พลิกปม ‘ร.ต.อ.หญิง’ 4 ปีเลื่อนขึ้น 8 ชั้นยศ ผบ.ตร.สั่งรื้อระบบ อบรมหลักสูตร กอส.

เป็นอีก 1 ประเด็นร้อนในแวดวงสีกากี และถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวาง

สำหรับกรณีการเปิดเผยข้อมูล ว่ามี “ตำรวจหญิง” นายหนึ่ง ที่ได้ปรับยศขึ้นอย่างรวดเร็วราวติดจรวด

จาก ส.ต.ต.หญิง มาจนเป็นผู้กอง ใช้เวลาเพียง 4 ปี เติบโตก้าวหน้าพุ่งพรวดจนทำให้เพื่อนข้าราชการตำรวจหลายคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

ก่อนตั้งคำถามว่าต้องมีความสามารถถึงระดับไหน ถึงจะมีโอกาสได้ติดยศเช่นนั้นบ้าง

และในที่สุดข้อมูลก็ถูกเปิดเผยว่า ตำรวจหญิงสุดเก่งคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็น “ผู้กองแคท” ซึ่งเป็นทั้งนางงาม นักร้องลูกทุ่งมากความสามารถ ที่แม้จะต้องใช้เวลารับราชการ ก็ยังสามารถเจียดเวลาไปรับงานแสดงได้อย่างต่อเนื่อง

แถมผลงานไม่ขาดตกบกพร่อง จนได้รับการปูนบำเหน็จชั้นยศอย่างที่เห็น

พร้อมคำยืนยันจากโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างโปร่งใส ไม่มี “ตั๋ว” ใดๆ ให้ต้องกังวล

ส่วนที่รวดเร็วเช่นนี้ก็เป็นเพราะการผ่านอบรมหลักสูตร กอส. ที่ต้องการข้าราชการตำรวจในสาขาขาดแคลน แถมมีวุฒิปริญญาโท

กลายเป็นข้อสงสัยว่าหลักสูตร กอส. คืออะไร เป็นช่องทางให้ “เด็กนาย” เข้ามาติดยศหรือไม่

เป็นเรื่องที่ต้องหาคำตอบกันต่อไป!!!

ประดับยศรตอ.

ร.ต.อ.หญิงเลื่อนยศติดจรวด

กลายเป็นเรื่องฮือฮาในสังคม เมื่อเพจเฟซบุ๊ก “เพื่อนตำรวจ” ออกมาตั้งคำถาม เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ถึงการเลื่อนยศของนายตำรวจหญิง ที่รวดเร็วปานติดจรวด โดยระบุว่าเป็นเหตุการณ์ที่ตั๋วช้างยังเรียกพี่ จาก ส.ต.ต.หญิง ใช้เวลา 4 ปี ติดยศ ร.ต.อ. พรวดขึ้นมา 8 ชั้นยศ หลังเข้าอบรมหลักสูตร กอส. หรือ “หลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุ หรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร”

พร้อมเรียกร้องให้นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.ก้าวไกล ที่เคยอภิปรายเรื่อง “ตั๋วช้าง” และเรื่อง “ตั๋วตำรวจ” เข้ามาช่วยตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ เมื่อกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม จนเกิดการขุดคุ้ยว่า ร.ต.อ.หญิงคนดังกล่าวก็คือ “ผู้กองแคท” ร.ต.อ.หญิงอาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่งประจำฝ่ายเลขานุการ ด้านประชาสัมพันธ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่นอกจากเป็นตำรวจหญิงแล้ว ยังเคยเป็นนางงามหลายเวที เป็นผู้บริหารรายการคอนเสิร์ตลูกทุ่งประเทศไทยสัญจร และนักร้องลูกทุ่ง

กลายเป็นคำถามว่าเหตุใดผู้กองแคทถึงได้รับการเลื่อนยศขึ้นอย่างรวดเร็ว

พร้อมพูดถึงหลักสูตร กอส. ว่าเป็นหลักสูตร “ลูกเทพ” ที่เปิดโอกาสให้คนนามสกุลดังเข้ามาอบรม และได้เป็นตำรวจสัญญาบัตร แทนที่จะมีไว้ให้กับทายาทตำรวจที่เสียสละ จนกลายเป็นช่องทางเข้าสู่อำนาจที่ไม่ถูกต้อง หรือเป็นช่องทางของพวกตำรวจสีเทาที่เข้ามาหวังผลบางอย่าง

ด้าน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. ชี้แจงว่า ร.ต.อ.หญิงอาทิติยา เข้ามาเป็นตำรวจเริ่มจากสำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติได้ตำแหน่งว่างระดับรองสารวัตร ทำงานด้านพิธีการ การประชุม สารบรรณ จึงเปิดรับสมัคร โดยบรรจุยศ ส.ต.ต. เมื่อผ่านอบรม กอส. ก็จะติดยศ ร.ต.ต.

ส่วนที่เลื่อนยศเร็วนั้น เพราะใช้วุฒิปริญญาตรี จะบรรจุประมาณ 1 ปี จาก ร.ต.ท. เป็น ร.ต.อ. ต้องครองยศ 3 ปี แต่ถ้าใช้วุฒิปริญญาโท-เอก จาก ร.ต.ต. เป็น ร.ตท.ใช้เวลา 1 ปี ครองยศอีก 1 ปี ก็จะได้เป็น ร.ต.อ.

กรณี ร.ต.อ.หญิงอาทิติยาที่เข้าอบรม กอส.กับเพื่อนร่วมรุ่น 350 นาย ใช้หลักเกณฑ์เดียวกันทั้งหมด ไม่มีใครได้รับอภิสิทธิ์ หรือได้ยศเร็วกว่าใคร

อย่างไรก็ตาม กรณีผู้กองแคทไม่ใช่เรื่องของคุณวุฒิขาดแคลน แต่เป็นความต้องการของหน่วยงานใน ตร. ที่กำหนดสเป๊กคนเข้ามาบรรจุรับราชการในระดับรองสารวัตร

ยืนยันหลักสูตร กอส. เป็นหลักสูตรที่ดี แต่ในส่วนของแต่ละบุคคลคิดว่าจะต้องมองแยกกันเป็นบุคคลเป็นรายๆ ไป ที่มีความประพฤติไม่เหมาะสม

ที่ผ่านมาบุคคลที่พูดถึงอยู่ก็มีการถูกตรวจสอบได้ดำเนินการทางวินัย บางคนก็ถูกไล่ออกปลดออกไปแล้ว

ทุกอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้!!!

รังสิมันต์โรม

ส.ส.ก้าวไกลจี้ตรวจสอบ

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ ร.ต.อ.หญิงอาทิติยาที่มักจะโพสต์โซเชียลในเรื่องราวการรับราชการ และการออกงานร้องเพลง ได้ลบภาพประดับยศ และข้อความแสดงความยินดีที่ได้รับการเลื่อนยศเป็น ร.ต.อ.หญิง พร้อมโพสต์ข้อความชี้แจงว่า จากประเด็นที่แคทได้โพสต์ภาพที่ให้คุณพ่อ คุณแม่ประดับยศให้ เพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิตรับราชการของแคท แคทไม่มีเจตนาโพสต์เพื่ออวดอ้างหรือไปกระทำการสิ่งใด เพื่อไปกระทบจิตใจเพื่อนๆ พี่ๆ ข้าราชการตำรวจ และทุกฝ่ายแต่อย่างใด

ในการนี้แคทกราบขอโทษอย่างสูงที่กระทำการดังกล่าวโดยไม่ได้ไตร่ตรอง

สุดท้ายนี้ เมื่อแคทได้รับโอกาสในการทำงาน ขอสัญญาว่าจะตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มกำลังความสามารถและอย่างดีที่สุด

ด้านนายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.ก้าวไกล ที่ถูกเรียกร้องให้เข้ามาตรวจสอบ ก็เริ่มเปิดประเด็นว่า หลักสูตร กอส.ที่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาเป็นตำรวจ จะมีที่มาคือ 1.เป็นทายาทของตำรวจที่เสียชีวิตในหน้าที่ 2.มีคุณวุฒิที่ขาดแคลน และ 3.เป็นนามสกุลดังที่ขาดแคลน

นอกจากนี้ ยังตั้งคำถามว่า ตำรวจหลายคนที่เข้ามาจำนวนไม่น้อยนั้น มีฐานะพฤติกรรมบางอย่างที่ร่ำรวยมากๆ มีรถหรูขับ เป็นกังวลว่าคนกลุ่มนี้ภูมิหลังมีการทำมาหากินสุจริตแค่ไหน บางครั้งกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายอาจส่งคนในเครือข่ายเข้ามาในหลักสูตรนี้ และตนก็ทราบว่าอาจมีการซื้อขายตำแหน่งในจำนวน 1-2 ล้านบาท

เรื่องนี้เป็นอีกนโยบายที่พรรคก้าวไกลจะดำเนินการตรวจสอบถึงคุณสมบัติของตำรวจที่ผ่านหลักสูตรนี้ ว่าสมควรได้รับการคัดเลือกมารับราชการหรือไม่ เพราะมีหลายคนที่ขับรถหรู มีฐานะดี เนื่องจากเกรงว่าอาจมีคนของกลุ่มทุนสีเทาแฝงตัวเข้ามาอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ธุรกิจสีเทา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะอาจเชื่อมโยงไปถึงการซื้อขายตำแหน่งด้วย

รวมถึงในกรณีที่ลูกท่านหลานเธอที่ได้รับการคัดเลือกเข้าไปรับราชการ ทั้งที่จบการศึกษามาไม่ตรงกับลักษณะงาน เห็นว่าควรให้หลักสูตรนี้ไว้พิจารณารับบุตรหลานตำรวจที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่เข้าสมัครสอบรับราชการ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ หรือไว้รับสมัครบุคคลภายนอกที่จบการศึกษาในสาขาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติขาดแคลน เช่น นักวิทยาศาสตร์ จะทำให้เกิดประโยชน์มากกว่า ซึ่งยอมรับว่าการตรวจสอบย้อนหลังตำรวจที่ผ่านหลักสูตร กอส.นั้น เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร แต่ก็ต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความชัดเจนแก่สังคม

ครั้งประกวดนางงาม

เป็นเรื่องที่ควรทำให้ชัดเจน
ผบ.ตร.สั่งปรับหลักสูตร

อย่างไรก็ตาม มีความไม่สบายใจในเรื่องหลักสูตร และการคัดเลือกผู้เข้าอบรม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ตรวจสอบรายละเอียด หลักเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว พร้อมยืนยันว่าตั้งแต่ ผบ.ตร.เข้ามารับตำแหน่ง ระยะเวลากว่า 8 เดือน ก็ยังไม่ได้เปิดรับบุคคลภายนอกมาเป็นตำรวจตามที่หน่วยงานร้องขอแต่อย่างใด

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ยังมอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายบริหาร ตั้งคณะทำงานเพื่อทบทวนปรับปรุง แก้ไขระเบียบ คำสั่ง กฎ ก.ตร. และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการรับบุคคลเข้ามาเป็นตำรวจสัญญาบัตร การบรรจุ แต่งตั้ง ครองยศ

รวมถึงการเข้าเรียนหลักสูตรการอบรมบุคคลภายนอก ที่บรรจุหรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอส.), หลักสูตรการอบรมบุคคลภายใน (ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน) เป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอน.) และหลักสูตรที่เทียบเคียงอื่นๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทันต่อยุคสมัย และสอดรับกับ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ฉบับใหม่

รวมทั้งนำกรณีของ ร.ต.อ.หญิงอาทิติยา และข้าราชการตำรวจรายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มอบหมายให้สำนักงานกำลังพลไปถอดบทเรียน มาประกอบการพิจารณาเพื่อยกร่างกฎระเบียบใหม่

เพื่อเปิดกว้างรับบุคคลภายนอกที่มีคุณภาพมาเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร ให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตรงกับความต้องการของหน่วย และจะพิจารณาเพิ่มโควต้าคนในให้มากขึ้นกว่าเดิม พิจารณาจากผู้ที่มีความรู้ความสามารถ จากผลการประเมินจากผู้บังคับบัญชา หรือกรณีที่ตำรวจไปศึกษาเพิ่มเติมจนจบชั้นปริญญาตรี ปริญญาโท หรือปริญญาเอก โดยจะเปิดให้แข่งขันกันเอง ให้เป็นสัญญาบัตรได้ในสายงานต่างๆ เช่น สายงานสอบสวน สายงานป้องกันปราบปราม เป็นต้น

เพื่อให้เปิดกว้างมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อที่จะรับบุคคลภายนอกที่มีคุณภาพ ตรงกับที่หน่วยต้องการ และจะเน้นการเพิ่มจำนวนโควต้าพิจารณาคนใน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงาน และสามารถสร้างความเชื่อมั่น เป็นที่ยอมรับของประชาชน

หวังว่าจะลดข้อครหาเรื่อง “ตั๋วตำรวจ” ไปได้ในระดับหนึ่ง