เผยแพร่ |
---|
กระบวนการเปิดตัว นายปดิพัทธ์ สันติธาดา เป็นกระบวนการเปิดตัวในบรรยากาศแห่งการต่อสู้อันแหลมคมและทวีความร้อนแรงในทางการเมือง
บรรยากาศนั้นเป็นบรรยากาศแห่ง”การต่อรอง”อย่างรุกไล่มา จากพันธมิตรอันเป็น”พรรคอันดับ 2”มีความต่างระหว่างจำนวน 151 กับจำนวน 141 เพียง 10
ไม่ว่าพรรคอันดับ 1 ไม่ว่าพรรคอันดับ 2 ล้วนยอมรับตรงกันในลักษณะอันเป็น”ธรรมชาติ”ในทางการเมืองผ่านกระบวนการต่อรองเพื่อชิงความได้เปรียบ
แต่คำถามอันตามมาโดยอัตโนมัติก็คือ เป็นกระบวนการต่อรองที่มีความชอบธรรม ดำเนินไปอย่างมีเหตุผลรองรับอย่างพอเพียงเพียงใด
หากมองผ่านบางถ้อยคำของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ก็น่าเห็นใจอย่างยิ่ง เพราะเป็นการต่อรองในลักษณะแห่ง”การขอ”มิได้เป็น”การช่วงชิง”
แต่คำถามที่ตามมาก็คือ เป็นการ”ร้องขอ”อย่างน่าเห็นใจหรือว่าโน้มเอียงไปในลักษณะแห่ง”การช่วงชิง”กันแน่
หากมองผ่านท่วงทำนองในแบบของ นายอดิศร เพียงเกษ อันได้รับการรับรองอย่างทันกับสถานการณ์จาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็ยากยิ่งจะรู้สึกว่าเป็น”การขอ”
ตรงกันข้าม กลับสร้างความรู้สึกในแบบ”ข่มขู่” และ”คุกคาม”ผ่านการใช้กำลังมากกว่า
พลันที่”ผู้อาวุโส”ระดับ นายประยุทธ์ สิริพานิจ จากมหาสารคาม ระดับ นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ จากอุบลราชธานี รวมทั้ง นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน จากเชียงราย
ความรู้สึกของพรรคก้าวไกลก็พอมองเห็น”ภาพ”แห่งความเป็นจริงอันเป็นพื้นฐานไม่เพียงภาพของการเมือง”บ้านใหญ่”หากแต่สัมพันธ์กับ”แฟ็คชั่น”แห่งการเมืองเก่า
อาวุธที่พรรคก้าวไกลนำมาต่อสู้คือการดำรงความเป็นเอกภาพภายในพรรคแม้จะมีกำลังมากถึง 151 แต่ไม่มีการสำแดงเพียงปล่อย นายปดิพัทธ์ สันติธาดา ออกมาเพียงหนึ่งเดียว
อย่าได้แปลกใจหากในวันไปรายงานตัวเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน สังคมจะเห็นภาพของ นายปดิพัทธ์ สันติธาดา เดินอยู่แถวเดียวกับหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคนั่นเท่ากับเป็นการให้เกียรติต่อวาที”ประธานรัฐสภา”
พรรคก้าวไกลอาศัย”ความชัดเจน” ซึ่งดำรงอยู่บนฐานแห่งความเป็นเอกภาพในทางความคิดและในทางการเมืองปรากฏขึ้น ในกระแสแห่งการห้อมล้อมของมวลชน
ไม่ว่าจะเป็นที่สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ไม่ว่าจะเป็นที่พิษณุโลก ไม่ว่าจะเป็นที่ขอนแก่น