เพื่อไทยเบรกแต่งตั้ง ‘ขรก.’ วัดใจ ‘บิ๊กตู่’ เคาะบัญชี ‘นายพล’ ก.ตร.เจอโรคเลื่อนโผระส่ำ!

การออกมาเรียกร้องของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) เสนอให้รัฐบาลรักษาการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยุติการแต่งตั้งข้าราชการ เพื่อให้รัฐบาลใหม่เข้ามาดำเนินการแทน

ยกประเด็นให้เห็นว่า เป็นระยะเปลี่ยนผ่าน รัฐบาลใหม่ในฐานะตัวแทนประชาชนจะเข้ามาบริหารประเทศ จึงควรรอให้รัฐบาลใหม่มีอำนาจเต็มได้บริหารตามแนวนโยบายที่ประกาศไว้กับประชาชน

ดังนั้น รัฐบาลรักษาการควรรักษามารยาทตามธรรมเนียมปฏิบัติ และข้อกำหนดของบทบาทหน้าที่ตามกฎหมาย ด้วยการยุติการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงทุกตำแหน่ง

จับตาดูว่าคำเรียกร้อง พท. ในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะทัดทานสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้หรือไม่

เพราะการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ มี พ.ร.บ.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ที่ให้อำนาจคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ดำเนินการได้โดยไม่ต้องรอไฟเขียวจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

อีกทั้งข้อกำหนด ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ได้ระบุชัด การแต่งตั้ง ผบ.ตร.นั้น นายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน ก.ตร. คัดเลือกรายชื่อจากรอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) โดยคำนึงถึงอาวุโส ความรู้ ความสามารถประกอบกัน เสนอ ก.ตร.เพื่อพิจารณาเห็นชอบ และขีดเส้นการแต่งตั้งระดับรอง ผบ.ตร.-ผู้บังคับการ (ผบก.) ดำเนินการภายในเดือนสิงหาคม

จึงต้องติดตามว่าถ้าจะนำมาเป็น “เงื่อนไข” การทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย “นายพล” จะทำได้หรือไม่ ชอบธรรมแค่ไหน

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธาน ก.ตร. กล่าวทำนองแบ่งรับแบ่งสู้ว่า ต้องดูความเหมาะสม อะไรที่ทำได้หรือไม่ได้ และอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ ก็ไว้ใจเราก็แล้วกัน อย่าให้ปัญหามันมากขึ้นไปกว่านี้อีกเลย

เริ่มเข้าสู่โค้งสุดท้ายการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 2566 ที่เก้าอี้ ผบ.ตร.ว่าง และนายพลเกษียณอายุราชการ 154 คน แยกเป็น รอง ผบ.ตร.ว่าง 3, ผช.ผบ.ตร. 5, ผบช. 16, รอง ผบช. 51 และ ผบก.ว่าง 79 ตำแหน่ง

สำหรับแคนดิเดต “พิทักษ์ 1” เท่าที่สดับตรับฟังมา “2 รอง ผบ.ตร.” ที่มาแรงตั้งแต่แรกยังขับเคี่ยวกัน

นั่นคือ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล นรต.รุ่น 47 อาวุโสอันดับ 2 และ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ “สิงห์แดง” อาวุโสอันดับ 4

ข่าววงในเล็ดลอดมาว่า “บิ๊กต่อ” หายใจรดต้นคอ “บิ๊กโจ๊ก” อยู่ ถ้าจำกันได้ “ปม” นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉเรื่องรีดทรัพย์ผู้ต้องหาบ่อนออนไลน์ 140 ล้านบาท โยงถึงผู้การจังหวัดหนึ่งฝั่งตะวันออก จนมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการเมืองภายใน แซะเก้าอี้ ผบ.ตร.คนใหม่หรือไม่

เพราะฉะนั้น ถ้า “บิ๊กต่อ” จะเข้าวินหรือไม่ มี “สัญญาณ” กระชับอำนาจ ส่งมาหรือไม่

ในส่วนของการแต่งตั้งรอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ ลงมาถึง ผช.ผบ.ตร. รวมทั้งรองจเรตำรวจแห่งชาติ ให้พิจารณาเรียงตามลำดับอาวุโส 100%

ขณะที่ตั้งแต่ระดับผู้บัญชาการและจเรตำรวจ ลงมาถึงระดับผู้บังคับการ พิจารณาเรียงตามลำดับอาวุโสไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนตำแหน่งว่างในแต่ละระดับ

ปรากฏว่า เมื่อ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้ทำหนังสือ ที่ 0009.231/ว3096 ถึง ผบช. และ ผบก.ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในระดับ บก. ให้แจ้งบัญชีผู้เหมาะสม และไม่เหมาะสม ระดับกองบัญชาการ (บช.) เช่นเดียวกัน ให้ ผบช.แจ้งบัญชีผู้เหมาะสมและไม่เหมะสม ระดับ ผบก.-ผบช. ไปยัง ตร. ผ่านกองทะเบียนพล (ทพ.) ภายใน 18 สิงหาคม

ทั้งนี้ การพิจารณาเพื่อประกอบจัดทำบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่ง ให้คำนึง

1. ประวัติการรับราชการ พิจารณาตั้งแต่เริ่มรับราชการสัญญาบัตรเพื่อแสดงถึงความต่อเนื่อง ประสบการณ์ความชำนาญงานในการปฏิบัติงานด้านต่างๆ

2. ผลการปฏิบัติงาน ให้พิจารณาตั้งแต่ดำรงตำแหน่งในระดับปัจจุบันโดยพิจารณาจากผลงานในหน้าที่รับผิดชอบที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการทำงาน การติดตามงานให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายของหน่วย ความรอบคอบในการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรืองานอื่นที่ได้รับมอบหมายเป็นพิเศษ รวมถึงการประเมินผลการปฏิบัติราชการประจำปี 2565 ครั้งที่ 2 และ 2566 ครั้งที่ 1

และ 3. ความประพฤติ ให้พิจารณาจากการรักษาวินัย การประพฤติตนตามประมวลจริยธรรมข้าราชการตำรวจ ตลอดจนเคารพสิทธิ์และศักดิ์ศรีของผู้อื่น โดยมุ่งประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน รวมถึงภาวะความเป็นผู้นำ ความสามารถในการปกครองบังคับบัญชา การทำงานร่วมกับผู้อื่นในหมู่คณะ มนุษยสัมพันธ์ในการทำงานที่สามารถร่วมกับผู้อื่นได้

ตอนท้ายหนังสือ ที่ 0009.231/ว3096 ระบุไว้ด้วยว่า เพื่อให้การบริหารงานบุคคลเป็นไปด้วยความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ประกอบกับเป็นการเตรียมความพร้อมการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งระดับ สว.ถึงรอง ผบก. วาระประจำปี 2566 จึงให้หน่วยต่างๆ จัดเตรียมข้อมูลลำดับอาวุโสของระดับรอง สว.ถึง ผกก. ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นวาระประจำปี 2566 เพื่อดำเนินการต่อไป

 

สําหรับการแต่งตั้งนายพลใหม่นั้น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้เสนอให้ออกหลักเกณฑ์การแต่งตั้งอีกต่างหาก นอกจากอาวุโส 50% ต้องพิจารณาอาวุโส ความรู้ ความสามารถด้วย รวมทั้งมีการแบ่งจังหวัดใหญ่, กลาง และเล็ก

ยกตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรม ถ้า ผบก.จว.นครศรีธรรมราชว่าง จะขยับรอง ผบก.จว.นครศรีธรรมราช ขึ้นเลยอาจไม่เหมาะ เพราะนครศรีธรรมราชเป็นจังหวัดใหญ่ ควรเอารอง ผบก.จว.นครศรีธรรมราช ไปขึ้น ผบก.จว.ระนองก่อน แล้ว ผบก.จว.ระนอง สไลด์เป็น ผบก.จว.นครศรีธรรมราช เป็นต้น เพื่อยึดเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป

สำหรับการประชุม ก.ตร.เพื่อพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายนายพล คาดว่าจะมีขึ้น 25 สิงหาคมนี้

และการประชุม ก.ตร. อาจขยับออกไปเพื่อรอรัฐบาลใหม่ เพราะ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิส่วนใหญ่ต่างเห็นว่าชอบธรรมมากกว่า

แน่นอนรัฐบาลใหม่มา ‘โผนายพลตำรวจ’ ระส่ำอีก!