‘นิ่ง’ | ปริญญากร วรวรรณ

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ

‘นิ่ง’

 

ต้นเดือนกรกฎาคม

แสงแดดของเวลาบ่ายสี่โมงเย็น ทอทาบกับทุ่งหญ้าเล็กๆ ซึ่งถูกโอบล้อมด้วยแนวป่าทึบ บริเวณทุ่งหญ้าเกิดเป็นแสงเงาสวยงาม แสงยามบ่ายของวันเวลาในฤดูฝนที่สายฝนทิ้งช่วงไปหลายวันเป็นเช่นนี้เสมอ

ทุ่งหญ้าสวยงาม ท่ามกลางความเงียบ ไร้เสียงนก เสียงเก้ง ไม่มีเสียงกระรอกที่เป็นยามอยู่ในละแวกนี้

บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ รวมทั้งทุ่งหญ้าว่างเปล่าแบบนี้ เป็นตั้งแต่เช้า

จะว่าไป ไม่เพียงแค่เช้าวันนี้หรอก ผมเฝ้ารออยู่ในซุ้มบังไพรกับบรรยากาศนี้มาแล้วร่วมหนึ่งสัปดาห์

 

วันแรกที่มาถึง ฝนตกตั้งแต่เช้า และตกหนักสลับเบา อากาศมืดครึ้ม

ฝนตกอยู่สองวันแล้วก็จากไป สภาพแสงในช่วงเช้าและเย็นสวยงาม ว่างเปล่า ไร้วี่แววสิ่งมีชีวิตที่จะลงมากินน้ำในแอ่งน้ำซับเล็ก กลางทุ่งหญ้า

ที่จริงในช่วงฤดูฝน นี่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เป็นเวลาซึ่งป่าอยู่ในสภาพอุดมสมบูรณ์ น้ำ รวมทั้งอาหารมีอยู่ทุกแห่ง หน่อไม้ในป่าไผ่เชิงเขาโผล่พ้นดินใหม่ๆ มีรสชาติหวานอร่อย สัตว์ป่ารับรู้ความจริงนี้ พวกมันกระจายไปทั่วตามแหล่งอาหาร แหล่งน้ำ อันเป็นที่พึ่งพาตลอดปี ไม่ว่าลำห้วยหรือโป่ง ถูกทอดทิ้งชั่วคราว เป็นเวลาที่สัตว์ป่ามีอาหารอุดม

แต่สำหรับผม ความว่างเปล่าคือสิ่งที่ต้องพบเจอในทุกวัน

 

สภาพแสงสวยงามปรากฏอยู่เบื้องหน้า ยิ่งแสงสวยมากเท่าใด ผมยิ่งนึกถึงภาพสัตว์ป่ายืนอยู่ท่ามกลางแสงสวยๆ นี้ ถ้าเสือดาวสักตัวมาหมอบกินน้ำใกล้หินก้อนนั้น แสงที่สาดส่องมาจากทางเบื้องหลังคงทำให้เกิดเงาที่ปลายขนเสือ และมันจะเป็นภาพสวยๆ ภาพหนึ่ง

การคิดเช่นนี้ ช่วยให้การเฝ้ารอไม่น่าเบื่อและมีความหวัง

แต่ก็นั่นแหละ หลายวันผ่านไปกับบรรยากาศนี้ ผมเริ่มรู้สึกได้ถึงความอึดอัดคับแคบของซุ้มบังไพรมากขึ้น และหากมีนกสักตัวมาเกาะบนกิ่งไม้ใกล้ๆ ผมจะกดชัตเตอร์อย่างพิถีพิถัน ใช้เวลานานกับการบันทึกภาพ กระทั่งอยากบอกนกตัวนั้นว่า อยู่ตรงนี้นานๆ เถอะ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน แต่นกคงไม่ฟัง ไม่สนใจ สักพักมันก็บินจากไป

ผมเข้ามาอยู่ในสังคมของสัตว์ป่า แน่นอนว่า ผมคือสิ่งแปลกปลอมอันไม่น่าวางใจ เป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกร้องให้สัตว์อยู่เป็นเพื่อน

กับความว่างเปล่า ผมเข้าใจมากขึ้นว่า ไม่ว่าจะซ่อนตัวมิดชิดแนบเนียนเพียงไร สัตว์ป่าก็สัมผัสได้ ผมเชื่อว่า ทุกครั้งที่พบเจอกันในขณะเฝ้ารออยู่ในซุ้มบังไพร เป็นเพราะพวกมันอนุญาต

ซ่อนตัวมิดชิด คือการขออนุญาตแบบหนึ่ง

 

แคมป์ไกลจากลำห้วยพอสมควร เราระวังกับสายน้ำอันจะหลากมาโดยไม่รู้ตัว ในช่วงฝน สายน้ำหลายครั้งจะเพิ่มระดับรวดเร็ว แคมป์อยู่ใต้ดงไม้ทึบ กลางคืนเราไม่เห็นดาวระยิบ

“ไม่มีรอยตีนสัตว์เลยครับ คงเข้าไปกินหน่อไม้ในป่าไผ่กันหมด”

ชมภู่ ชายหนุ่มวัย 20 ปลาย คนงานจากหน่วยพิทักษ์ป่า บอกตอนผมเดินกลับถึงแคมป์

วันนี้เขาไปสำรวจรอบๆ มีผักกูดกับหน่อไม้ติดมือมา หน่อไม้อ่อนต้มจิ้มน้ำพริก คือเมนูประจำ วันนี้ชมภู่จะแกงหน่อไม้

เป็นคืนที่ท้องฟ้าโปร่ง กองไฟเหลือถ่านแดงๆ เขียดส่งเสียง

“แถวบ้านเรียกเขียดอีโม่ครับ” ชมภู่หมายถึงเสียงที่ระงมอยู่รอบๆ

ผมขึ้นเปล ความว่างเปล่าที่พบในตอนกลางวัน คล้ายจะได้รับการชดเชยด้วยเสียงเขียดกล่อมให้นอนอย่างมีความสุข

เก้ง – เก้งมีประสาทระวังภัยดี ทั้งจมูกและสายตา เป็นเรื่องปกติที่จะพบว่ามันกระโจนหนีอย่างรวดเร็วเมื่อได้กลิ่นหรือสัมผัสได้ว่ามีผู้ล่าอยู่ใกล้ๆ

ในช่วงเวลาที่สัตว์มีอาหารค่อนข้างสมบูรณ์เช่นนี้ นอกจากวันที่ฝนทิ้งช่วง แสงจะสวยงามเวลาค่ำมาถึงช้า ข้อดีอีกประการคือ ยุงและริ้นมีไม่มาก อากาศไม่ร้อนอบอ้าว การนั่งอยู่ในซุ้มบังไพรมีความสบายพอสมควร

เอาเข้าจริง นี่ไม่ใช่เวลาที่ดีเหมาะสมสำหรับงานถ่ายภาพสัตว์ป่า อาจเป็นเวลาที่ผมจะได้ใช้เวลานั่งนิ่งๆ ทบทวนบทเรียนต่างๆ ที่เหล่าสัตว์ป่าเวียนเข้ามาสอน

ผมคิดเช่นนี้เมื่อละสายตาจากแสงสวยงาม ก้มลงมองที่พื้น และพบงูตัวดำมะเมื่อม ทอดตัวยาวอยู่ติดกับเท้า

 

ผมขยับเท้าด้วยความตกใจ ทำให้งูยกตัวขึ้น โยกหัวไปมา ผมรู้ดีว่า ถ้ามันฉก คงป่วยการที่จะเดินกลับแคมป์หนึ่งชั่วโมง และอีก 5 ชั่วโมงถึงหน่วยพิทักษ์ป่า เพื่อขับรถอีก 5 ชั่วโมงจึงถึงสถานีอนามัยใกล้สุด

ผมนั่งนิ่ง ตั้งสติ ผมควรรู้ตั้งแต่ตอนได้ยินเสียงไม้พลิกเมื่อสักครู่แล้ว ไม่ควรให้งูเข้ามาใกล้ถึงตัวขนาดนี้

ผมพยายามคิดเอาอย่างไรดี งูอยู่ทางด้านขวา ถ้าค่อยๆ ขยับถอย แต่คงเป็นไปได้ยากที่จะทำในพื้นที่แคบๆ อย่างนี้

งูชูหัวนิ่งเช่นกัน ถ้าจะฉก มันต้องเอนตัวไปด้านหลัง ผมอาจขยับหนีทัน ผมคิดทั้งที่รู้ว่าไร้หนทาง

ผมรับรู้ถึงความชื้นในอุ้งมือ ตาเริ่มแสบ เพราะเหงื่อไหลเข้าตา

ผ่านไปราวหนึ่งนาที งูยังนิ่ง หากผมนิ่ง งูคงผละไป เมื่อสักครู่มันยกตัวขึ้นเพราะผมขยับเท้าเท่านั้น

จริงอย่างที่ผมคิด หลังโยกตัวอีกสองครั้ง งูค่อยๆ ลดหัวลงเลื้อยข้ามเท้าข้างขวาออกไป งูตัวไม่ยาวหรอก แต่ตอนเลื้อยข้ามไปนั่น ผมรู้สึกว่ามันเป็นงูที่ตัวยาวที่สุดในโลก

ผมถอนใจยาว เช็ดเหงื่อที่ใบหน้า และมือเปียกชื้น

มองออกไปที่ทุ่งหญ้าเล็ก เก้งตัวหนึ่งยืนมองมาทางซุ้มบังไพร

เก้งทำให้ช่วงเวลาแห่งความว่างเปล่าหมดไป

 

ในความสลัว ผมเดินกลับแคมป์ ดาวศุกร์ส่องประกายอยู่ใกล้ๆ เสี้ยวบาง ของคืนขึ้นสองค่ำ

หลายวันมานี้ ผมเรียนรู้ที่จะอยู่กับความว่างเปล่า

เย็นวันนี้ งูเห่าตัวหนึ่งสอนให้รู้ว่า ในความว่างเปล่า มีหลายสิ่งอยู่ในนั้น

เรียนรู้ที่จะ “นิ่ง” อยู่ในความว่างเปล่านั้นสำคัญ •

 

หลังเลนส์ในดงลึก | ปริญญากร วรวรรณ