คำสารภาพหนุ่มสเปน ฆ่าหั่นหมอโคลัมเบีย ทิ้งเกลื่อนทะเลพะงัน แค้นไม่ยอมเลิก-ขู่แฉ

อาชญากรรม | อาชญา ข่าวสด

 

คำสารภาพหนุ่มสเปน

ฆ่าหั่นหมอโคลัมเบีย

ทิ้งเกลื่อนทะเลพะงัน

แค้นไม่ยอมเลิก-ขู่แฉ

 

เป็นคดีฆาตกรรมที่ถูกนำเสนอไปทั่วโลก สำหรับกรณีฆ่าหั่นศพแพทย์หนุ่มชาวโคลัมเบีย ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี แหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของโลก

ที่มีจุดเริ่มต้นจากการพบชิ้นส่วนผู้เสียชีวิตถูกทิ้งภายในศูนย์กำจัดขยะเกาะพะงัน นำมาซึ่งการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบภาพชายต้องสงสัย ซึ่งก็คือเชฟหนุ่มชาวสเปน ขณะซื้อเครื่องมืออุปกรณ์สังหาร

และเริ่มเข้าเค้าเมื่อพบว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันแนบแน่นมาก่อนหน้านี้ และนัดหมายเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย

แต่ตอนแรกเชฟหนุ่มก็ยังปากแข็ง ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว แต่สุดท้ายก็ต้องจำนนต่อหลักฐาน ทั้งจากภาพวงจรปิด และชิ้นเนื้อที่พบในห้องพักที่เช่าไว้เป็นจุดสังหาร

พร้อมเปิดปากเล่าถึงสาเหตุการลงมือ ที่เกิดจากการพยายามเลิกราความสัมพันธ์แบบชายรักชายครั้งนี้ แต่หมอหนุ่มไม่ยินยอมขู่จะเปิดเผยข้อมูล พร้อมรูปลับประจาน

ด้วยความหวาดกลัวจะกระทบชื่อเสียง จึงตัดสินใจจบความสัมพันธ์ด้วยความตายของชายคนรัก

สุดท้ายก็ไม่สามารถหนีพ้นเงื้อมมือของกฎหมายได้สำเร็จ

หมอโคลัมเบีย

ช็อกหนุ่มสเปนฆ่าหั่นหมอ

เหตุการณ์ระทึกขวัญครั้งนี้เป็นที่รับทราบเมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 สิงหาคม โดยตำรวจ สภ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุพบชิ้นส่วนมนุษย์ถูกทิ้งอยู่ในถุงดำ ที่ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอย เทศบาลตำบลเกาะพะงัน เข้าตรวจสอบพบเป็นชิ้นส่วนสะโพกมนุษย์เพศชาย กว้างประมาณ 50 เซนติเมตร หนักประมาณ 5 กิโลกรัม และอวัยวะลำไส้ ใส่ในถุงดำสวมทับด้วยถุงพลาสติกสีเขียว และกระสอบปุ๋ย ทิ้งไว้ที่ลานปูนสำหรับคัดแยกขยะ ต่อมาตรวจสอบเพิ่มเติม พบชิ้นส่วนเหนือเข่า ท่อนใต้เข่า และมีเสื้อผ้าจำนวนหนึ่ง คาดว่าผู้เสียชีวิตเป็นเพศชาย และน่าจะเป็นรายเดียวกัน

สอบสวนคนงานเก็บขยะ ระบุว่า ถุงขยะนี้มาจากรถเก็บขยะไปเก็บขยะมาจากบริเวณ ต.บ้านใต้ ขยะนี้มาเทที่จุดคัดแยกเมื่อเวลาประมาณ 09.00 น.

หลังจากทราบเรื่อง เจ้าหน้าที่มอบหมายชุดสืบสวน ตรวจสอบหาเบาะแสผู้เสียชีวิต และตรวจสอบร้านขายวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์การเกษตร ร้านสะดวกซื้อ บริเวณเส้นทางรถเก็บขยะวิ่งผ่าน ดูว่าช่วงระยะเวลาก่อนเกิดเหตุ มีผู้ต้องสงสัยมาซื้ออุปกรณ์ มีด ของมีคม ถุงดำ หรือไม่

รวมทั้งตรวจสอบตามที่พัก โรงแรม ว่ามีสิ่งผิดปกติ มีบุคคลสูญหายหรือไม่

เพียงไม่นานก็ได้ข้อมูล เมื่อเช็กภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม มีชายต่างชาติ เข้าไปซื้อมีดขนาด 8 นิ้ว ถุงมือยาง ฟองน้ำ ฝอยขัดสแตนเลส น้ำยาล้างทำความสะอาด ถุงขยะขนาดใหญ่ จากร้านสะดวกซื้อ

จึงตรวจสอบจนพบว่า ชายคนดังกล่าวคือ นายแดเนียล เจอโรนิโม อายุ 29 ปี ชาวสเปน

ซึ่งก่อนหน้านี้ในวันที่ 2 สิงหาคม นายแดเนียลเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าเพื่อนชายที่นัดมาพบกัน ซึ่งก็คือนายเอ็ดวิน มิเกล ชาวโคลัมเบีย วัย 44 ปี หายตัวไป ไม่สามารถติดต่อได้ หลังจากที่เที่ยวดื่มกินกันที่หาดริ้น

เจ้าหน้าที่จึงเพ่งเล็งนายแดเนียลเป็นพิเศษ และเชิญตัวมาสอบปากคำที่ สภ.เกาะพะงัน โดยนายแดเนียลให้การว่าตัวเองเป็นเชฟชาวสเปน รู้จักคบหายนายเอ็ดวิน ศัลยแพทย์ชาวโคลัมเบีย มานานกว่า 1 ปี ก่อนที่นายเอ็ดวินหายตัวไป ได้นัดหมายมาเจอกันที่เกาะพะงัน เพื่อเที่ยวในช่วงฟูลมูนปาร์ตี้

นายแดเนียลให้การว่าไปรับนายเอ็ดวินที่ท่าเรือเกาะพะงัน ตอนเวลา 15.00 น. วันที่ 2 สิงหาคม จากนั้นไปรับประทานอาหาร และเที่ยวต่อที่หาดริ้นใกล้โรงแรมที่เปิดไว้ แต่ต่อมานายเอ็ดวินกลับหายตัวไป จนเข้าแจ้งความ ยืนยันไม่รู้เห็นการหายตัวไปของนายเอ็ดวินเลยแม้แต่น้อย

แต่หลักฐานที่พบไม่เป็นเช่นนั้น!!

คุมฝากขัง

วงจรปิดมัดหลักฐานแน่น

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนกล้องวงจรปิด และการเดินทางของนายแดเนียล จนพบว่ามีพิรุธหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางมาที่เกาะพะงัน ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม และเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ที่นายเอ็ดวินเป็นผู้จอง และจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต

จากนั้นวันที่ 1 สิงหาคม นายแดเนียลได้เช็กเอาต์ออกจากห้องพัก และเปิดโรงแรมอีกแห่งใกล้หาดสลัด เกาะพะงัน ในวันที่ 1 สิงหาคม และในวันที่ 2 สิงหาคม นายแดเนียลพานายเอ็ดวินมาเข้าพักที่โรงแรมดังกล่าว และไม่มีผู้ใดเห็นนายเอ็ดวินอีกเลย

เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมหลักฐานเข้าตรวจสอบห้องพักใกล้หาดสลัด พบว่าตู้เย็น ห้องน้ำ อ่างล้างจานภายในห้องถูกทำความสะอาด ท่อน้ำทิ้งมีคราบเลือด เนื้อเยื่อ คราบไขมันและเส้นขน จึงเก็บตัวอย่างส่งพิสูจน์ ว่าตรงกันกับชิ้นส่วนมนุษย์ที่พบ และตรงกับนายเอ็ดวินหรือไม่

ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็ควบคุมตัวนายแดเนียลไว้ เนื่องจากพบว่าไม่ได้แจ้งเปลี่ยนสถานที่เข้าพักในราชอาณาจักรกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จ.สุราษฎร์ธานี ถือว่าเป็นการปกปิดความจริง จึงเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และหากคดีนายแดเนียลเสร็จสิ้นก็จะผลักดันออกจากราชอาณาจักรต่อไป

ทั้งนี้ จากการสอบสวนทราบว่านายเอ็ดวินเป็นแพทย์ศัลยกรรมเฉพาะทาง ด้านการผ่าตัดแปลงเพศ ที่ประเทศโคลัมเบีย และคบหากับนายแดเนียล ซึ่งเป็นเชฟที่มีชื่อเสียงของประเทศสเปน มานานกว่า 1 ปี โดยทั้งคู่นัดมาพบกันที่ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อร่วมงานฟูลมูนปาร์ตี้

แต่หลังจากที่นายเอ็ดวินเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว เดินทางมายังเกาะพะงัน ญาติไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อสอบถามนายแดเนียลก็แจ้งว่ายังไม่พบกับนายเอ็ดวิน ญาติจึงประสานตำรวจท่องเที่ยวให้ตรวจสอบที่โรงแรมที่ผู้ตายจองไว้ แต่กลับไม่พบทั้งคู่ จนมาตรวจสอบพบว่านายแดเนียลเข้าพักที่โรงแรมดังกล่าวเพียงลำพัง และเช็กเอาต์ออกไปก่อนที่ผู้ตายจะเดินทางมาถึง

เชื่อนายแดเนียลเตรียมการเป็นอย่างดี ซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้อำพรางซ่อนเร้นศพ โดยนายแดเนียลมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด

ความจริงใกล้จะปรากฏ!!

เจอชิ้นส่วนศพ

เปิดคำสารภาพเชฟโหด

เมื่อถูกกดดันหนักเข้าในที่สุดนายแดเนียลก็ยอมเปิดปากสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่านายเอ็ดวิน พร้อมชำแหละศพแยกเอาไปทิ้งเอง โดยแรงจูงใจเกิดจากเมื่อปี 2565 ได้รู้จักนายเอ็ดวินผ่านทางอินสตาแกรม มีการพูดคุยสนทนา และส่งภาพลับให้กันและกัน จนกระทั่งนัดพบ และนายเอ็ดวินได้มอบเงินให้นายแดเนียล 1 หมื่นฟรังก์ หรือประมาณ 4 แสนบาท เพื่อให้เปิดร้านอาหารที่สเปน พร้อมให้บัตรเครดิตไว้ใช้

โดยนายแดเนียลระบุว่า ยอมรับความช่วยเหลือจากนายเอ็ดวิน แต่จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นรักร่วมเพศ แต่มีแฟนเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว ต่อมาเดือนกุมภาพันธ์ 2566 นายแดเนียลขอบอกเลิกนายเอ็ดวิน แต่นายเอ็ดวินไม่ยอม และข่มขู่จะเอาแชตและภาพลับที่เคยส่งแลกกันดูประจานให้อับอาย ซึ่งนายแดเนียลมีบิดาเป็นดาราดัง จึงกลัวครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียง

จึงนัดหมายมาเที่ยวที่เกาะพะงัน อ้างว่าจะมาเที่ยวงานฟูลมูนปาร์ตี้ นายแดเนียลระบุว่าได้ขอเลิกกันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แต่นายเอ็ดวินไม่ยอม และขอมีเพศสัมพันธ์ จนโกรธลงมือชก และหัวกระแทกขอบอ่างเสียชีวิต จึงลงมือสังหาร หั่นศพ แยกชิ้นส่วนศพออกเป็น 14 ชิ้น นำใส่กระเป๋าเดินทางไปทิ้งทะเล

แต่ใส่ไม่หมดจึงนำส่วนที่เหลือใส่ถุงดำนำไปทิ้งถังขยะ ส่วนกระเป๋าเดินทางได้นำไปทิ้งทะเลที่หาดสลัดใกล้กับที่พัก โดยพยายามขอเช่าเรือคายัคต่อจากคนไทยที่ให้บริการเช่าเรือ แต่คนเช่าเรือไม่ให้เช่าเพราะดึกแล้ว นายแดเนียลจึงแสดงอาการไม่พอใจและซื้อเรือต่อในราคา 1,000 ดอลลาร์ ด้วยต้องการตัดความรำคาญ คนไทยจึงขายเรือไป

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เพราะพบเตรียมการซื้ออุปกรณ์สำหรับสังหาร และหั่นศพเอาไว้ก่อนแล้ว

ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงลงค้นหา พบถุงดำถูกคลื่นซัดมาติดโขดหิน เมื่อเปิดดูพบว่าภายในมีชิ้นส่วนร่างกายของนายเอ็ดวิน ประกอบด้วยศีรษะ มือทั้งสองข้าง และชิ้นส่วนที่คาดว่าเป็นท่อนแขนอีก 2 ชิ้น ทำให้ตอนนี้พบชิ้นส่วนอวัยวะแล้ว 8 ชิ้น จากทั้งหมด 14 ชิ้น ยังขาดอีก 6 ชิ้น และเร่งติดตามหาต่อไป

เป็นการปิดคดีที่รวดเร็ว จนฆาตกรต้องจนมุมกับหลักฐาน!!!