รัฐบาลและคณะรักษาความความสงบแห่งชาติ(คสช.) รู้ดีว่า สิ่งที่อยู่ในใจคนไทยส่วนใหญ่
คือ การไม่อยากให้ประเทศกลับไปสู่ ความรุนแรง ความวุ่นวาย อย่างช่วงวิกฤตการเมืองที่ผ่านมา
เพราะการ”รู้ดี”นี้เอง
ทำให้ ยามที่รัฐบาล และคสช. ต้องการให้ ประชาชน และสังคม ยืนอยู่เคียงข้างตนเอง
ประเด็น ความมั่นคง จะถูก “ขับเน้น”ขึ้นมาเสมอ
การ”ขับเน้น”นั้น แม้จะถูกตั้งข้อสงสัย ถึงความเป็นมาเป็นไป
แต่ รัฐบาล และคสช. มักจะยืนกรานตลอดว่า ไม่ได้มีการ”จัดฉาก” หรือ”สร้าง” ขึ้นมาแต่อย่างใด
ซึ่งแรกๆ ก็มีน้ำหนักแห่งความน่าเชื่อถืออยู่ตามสมควร
แต่บ่อยครั้งเข้า ต้องอธิบายยาวขึ้น ยาวขึ้นทุกที

ล่าสุด คือ การพบ อาวุธสงคราม ที่อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา
“โครงเรื่อง” “ทิศทาง”แห่งคดี และ ตัวละคร ดำเนินไปอย่าง”เดิม”
คือเกี่ยวพัน กับฮาร์ดคอร์เสื้อแดง ที่เคลื่อนไหวเมื่อปี 2557
โดยตัวละคร สำคัญในคราวนี้ คือ นายมนัส หรือ พล.ท.มนัส หรือเสธ.หยอย เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 และนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มนปช.หรือคนเสื้อแดง
ขณะนี้กำลังของศาลอนุมัติหมายจับ หลังจากเมื่อปี 2557 มีการออกหมายจับคนกลุ่มนี้ไปแล้ว

“โครงเรื่อง” “ทิศทาง”แห่งคดี และ ตัวละคร ที่ลงตัว
และนำไปสู่บทสรุปอย่างรวดเร็วว่า ขบวนการป่วนบ้านป่วนเมืองยังคงมีอยู่
บทสรุปนี้ ก่อให้เกิดคำถามมากมาย
แต่แกนนำรัฐบาลและคสช.ต่างยืนกรานว่านี่ ไม่ใช่ “การจัดฉาก”แต่อย่างใด
ซึ่งก็คงมีคนพอเชื่อบ้าง หากมีการสืบสวนขยายผลให้สังคมได้เห็นความเชื่อมโยง ว่าเกี่ยวพันกับปี 2560 อย่างไร
แต่ แทนที่จะมี คำอธิบาย ตรงนี้ อย่าง ชัดเจน ตรงประเด็น
กลับกลายเป็นว่า กรณี”อาวุธสงคราม” ที่โผล่ขึ้นมา ถูกนำไปเชื่อมโยงและเคลมลอยๆว่า ตอนนี้เหตุการณ์บ้านเมืองยังไม่สงบ
(ด้วยเหตุนี้) จึงไม่ควรปลดล็อคทางการเมือง ให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมตามที่รัฐธรรมนูญและกฏหมาย
กลายเป็นคนละเรื่องเดียวกัน อย่างพิศดาร
และทำให้ นักการเมือง งงๆ
เพราะสิ่งที่ที่เรียกร้องคือ ให้ “ปลด”ล็อค
แต่เอาเข้าจริง ไฉนกลับเป็นการ”เพิ่ม”ล็อคขึ้น ซะ อย่างงั้น

——————