แมลงวันในไร่ส้ม / ข่าวร้อนเปิดตัว “บิ๊กตู่ 5” สัญจรใต้ “เดือด” สารพันปัญหาโผล่ “รุม”

แมลงวันในไร่ส้ม

ข่าวร้อนเปิดตัว “บิ๊กตู่ 5” สัญจรใต้ “เดือด” สารพันปัญหาโผล่ “รุม”

หลังจากแจ้งต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ว่า เสียใจที่จะต้องปรับปรุงคณะรัฐมนตรี

วันที่ 24 พฤศจิกายน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี 16 ตำแหน่ง และแต่งตั้งรัฐมนตรี 18 ตำแหน่ง

ใน 16 ตำแหน่งที่พ้นไป ได้กลับมารับตำแหน่งที่เปลี่ยนไป 7 ตำแหน่ง พ้นไปเลย 9 ตำแหน่ง

ได้แก่ 1.พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี 2.พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี 3.นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี 4.พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม 5.นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

6.นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม 7.นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 8.นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 9.หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

ส่วน รมต.ใหม่แกะกล่อง 10 คนได้แก่ 1.นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล เป็นรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี 2.พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม 3.นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

4.นายกฤษฎา บุญราช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 5.นายลักษณ์ วจนานวัช เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 6.นายวิวัฒน์ ศัลยกําธร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 7.นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

8.นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 9.นายอุดม คชินทร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ 10.นายสมชาย หาญหิรัญ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

พล.อ.ประยุทธ์ จะนำ ครม. ที่แต่งตั้งใหม่ หรือ “ประยุทธ์ 5” เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้

การประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดภาคใต้ในวันที่ 27-28 พฤศจิกายน ที่กำหนดมาก่อน จึงมีรัฐมนตรีไปร่วมประชุมได้ 14 คน

ในการประชุมครั้งนี้ ปรากฏว่ามีตัวแทนกลุ่มอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นประมง สวนยาง และกลุ่มต้านโรงไฟฟ้าถ่านนหินเทพา จ.สงขลา มารอพบนายกฯ

โดยเจ้าหน้าที่พยายามจัดคนไปรับหนังสือร้องเรียน บางส่วนถูกกันออกไป

แล้วก็เกิดเหตุขึ้น เมื่อมี นายภรัณยู เจริญ แกนนำชาวประมงเข้าร้องเรียน ขอให้รัฐบาลพิจารณาเพิ่มวันให้เรือประมงออกจับปลาได้มากกว่า 220 วันที่กำหนดไว้เดิม

ระหว่างนายภรัณยูกำลังชี้แจงด้วยเสียงค่อนข้างดัง พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งถือไมค์เดินทักทายประชาชนได้ตวาดเสียงดังว่า ใจเย็นๆ อย่ามาเถียงฉัน อย่ามาส่งเสียงกับผม ผมฟังคุณพูดอยู่ พูดดีๆ ก็ได้ ก่อนจะเดินไปจุดอื่น

ส่วนนายภรัณยูกล่าวว่า บรรยากาศในงานเสียงดัง จึงพูดเสียงดังคล้ายตะคอก อยากให้นายกฯ ช่วยเหลือ เพื่อให้ธุรกิจประมงอยู่ต่อไปได้

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางมาถึงพื้นที่เกษตรอุตสาหกรรมแปรรูปโรงงานน้ำมันปาล์ม รับฟังบรรยายสรุป ระหว่างการบรรยายสรุปเป็นที่น่าสังเกตว่านายกรัฐมนตรีอารมณ์ไม่ดี

ขณะเดินเยี่ยมชมนิทรรศการ และงานวิจัยสินค้าเกษตรอุตสาหกรรมแปรรูปของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน นายกรัฐมนตรีได้สอบถามรายละเอียดแผนงานกับเจ้าหน้าที่ด้วยเสียงเข้มและดัง พร้อมเรียกหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้มาพูดคุยกับผู้ประกอบการโดยตรง

และเมื่อเดินเยี่ยมชมบู๊ธธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลคิด รัฐบาลรู้ รัฐบาลพูด แต่ถ้าไม่ร่วมมือก็ไปไม่ได้ ถ้าหวังรับจากรัฐอย่างเดียวเป็นไปไม่ได้ แต่ต้องรวมกลุ่มกัน ทุกวันนี้แก้ปัญหายางพาราอยู่ ถ้ากินได้กินไปแล้ว และในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีระบุว่า ต้องขอโทษด้วยที่พูดเสียงดังไปบ้าง

ในวาระเดียวกัน ยังเกิดเหตุกลุ่มคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา หรือเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานี ได้รวมตัวกันบริเวณที่แยกสำโรง จ.สงขลา หลังจากเดินเท้าออกมาจากหมู่บ้านที่อำเภอเทพาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี คัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา

กลุ่มคัดค้านดังกล่าวลงนอนที่บริเวณผิวการจราจรสี่แยกสำโรง พร้อมกับประสานกับทางเจ้าหน้าที่ ขอยื่นหนังสือต่อตัวแทนของรัฐบาลหรือเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

แต่จนถึงเวลา 14.40 น. ยังไม่ปรากฏผู้แทนจากฝ่ายรัฐบาลมารับ ทำให้แกนนำและชาวบ้านเกิดความไม่พอใจ จึงพยายามฝ่าแนวเจ้าหน้าที่เพื่อไปรับประทานอาหารกลางวัน จนเกิดการปะทะ ทำให้ชาวบ้านได้รับการบาดเจ็บ 4-5 คน และโดนจับกุมไป 16 คน

สําหรับภาคใต้ถือว่าเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลได้รับคะแนนนิยมสูง ตั้งแต่ยุคการชุมนุมชัตดาวน์เมื่อปี 2556-2557 ซึ่งมีประชาชนจากจังหวัดภาคใต้มาร่วมชุมนุมจำนวนมาก

แต่ระยะหลังมีปัญหาเรื่องราคายางพาราและพืชผลอื่นๆ รวมถึงการประมง ทำให้เกษตรกรและชาวประมงพยายามร้องเรียนแต่ไม่เป็นผล

ก่อนการประชุม ครม.สัญจรครั้งนี้ กลุ่มสวนยางเคยติดต่อขอเข้าพบนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล เป็นเวลา 5 นาที เพื่อชี้แจงปัญหาราคา แต่ก่อนออกเดินทาง แกนนำถูกเชิญเข้าค่ายทหารที่ จ.ชุมพร จนต้องยุติเรื่องไป

ต่อมาวันที่ 28 พฤศจิกายน เฟซบุ๊ก Gen.Prayut Chan-o-cha จัดทำโดยคณะทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ โพสต์ข้อความว่า “นายกฯ เสียใจ ที่ได้ว่ากล่าวชาวประมงไปเมื่อวานนี้ที่ปัตตานี แต่ขอให้เข้าใจในสิ่งที่รัฐบาลได้แก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อให้อุตสาหกรรมประมงของไทยสามารถอยู่รอด ส่งออกได้ สอดคล้องกับพันธสัญญาที่เราต้องดำเนินการ รวมทั้งเพื่อรักษาสมดุลของธรรมชาติ ให้การประมงของเราเกิดความยั่งยืนต่อไปในอนาคต สำหรับปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ ที่ร้องเรียนมา ได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไปดูอย่างละเอียดแล้ว”

เส้นทางของ “ประยุทธ์ 5” หรือ ครม. ที่ปรับปรุงใหม่ แม้จะมีภาพที่เปลี่ยนแปลงไป แต่โจทย์ในการทำงาน ล้วนเป็นปัญหายาก

เพียงแค่เรื่องประมง ราคายาง ซึ่งเป็นเรื่องจังหวัดภาคใต้นั่นส่วนหนึ่ง ในภาคอื่นๆ ยังมีปัญหาอีกมากมาย ทั้งราคาข้าว และเรื่องของเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนในระดับฐานราก

เป็นงานที่ต้องการทั้งความอดทนและความสามารถอย่างสูงในการบริหาร