เราอ่อนไหวต่อ AI ไม่เท่ากัน

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

Cool Tech | จิตต์สุภา ฉิน

Instagram : @sueching

Facebook.com/JitsupaChin

 

เราอ่อนไหวต่อ AI ไม่เท่ากัน

 

เมื่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอมีบทบาทในชีวิตมนุษย์เพิ่มมากขึ้น หัวข้อที่จะต้องถูกหยิบขึ้นมาคุยอยู่เรื่อยๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือมันจะเข้ามาเพิ่มพูน หรือฉกชิงโอกาสอะไรไปจากเราบ้าง

คำตอบของคำถามข้อนี้ไม่ได้ตายตัวสำหรับทุกคน เพราะเอไอจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้างนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างมาประกอบกัน ปัจจัยที่เราพอจะรู้ๆ กันอยู่แล้วก็อย่างเช่น อาชีพที่ทำ หรือทักษะที่ต้องใช้ ในขณะเดียวกันก็ยังมีบางปัจจัยที่เราอาจจะไม่ทันได้นึกถึงมาก่อน อย่างเช่น เพศ หรือเชื้อชาติ เพราะเอไอส่งผลกระทบต่อคนแต่ละเชื้อชาติและเพศไม่เท่ากัน

ผลการวิจัยล่าสุดจาก Pew Research บอกว่ามีอยู่สองกลุ่มที่อ่อนไหวต่อเอไอมากกว่าใครก็คือกลุ่มคนอเมริกันเชื้อสายเอเชีย และกลุ่มผู้หญิง

Asian business couple talking while walking

การสำรวจครั้งนี้ทำขึ้นโดยเก็บข้อมูลจากคนหลากหลายเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาแล้วพบว่าคนเอเชียในอเมริกาประกอบอาชีพที่มีความอ่อนไหวต่อเอไอมากที่สุด

24 เปอร์เซ็นต์ของคนเอเชียในอเมริกาทำอาชีพที่มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบจากเอไอมากที่สุด รองลงมาคือคนผิวขาวที่ 20 เปอร์เซ็นต์ คนผิวดำ 15 เปอร์เซ็นต์ และคนฮิสแปนิก 13 เปอร์เซ็นต์

ความอ่อนไหวต่อเอไอ หมายถึงคนที่ประกอบอาชีพที่หน้าที่หลักๆ ซึ่งต้องทำเป็นประจำสามารถถูกปรับเปลี่ยนหรือทดแทนได้ด้วยเอไอนั่นเอง

ยกตัวอย่างอาชีพที่มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบมาก เช่น นักวิเคราะห์งบประมาณ คนป้อนข้อมูล หรือนักพัฒนาเว็บ ถือเป็นงานอันดับต้นๆ ที่มีโอกาสกระทบสูง งานเหล่านี้มักจะเป็นงานที่เงินดี ต้องใช้วุฒิการศึกษาระดับปริญญา และเป็นงานที่มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอย่างใกล้ชิดแบบแยกไม่ออก

งานที่เอไอส่งผลกระทบในระดับกลางก็คือตำแหน่งงานอย่าง หัวหน้าบริหาร ผู้จัดการฝ่ายขาย ในขณะที่งานที่มีโอกาสให้เอไอเข้ามาแย่งหรือมาช่วยทำน้อยที่สุดก็คือกลุ่มอาชีพที่ต้องใช้ทักษะการลงมือลงแรง อย่างเช่น พี่เลี้ยงเด็ก นักผจญเพลิง หรือช่างวางท่อประปา เป็นต้น

แล้วข้อมูลเหล่านี้เกี่ยวข้องยังไงกับการบอกว่าคนเอเชียในอเมริกาจะได้รับผลกระทบจากเอไอมากที่สุดกันล่ะ

 

นักวิจัยชี้แจงว่าสาเหตุที่สรุปเช่นนั้นมาจากการที่คนเอเชียในอเมริกามักจะเป็นกลุ่มคนที่ได้รับการศึกษาสูง มีแนวโน้มจะทำงานที่ต้องใช้การวิเคราะห์ หรืองานที่ต้องอยู่กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งทั้งการวิเคราะห์ และการทำงานกับเทคโนโลยีนี่แหละที่เข้าทางเอไอเป๊ะๆ

เอไออาจจะเข้ามาช่วยให้ทำงานได้ไหลลื่นขึ้นก็ได้ หรืออาจจะเข้ามาทดแทนให้คนหมดคุณค่าในบางงานก็ได้ แปลว่ามันอาจจะให้คุณกับบางคน แล้วให้โทษกับบางคน ไม่ได้เป็นคุณล้วนๆ หรือโทษล้วนๆ แต่สิ่งที่แน่นอนคือเอไอจะส่งผลกระทบบางอย่างต่องานที่ทำไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

การที่ผลวิจัยบอกว่าคนฮิสแปนิกจะได้รับผลกระทบจากเอไอน้อยที่สุดก็มาจากข้อมูลที่ระบุว่าประชากรกลุ่มนี้มักจะไปกระจุกตัวกันอยู่ในกลุ่มอาชีพที่ต้องใช้แรงงานกันมาก อย่างงานก่อสร้าง ซ่อมแซม หรืองานทำสวน จัดสวน

ซึ่งเอไอยังไม่มีความสามารถที่จะเข้ามาช่วยหรือทดแทนงานประเภทนี้

 

นอกจากปัจจัยเรื่องเชื้อชาติแล้ว เอไอก็ส่งผลกระทบต่อเพศหญิงและเพศชายไม่เท่ากันโดยมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด

ผลการวิจัยครั้งนี้พบว่าผู้หญิงราว 21 เปอร์เซ็นต์ประกอบอาชีพที่มีโอกาสได้รับผลกระทบจากเอไอมากที่สุด เปรียบเทียบกับผู้ชายที่ 17 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากผู้หญิงจำนวนมากประกอบอาชีพด้านสาธารณสุขและการศึกษา ส่วนผู้ชายก็จะเทไปอยู่ในอุตสาหกรรมอย่างก่อสร้างหรือการผลิต

ข่าวดีก็คือเมื่อได้สัมภาษณ์พูดคุยกับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเอไอสูง ทีมวิจัยก็พบว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้กลัวว่าเอไอจะเป็นภัยคุกคามเลย 32 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่าเอไอจะมาช่วยทำให้พวกเขาทำงานที่ทำอยู่แล้วได้ดีขึ้น มีเพียง 11 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ไม่เห็นด้วย

ยังมีอยู่เรื่องหนึ่งที่สร้างความกังวลอยู่บ้างก็คือกลุ่มคนเอเชียในอเมริกากลัวว่าเอไอจะให้ผลกระทบด้านบวกต่อคนเอเชียที่มีอาชีพการงานอยู่ในระดับสูง มั่นคง ผลตอบแทนดีอยู่แล้ว และกลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำหรืออยู่ในสาขาอาชีพที่ไม่ได้เทคโนโลยีจ๋าก็จะได้รับผลกระทบด้านลบมาแทน

อยู่ในกลุ่มคนเอเชียอเมริกันก็ว่าเสี่ยงสูงกว่ากลุ่มอื่นแล้ว ยิ่งเป็นเอเชียอเมริกันด้วย เป็นผู้หญิงด้วย ก็แบกรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอีก

ในตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าผลลัพธ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไรเพราะยังต้องใช้เวลาศึกษาดูกันต่อไป นี่อาจจะเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่าเป็นคลื่นลูกแรกเท่านั้น แต่สิ่งที่เราจะต้องเดินหน้าถกเถียงหาทางออกกันต่อไปก็คือทำอย่างไรให้เอไอเป็นเครื่องมือที่คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ใช้เพื่อสร้างโอกาสในชีวิตได้โดยไม่ถูกปิดกั้นและไม่จำกัดให้ใช้เฉพาะในกลุ่มคนที่มีโอกาสสูงกว่าหรือรายได้ดีกว่า

ต้องวางแนวทางในการเดินหน้าแบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังด้วย