าพลาด •

 

จ๋าจ๊ะ วรรณคดี | ญาดา อารัมภีร