กำแพงเหล็ก “บทเฉพาะกาล” | จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

“สามเพลงตกม้าตาย” เคยฟันธงมาตลอด ติดต่อกันหลายครั้งหลายคราว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกลจะ “บริโภคแห้ว” ไม่สามารถก้าวไปหยิบชิ้นปลามันตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรีคนที่ 30” ได้สำเร็จ

เพราะสะดุดกับดัก “บทเฉพาะกาล” รัฐธรรมนูญ 2560 แห่งมาตรา 272 ที่ระบุเอาไว้ว่า “การให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี การพิจารณาให้ความเห็นชอบ ให้กระทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา และมติที่เห็นชอบ ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา”

สองสภารวมกันคือ 750 เสียง มากกว่ากึ่งหนึ่ง เท่ากับ 376 เสียง ผลโหวตครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม “นายพิธา” ได้รับเสียงสนับสนุนเพียง 324 เสียง ต่ำกว่าเกณฑ์ 52 เสียง จาก 8 พรรคพันธมิตรที่จับมือกันมาตั้งแต่เบื้องต้น 311 เสียง มี ส.ว.ที่ใจกล้าฝ่าด่านพลังจารีตอันแข็งแกร่งมาสมทบเพียง 13 รายเท่านั้น

นอกจากกำแพงเหล็ก “บทเฉพาะกาล” แล้ว “นายพิธา” ยังโดนเกมไล่จับหนู มุ่งกระแทกกลางอยู่อีกดอก กับกรณีที่ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” หรือ “กกต.” มีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 1 ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) หรือไม่ จากเหตุที่มีชื่อถือครองหุ้นสื่อบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) รวมทั้งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย

ปรากฏว่า สองกรรมสองวาระ โป๊ะเชะ มาป๊ะกันโดยบังเอิญราวกับนัดหมาย วันที่ 19 กรกฎาคม วันที่รัฐสภากำหนดโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี รอบที่ 2 โดย 8 พันธมิตร ยังยืนกรานส่งชื่อ “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เข้าประกวดรอบที่ 2

ซึ่งโหรการเมืองทุกสำนักพยากรณ์ตรงกันว่า “พิธา” น่าจะฝ่าทางตันยาก และเสียงโหวตสนับสนุนน่าจะต่ำกว่าการลงมติครั้งแรก คือไม่ถึง 324 เสียง โดยเชื่อว่า ส.ว. 13 คนที่โหวตหนุนครั้งแรก จะถอนใจกลับลำจำนวนหนึ่ง

ขณะที่น้ำลายกำลังท่วมทุ่งอยู่ที่ประชุมรัฐสภา คนเห็นต่างถกกันเดือด ก่อนเข้าพิธีโหวตรอบที่ 2 เวลาใกล้เคียงกัน “ศาลรัฐธรรมนูญ” ออกเอกสารเผยแพร่ผลการประชุม ระบุว่า “ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย”

กรณี กกต.ขอให้วินิจฉัย ว่าสมาชิกภาพของ “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) แล้วหรือไม่ จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นไอทีวี โดยให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน

สำหรับคำขอของ “กกต.” ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ “นายพิธา” หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ศาลมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 ให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

“เอวัง” ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกฯ กับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 “พระเอกตายตอนจบ” ก็มีด้วยประการฉะนี้แล

 

ทีนี้ข้ามห้วยตามไปดูแผนตั้งต้น โฉมหน้าการฟอร์มรัฐบาลใหม่ เมื่อ “พิธา-ก้าวไกล” พรรคอันดับ 1 โดนดาบสองเล่มกะซวกดับคาเขียง “พรรคเพื่อไทย” กลับขาวสะอาด สง่างาม ความดีเสมอหน้า มีความชอบธรรมสูง ที่จะก้าวมารับไม้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลใหม่

ข่าวคลุกวงในฟันธงแล้วเมื่อล่าสุดว่า คนที่พรรคเคาะให้มารับไม้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย สูงยาวเข่าดี ชื่อ “นายเศรษฐา ทวีสิน” โดยที่ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” แคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 ขอตีไพ่หมอบเอาไว้ก่อน

ตอนนี้ลูกพรรค ทั้งบ้านเล็ก-บ้านใหญ่ ประสานสิบทิศ เดินสายไล่ปิดดีล ดีดลูกคิดดูทิศทางลมแล้วมีอยู่ด้วยกันหลายสูตร

“สูตรที่ 1” พรรคเพื่อไทย 141 เสียง สลับขั้ว ย้ายข้าง มาจับมือกับ “กลุ่มอำนาจเก่า” 188 เสียง ทั้ง “ภูมิใจไทย+พลังประชารัฐ+รวมไทยสร้างชาติ+ประชาธิปัตย์+ชาติไทยพัฒนา” เป็นรัฐบาล 329 เสียง ผ่านเกณฑ์ 376 เสียงสบายบื๋อสะดือบาน เพราะ “ส.ว.” จะแห่นาคมาสมทบเกิน 200 แน่นอน สูตรนี้ “ทักษิณ ชินวัตร” กลับเมืองไทยต้นเดือนสิงหาคม สะดวกโยธิน

“สูตรที่ 2” “เพื่อไทย” 141 + “ภูมิใจไทย” 71 + “พลังประชารัฐ” 40 + “ชาติไทยพัฒนา” 10 + “ประชาชาติ” 9 + “ไทยสร้างไทย” 6 + พรรคเล็ก 4 เท่ากับ 281 เสียง พ้นโซนอันตราย สบายเหมือนกัน โดย “ส.ว.” เครือข่ายบ้านป่ารอยต่อฯ ของ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” จะมาช่วยเติมเต็ม ได้ไม่น้อยกว่า 70 เสียง

“สูตรที่ 3” “เพื่อไทย+ภูมิใจไทย+รวมไทยสร้างชาติ” 36 เสียง+ชาติไทยพัฒนา+ประชาชาติ+ไทยสร้างไทย+พรรคเล็ก เท่ากับ 277 สูตรนี้ “คุณพี่ ส.ว.” สาย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” มาช่วยการันตี ให้รัฐบาล “เศรษฐา 1” ผ่านฉลุย เสียงท่วมท้นล้นเหลือมากที่สุด

“สูตรที่ 4” พรรคเพื่อไทย ไม่ทิ้งเพื่อนที่ชื่อ “ก้าวไกล” แม้จะมี ส.ว.สายอนุรักษ์ ขู่เสียงเข้มเสียงเขียวว่า จะไม่โหวตสนับสนุนกรณีที่เพื่อไทยเป็นเตี้ยอุ้มค่อม เอา “ก้าวไกล” มาร่วมรัฐบาลด้วย

แต่ล่าสุด มีข่าวว่า เพื่อไทย อารยะขัดขืน ตัดสินใจยกแพ็กเกจ 8 พรรคพันธมิตรที่จับมือกันในเบื้องต้นมาทั้งแผง รวม 311 เสียง ปลอบประโลม ถนอมหัวใจ “ก้าวไกล” ที่บอบช้ำมาอย่างหนัก ยังคงดำรงอยู่ ไปด้วยกันต่อ

แต่แก้หมากด้วยการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดที่ไม่ให้เกิดปัญหามาก หมากแก้ให้ผ่านเกณฑ์ 376 เสียงของสองสภารวมกันให้ได้ก่อนเป็นลำดับแรก

คือดึง “พรรคพลังประชารัฐ” ของ “ลุงป้อม” 40 เสียงมาร่วมวงไพบูลย์ ฐานรัฐบาลภายใต้ร่มเงานี้ จะประกอบด้วย 311+40 เท่ากับ 351 เสียง หากเอา ส.ว. 13 เสียงที่ยกมือสนับสนุน “พิธา” ในการโหวตครั้งแรกมารวมเข่ง ขาดอยู่เพียง 22 เสียง จะผ่าทางตันเกินกึ่งหนึ่งของสองสภารวมกัน

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า ในจำนวนวุฒิสมาชิก 250 คนที่แต่งตั้งในเบื้องต้น วัดครึ่ง กรรมการครึ่ง ระหว่าง “บิ๊กตู่กับบิ๊กป้อม” ดังนั้น 22 เสียงที่ “พล.อ.ประวิตร” จะใช้พลังไฮเพาเวอร์ดึงมาร่วมโหวต “เศรษฐา” ขึ้นแป้นนายกฯ คนที่ 30 จึงไม่น่ายาก

หากหวยการเมืองสูตรนี้จริง คงสนุกไม่เบา เมื่อเหลียวหลังแลหน้าไปดูซีกฝ่ายค้าน ที่ต้องประกอบไปด้วย

“ภูมิใจไทย+รวมไทยสร้างชาติ+ประชาธิปัตย์+ชาติไทยพัฒนา”

โดยมี “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นผู้นำฝ่ายค้าน