ดาวสยาม-ยานเกราะยุคดิจิทัล | วงค์ ตาวัน

วงค์ ตาวัน

แนวคิดและนโยบายทางการเมืองของพรรคก้าวไกล ซึ่งมาในแนวแหลมคมสุดขีด ด้านหนึ่งตรงใจคนรุ่นใหม่ในสังคมไทยอย่างมากจนประสบความสำเร็จอย่างสูง ตั้งแต่เริ่มเป็นพรรคอนาคตใหม่แล้วโดนยุบ กลายมาเป็นพรรคก้าวไกล โดยในยุคอนาคตใหม่ได้สร้างความตื่นตะลึงกับผลการเลือกตั้งปี 2562 มาในการเลือกตั้ง 2566 ล่าสุด ยิ่งสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ชนะเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1

หนนี้แหละ ทำให้เป็นแกนหลักในการตั้งรัฐบาลร่วมกับเพื่อไทยและอีก 6 พรรค กำลังจะได้ชิงเก้าอี้ประธานสภา รวมทั้งเก้าอี้นายกฯ

ทำเอาฝ่ายขวาในสังคมไทยรับไม่ไหว!?

ขบวนการสกัดกั้นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ จึงเป็นไปอย่างเข้มข้น สารพัดเรื่อง สารพัดรูปแบบ จนน่าเป็นห่วงว่าจะไปถึงตำแหน่งผู้นำรัฐบาลได้หรือไม่

เพราะกำลังจะต้องเผชิญกับการถูกดำเนินคดีหุ้นสื่อ ไปจนถึงการสกัดกั้นจากเหล่า ส.ว. จะไม่ยอมให้ผ่านในการโหวตแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี

ขณะเดียวกันกระบวนการโถมถล่มเพื่อทำลายนายพิธาไปจนถึงพรรคก้าวไกล และบรรดาอดีตแกนนำอนาคตใหม่

ยังดุเดือดเข้มข้นอย่างมาก ผ่านทางสื่อแนวขวาจัด

จนกล่าวกันว่า ดาวสยามและวิทยุยานเกราะ ที่เคยโด่งดังในยุคเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ได้กลับมาฟื้นบทบาทอย่างไม่แพ้กันในยุคสมัยนี้ ยุคสื่อออนไลน์ ยุคดิจิทัลนี่แหละ

หนังสือพิมพ์ดาวสยามในอดีต และสถานีวิทยุยานเกราะ ซึ่งเป็นแม่ข่ายของชมรมวิทยุเสรี ถ่ายทอดผ่านสถานีวิทยุในเครือกองทัพบกนับร้อยคลื่น

เป็นสัญลักษณ์ของสื่อขวาจัดสุดโต่ง ที่ใช้ท่วงทำนองการใส่ร้ายป้ายสี ปลุกเร้าอารมณ์คนฝ่ายขวา ให้เกิดความเกลียดชังอย่างเข้ากระดูกดำต่อคนคิดต่าง จนกระทั่งสามารถลงมือเข่นฆ่ากันอย่างเหี้ยมโหดกลางเมืองหลวง ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519

ภาพความจริงของเหตุการณ์ 6 ตุลาคม เป็นหลักฐานมากมาย เห็นถึงการลงมือเข่นฆ่านักศึกษา ประชาชน ที่ชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อย่างไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถทำกันได้ถึงขั้นนี้

เอามาทุบตี เผาด้วยยางรถยนต์ ลากศพไปทั่วสนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ เอาลิ่มตอกร่าง ไปจนถึงจับแขวนคอกับต้นไม้แล้วรุมล้อมเอาเก้าอี้ฟาดใส่ร่างไร้วิญญาณ

แต่กว่าจะมาถึงวันเข่นฆ่าอย่างอำมหิต ได้ผ่านการปลุกเร้าความเกลียดชังใส่ขบวนการนักศึกษาประชาชน ซึ่งมีศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยเป็นแกนนำ ผ่านทางสื่อดาวสยามและวิทยุยานเกราะ มายาวนานนับปี

สร้างเรื่องป้ายสีว่าเป็นขบวนการที่รับแผนมาจากคอมมิวนิสต์นอกประเทศ เพื่อจะล้มล้างการปกครอง กุเรื่องกล่าวหาสารพัด

ทำให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มมวลชนจัดตั้งฝ่ายขวา มีอารมณ์ชิงชังขบวนการนักเรียนนิสิตนักศึกษาประชาชน ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและการเปลี่ยนแปลง ถูกเกลียดชังว่าเป็นพวกหนักแผ่นดิน ทำลายชาติ

พอได้จังหวะเหมาะสม แต่งเรื่องและภาพข่าวทางสื่อ ว่ามีการแสดงละครหมิ่นองค์รัชทายาท

จนกลายเป็นการลุกฮือเข้าเข่นฆ่าผู้คนในธรรมศาสตร์อย่างบ้าคลั่ง

นี่คือผลงานของสื่อฝ่ายขวาในปี 2519 จนดาวสยามและวิทยุยานเกราะ กลายเป็นสัญลักษณ์ที่นำมาใช้พูดถึงสื่อที่สืบทอดเจตนารมณ์ดังกล่าวต่อเนื่องมาในยุคหลังๆ

 

ภายหลังการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 ที่ก้าวไกลชนะเป็นอันดับ 1 ทำให้ขบวนการฝ่ายอนุรักษนิยมการเมือง หวาดผวาอย่างหนัก หวั่นเกรงแนวคิดเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอันแหลมคมของพรรคนี้ หวาดหวั่นกระแสคนรุ่นใหม่ ที่แผ่กว้าง จนทำให้พรรคก้าวไกลชนะอย่างเหลือเชื่อ

การสกัดกั้นไม่ให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาลเป็นนายกฯ จึงเป็นไปอย่างเอาจริงเอาจัง

ประสานเสียงด้วยสื่อแนวดาวสยาม วิทยุยานเกราะ ที่ฟื้นคืนชีพในยุคดิจิทัลเช่นนี้ โดยเป็นสื่อออนไลน์ 2-3 เจ้า ทั้งนำเสนอเป็นรายการข่าวออนไลน์ เป็นรายการสนทนาการเมืองออนไลน์ และเป็นหนังสือพิมพ์ 2-3 ฉบับ

ใช้ท่วงทำนองไม่ต่างจากดาวสยามและยานเกราะในอดีต ปรุงแต่งเรื่องราว โดยไม่จำเป็นต้องมีพยานหลักฐาน ปั่นเป็นกระแสเพื่อโจมตีกล่าวหานายพิธา พรรคก้าวไกล ไปจนถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสหรัฐอเมริกาแทรกแซงการเลือกตั้ง อยู่เบื้องหลังก้าวไกล เพื่อเตรียมจะเข้ามาตั้งฐานทัพในไทย เป็นการนำประเทศเราไปเสี่ยงกับการเผชิญหน้ากับมหาอำนาจเอเชีย ไปจนถึงท่าทีต่อต้านเผด็จการพม่า เป็นการชักศึกเข้าบ้าน อยู่เบื้องหลังนักศึกษาชายแดนใต้ เตรียมการแบ่งแยก 3 จังหวัดใต้ โยงไปถึงการปลุกปั่นเด็กจนไม่ยอมแต่งชุดนักเรียน ปีนรั้วเข้าไปเรียน และอีกสารพัดเรื่องราว

โดยล้วนแล้วแต่ เป็นการจับแพะชนแกะ

แต่การใส่ร้ายป้ายสีดังกล่าว ผสมผสานด้วยการปลุกเร้าให้เกลียดชัง ทำให้มองว่าเป็นพวกทำลายชาติ ล้มล้างสถาบัน

ทั้งหมดก็เป็นข้อหาคล้ายๆ กันกับที่ขบวนการนักศึกษาเคยโดนมาแล้ว ก่อนจะเกิด 6 ตุลาฯ

ทั้งที่ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ยุค 6 ตุลาฯ ก็ปรากฏชัดแล้วว่า นักศึกษาประชาชนในยุคนั้น ไม่ได้กระทำดังที่ถูกใส่ร้ายป้ายสี จนกระทั่งถูกเข่นฆ่าอย่างโหดร้าย อีกทั้งพฤติกรรมของขบวนการฝ่ายขวาจัด และสื่อดาวสยาม วิทยุยานเกราะ ในเหตุการณ์ดังกล่าว

คือผู้ปลุกปั่นให้คนถูกเข่นฆ่าอย่างไร้เหตุผล

แทนที่จะเรียนรู้บทเรียนดังกล่าว เพื่อจะได้ไม่กระทำซ้ำ ไม่ควรทำตัวเป็นสื่ออย่างดาวสยาม วิทยุยานเกราะ ที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยด้านเลวร้ายสุดขีด

 

ความจริงแนวคิดนโยบายของพรรคก้าวไกล และนายพิธาเอง ต้องมีจุดอ่อน มีแนวทางแข็งกร้าวมากเกินไปในบางประการ เป็นเรื่องที่ฝ่ายอนุรักษนิยมการเมืองสามารถต่อสู้โต้แย้งได้ หยิบยกขึ้นมาอธิบายให้สังคมไทยได้รับรู้ อันเป็นวิธีการอย่างคนเจริญ ซึ่งใช้ข้อมูลข้อเท็จจริง และการถกเถียงด้านแนวคิดนโยบายไปคัดง้าง

จะต่อสู้กับพรรคก้าวไกลและนายพิธา สามารถหักล้างกันด้วยแนวคิดทางการเมือง อธิบายให้ประชาชนมองเห็นว่า แนวคิดที่มองกันว่าสุดโต่งนั้น เป็นเช่นไร ใช้หลักวิชาการไปอธิบาย ไปรณรงค์ต่อสู้

แต่ไม่ใช่การสร้างเรื่องใส่ร้ายป้ายสี แล้วปลุกเร้าอารมณ์มวลชนฝ่ายขวาให้เกลียดชังฝ่ายพรรคก้าวไกลอย่างหน้ามืดตามัว เพราะอาจจะนำไปสู่อารมณ์เดือดแค้นจนบ้าคลั่งขึ้นมาได้

อย่าให้ถึงขั้นว่า อยู่ร่วมแผ่นดินกันไม่ได้ อะไรปานนั้น

เพราะถึงที่สุดแล้ว หลักการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยนั้น เป็นการต่อสู้ด้วยแนวคิดนโยบายและอุดมการณ์ ของพรรคการเมืองแต่ละพรรคแต่ละแนวทาง

พรรคการเมืองฝ่ายซ้าย พรรคฝ่ายขวา พรรคฝ่ายอนุรักษนิยมการเมือง พรรคฝ่ายเสรีประชาธิปไตย ต่อสู้ผ่านการนำเสนอนโยบายต่างๆ ให้ประชาชนตัดสิน

ใครชนะก็เป็นผู้ตั้งรัฐบาลบริหารประเทศไป พรรคที่พ่ายแพ้ก็ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ค้นหาความผิดพลาด เปิดโปงให้ประชาชนเห็น เพื่อโอกาสพลิกผลเลือกตั้งในครั้งต่อไป

การเมืองทุกประเทศในโลก ที่ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ สามารถพลิกผลไปมา ระหว่างฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา ได้เสมอ อยู่ที่ความสามารถในการรณรงค์ข้อมูลข้อเท็จจริงของแต่ละพรรค แต่ละฝ่าย ไปจนถึงอยู่ที่ความสามารถในการแก้ปัญหาให้ประชาชนได้มากน้อยเพียงใด

ต่อสู้กันด้วยข้อเท็จจริงและฝีมือการทำงาน

ไม่ควรต่อสู้กันด้วยท่วงทำนองใส่ร้ายป้ายสี ปลุกปั่นความเกลียดชัง จนนำไปสู่การทำลายล้างกันด้วยความรุนแรง

สังคมไทยผ่านเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ มาเกือบ 50 ปีแล้ว เราไม่ควรต่อสู้กันด้วยท่วงทำนองแบบนั้นอีก

กระบวนการสื่อดาวสยาม วิทยุยานเกราะ ไม่ควรมีในยุคนี้อีกแล้ว!!