‘ฮุน เซน 2023’ บนภัยคุกคามนาม ‘พิธา’

อภิญญา ตะวันออก

หลังเลือกตั้งหมาดๆ ไม่กี่เพลา กัมพูชาและระบอบฮุนเซนยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างราบรื่น ง่ายดาย เมื่อเทียบกับไทยที่เลือกตั้งไปก่อนถึง 9 สัปดาห์นั้น แต่ผลต่างออกมาราวกับ “ฟ้ากับเหว”

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า ฝ่ายค้านกัมพูชา ต่างมีความหวังฝากไว้กับพรรค “Move Forward Party” หรือก้าวไกลของไทย

ที่สร้างกฎใหม่ๆ แต่เปลี่ยนแปลงมากมาย (ในใจ) ให้แก่ชาวสรกแขมร์ โดยเฉพาะฝ่ายประชาธิปไตยที่ต่อต้านสมเด็จฮุน เซน ไม่มากก็น้อย

พวกเขาสัมผัสได้ถึงอำนาจการเปลี่ยนแปลง

แต่นั่นแหละ โลกนี้ไม่มีอะไรง่าย

ก็ขนาดลูกในไส้ ฮุน มาแนต ที่ถูกอบรมว่าที่นายกรัฐมนตรีจากผู้บิดาได้ไม่ยาก แต่กระนั้นสมเด็จฮุน เซน ก็ไม่อยากวางอำนาจ

มันน่าขันขื่นไหมล่ะสำหรับวาสนาแบบนี้?

แต่สำหรับระบอบอำนาจที่เสถียรภาพขนาดนั้น จนมองไม่เห็นทางว่าใครจะมา “ดิสรัปชั่น” หรือฝังกลบระบอบฮุนเซนเดิมนี้ไปได้

นอกจากภัยคุกคามจากภายในของตนเอง ซึ่งเอาเข้าจริง ยังไม่มีศัตรูในพรรคซีพีพี/ประชาชนกัมพูชาที่ชัดเจนเช่นนั้น

อย่างน้อย กัมพูชาก็หมดภัยคุกคามนี้ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1993 หรือย้อนไปกว่านั้น 2-3 ปี ที่การลงนามสัญญาปารีส/1991 ซึ่งปลอดภัยเรื่อยมา

แต่จู่ๆ ที่สรกเสียม ก็มีคนบ้า? ที่ชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และคณะก้าวไกล (Move Forward Party/MFP) หรือสึนามิสีส้มที่กล้าประกาศตัวเป็น “บิ๊กแบง” ที่จะเข้ามา “ระเบิดศักยภาพ” มนุษย์พันธุ์ของตัวเอง!

จากสรกเสียม แผ่ไปยังเมืองเขมร!

จากทฤษฎีสมคบคิดของ 2 นคราไทย-กัมพูชาในรูปผลต่างตอบแทนจากผลพวงปกครองกึ่งระบอบเดียวกันในห้วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างเห็นได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ก็กลับมาสู่วังวนการเมืองของ 2 ประเทศนี้

แต่พลัน อานุภาพพรรคการเมืองอีกด้านที่สร้างแสงสว่าง ณ ปลายอุโมงค์ ปะทุโชนขึ้นมาและเปรียบเทียบให้เห็นว่า ไม่ว่าสมเด็จฮุน เซน จะใช้กลอุบายตัดสิทธิ์พรรคเพลิงเทียน (แสงเทียน) ไม่ให้เข้าสู่การเลือกตั้งกัมพูชาที่ผ่านมาอย่างไร

แต่พวกเขาสามารถจะ “ดลบันดาล” ซึ่งในภาษาเขมรหมายถึงระบบศึกษา ไปสู่มโนสำนึกบนฉากทัศน์ใหม่ ซึ่งวัฒนธรรมการเมืองแบบใหม่ของประเทศเพื่อนบ้านนี้ต่างหากที่อาจดลบันดาล และสร้างผลกระทบต่อระบอบฮุนเซน!

‘พิธา & MFP’ ของไทยที่อาจจะไปทำให้กัมพูชาและการเมืองที่นั่นมีความเปลี่ยนแปลงบ้าง

สมเด็จฮุน เซน จึงมีความไม่สบายใจ กลัวว่าไทยจะเปลี่ยนโฉมหน้าตัวเองไปสู่ระบอบเสรีนิยมก้าวหน้าที่ไม่ช่วยนำพาสง่าราศีให้ตัวเอง

ประสาอะไรการเมืองเขมรตอนนี้ที่กำลังอยู่บนคานอำนาจอันเบ็ดเสร็จ แต่คล้ายติดขื่อกับดักที่ชื่อสึนามิพิธา แห่งสรกเสียม!

เมื่อสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่กำลังจะมาเยือน ณ ทำเนียบตาเขมา แล้วกัมพูชาจะเหลือรอดจริงหรือ?

นี่คือฉากทัศน์ที่ทำให้สมเด็จฮุน เซน รู้สึกไม่เสบย

โดยรู้ตัวว่า กำลังถูกโดดเดี่ยวจากนานาประเทศโดยเฉพาะหากสหภาพยุโรปหรืออียูลงดาบด้านนโยบายการค้าซึ่งเท่ากับปิดประตูตีแมว/ฉมา และอีกนโยบายเอเชียแปซิฟิกของสหรัฐต่อไต้หวันและภูมิภาคอาเซียนที่จะกระทบต่อกัมพูชา

นับวันระบอบฮุนเซนกำลังถูกสงครามเงียบนี้โจมตีอย่างดุดันโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า จนทำเอาทำเนียบแห่งใหม่ ณ ภูมิตาเขมาที่สุดจะโอฬาร เผชิญอากาศธาตุกลับสุดแสนจะกะเดา

อื่นใดๆ พึงทราบว่า เส้นทางการเมือง 30 ปีที่ผ่านมา ฉากทัศน์เหล่านี้ ไม่เคยมีครั้งใดที่สมเด็จฮุน เซน จะตกเป็นฝ่ายรับมือ โดยเฉพาะเหตุการณ์จากเพื่อนบ้านหรือสรกเสียม/เซียม

จนกระทั่งพรรค MFP/ก้าวไกล ได้ชัยชนะ ฮุน เซน นั้นถึงกับผงะ ตกใจปรากฏการณ์นี้ที่เหนือความคาดหมายและยังก้าวไปไกลกว่า ตรงที่มันคือพลังงานรูปแบบใหม่ที่รุกคืบเข้าไปในหมู่ชาวเขมรโดยเฉพาะแนวคิดทางการเมืองที่ต่อต้านรัฐอำนาจ

และดูเหมือนว่า ไม่เร็วหรือช้า กระแสอันรุนแรง อันคุกคามจนควบคุมไม่ได้ หากไม่ดับไฟแต่ต้นทางเสียแล้ว คลื่น MFP & ปีศาจพิธาตัวนั้นอาจส่งผลทางใดทางหนึ่งต่อผู้นำกัมพูชา

เอฟเฟ็กต์จึงตามมาอย่างเห็นได้ ฮุน เซน เริ่มสร้างเฟกนิวส์เรื่องแรงงานเพื่อใส่ร้ายพิธา ตามมาด้วยการขุดคุ้ยอื่นๆ

‘พิธา & MFP’ คือภัยคุกคามระบอบฮุนเซนอันแท้ทรู?

เชื่อไหม คะแนนเสียงของพิธาและก้าวไกลเมื่อรวมกันแล้ว คือพลเมืองทั้งประเทศกัมพูชา

ดังนี้ “พิธา และ MFP” จึงไม่เป็นเพียงภัยคุกคามต่อเฉพาะระบอบทุนการเมืองของไทยและเขมรเท่านั้น ที่ต่างมีผลตอบแทนซึ่งกันมา และการที่พิธาแพ้โหวตรัฐสภาหนแรกชวดเป็นนายกฯ มันคือข่าวดีที่สมเด็จฮุน เซน ถึงกับลงเทเลแกรม ประกาศเย้ยหยันฝ่ายต่อต้านและสัม รังสี

กระนั้น ระบอบฮุนเซนที่ปกครองมายาวนานย่อมทราบดีในทฤษฎีสมคบคิดแลกผลประโยชน์ซึ่งกันระหว่าง “เสียม-แขมร์” ที่ผ่านมากับขั้วอำนาจเก่าของไทย และบัดนี้ 1 ในคณะ คสช.อดีตที่เป็นฝ่ายนั้นก็ลามือการเมืองไปแล้วสำหรับประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งฮุน เซน ย่อมคาดหวังผู้นำคนใหม่ของไทย ที่อย่างน้อยตนเองเคยสังฆกรรมมาก่อน

แต่ต้องไม่ใช่นายพิธา ผู้ที่ทำให้เกิดการตื่นรู้การเมืองในหมู่ชาวเขมรคนนี้!

ดังนี้ “ภารกิจสังหารสัตว์กะดอล” หรือหนูในแปลงนาของประเทศเสียมที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปยกแรก “หึหึ” ในที่สุด ศัตรูตัวแรกก็ถูกกำจัดและสร้างความชื่นมื่น/รีกรายให้แก่สมเด็จฮุน เซน เป็นอย่างมากที่พิธาไม่มีโอกาสกลับมาเฉิดฉาย

หาไม่แล้ว ‘พิธา & MFP’ จะเป็นภัยคุกคามร้ายแรงของสมเด็จฮุน เซน อย่างเห็นได้ชัด มันยังอันตรายไปด้วยพลังงานซอฟต์เพาเวอร์จากผู้นำการเมืองที่อาจขยายตัวไปมากในอีกหลายๆ เรื่องในเชิงปฏิปักษ์ ซึ่งฉากทัศน์เหล่านี้ หากฝ่ายตรงข้ามเรียนรู้และนำไปใช้ในด้านการสร้างกระแสความนิยมแล้วย่อมสร้างผลลบต่อระบอบฮุนเซน

และอย่างน้อย การที่พิธาไม่อาจระเบิดศักยภาพในความเป็นผู้นำของตัวเองออกมา นั่นเท่ากับลดความสำคัญของสัม รังสี และฝ่ายต่อต้านตนไปนัยที

แต่จะดีกว่านี้มาก หากสรกเสียมมีรัฐประหารรอบใหม่ที่จะช่วยประคองให้กัมพูชารอดพ้นชนวนโดมิโนของระบอบเสรีนิยมตลอดจนความโดดเดี่ยวจากภูมิภาคนี้ ซึ่งเริ่มทันทีที่การเลือกตั้งเสร็จสิ้น

เพราะไม่รอดแล้วรอบนี้ สำหรับสหภาพยุโรป/อียู ที่จะเพิกถอนสิทธิพิเศษด้านภาษีในการส่งออกสินค้าทั้งหมดของกัมพูชา ฉากทัศน์ที่ว่า คือสหรัฐก็อาจใช้กฎเดียวกับอียู

โรงงานหลายแห่งอาจจะต้องปิดตัวตามมา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังล้มต่อกันเป็นโดมิโน การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า แต่ทว่า ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมที่เห็นชัดว่ารัฐบาลฮุน เซน หมดทางแก้ปัญหา และทำให้ภาคเกษตรกรรมเขมรวิบัติซ้ำ การแข่งขันในตลาดเสรีที่ค่อยๆ ปิดตัวลง

กัมพูชาจะประสบวิกฤตใหญ่ในหลายๆ ด้านที่รุมเร้า รอบนี้ที่จำเป็นต้องเยียวยาตัวเอง แม้แต่มหาอำนาจอย่างจีนก็อาจช่วยเหลืออย่างมีเงื่อนไข

ตัวอย่างเร็วๆ นี้ รัฐบาลเขมรประกาศให้หยวนเป็นเงินสกุลทางการของประเทศแม้จะไม่อาจทดแทนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ทำให้เห็นเค้าลางว่า สรกแห่งนี้ กำลังขาดอิสระทางการเงิน แบกหนี้สินท่วมบ่าและกำลังเข้าสู่วังวนแห่งการพึ่งพามหามิตรอำนาจที่มีเงื่อนไขประเทศเป็นเดิมพัน!

และชัดเจนไปอีกว่า ปากเหวที่ฮุน เซน ขุดสร้างพรางไว้ กำลังบังคับให้เขาใช้กลไกปกครองประเทศอย่างมีข้อจำกัด และในที่สุด การเรียกร้องลุกฮือที่อาจพังครืนตามมา

หากแต่ “เทวทูตสื่อสาร” จากสึนามึ-พิธา ที่เป็นเหมือนกระจกสะท้อนอย่างตรงไปตรงมาต่อระบอบฮุนเซนอย่างเห็นชัด โดยเฉพาะวรรคทองอมตะ

“เวลาแห่งอนาคตของยุคท่าน มันจบลงแล้ว ขอรับ”