ทักษิณจะกลับไทย เพิ่มความเร้าใจเดือน ก.ค. | วงค์ ตาวัน

วงค์ ตาวัน

การเมืองในช่วงเดือนกรกฎาคม ต่อด้วยสิงหาคม เป็นช่วงจังหวะสำคัญอย่างมาก โดยไม่เกินกลางเดือนกรกฎาคม จะครบกำหนด 60 วัน ที่ กกต.จะต้องรับรองผลเลือกตั้ง ส.ส.ให้ได้ครบ 95% เพื่อนำไปสู่การเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่เป็นครั้งแรก และตามมาด้วยการตั้งประธานสภา จะได้รู้กันว่าพรรคก้าวไกลกับเพื่อไทย ตกลงกันได้หรือไม่ และตกลงกันเป็นเช่นไร

จากนั้นต้นเดือนสิงหาคม โดยประมาณว่า น่าจะเป็นวันที่ 3 สิงหาคม จะถึงวาระสำคัญ คือการโหวตแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมี 250 ส.ว.เข้าร่วมลงมติด้วย

จะได้รู้กันว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล จะฝ่าด่าน ส.ว.สำเร็จหรือไม่ ถ้าชื่อพิธาไม่ผ่าน จะเกิดอะไรขึ้น

ขณะเดียวกัน ในเดือนกรกฎาคม จะเกิดเหตุการณ์ที่เขย่าสังคมไทย เมื่อทักษิณ ชินวัตร ตั้งเป้าจะเดินทางกลับมาประเทศไทย หลังจากลี้ภัยไปยาวนาน

ประกาศเอาไว้หลายรอบว่า จะกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และจะกลับในเดือนกรกฎาคม ก่อนวันเกิดตัวเอง ซึ่งแปลว่าจะกลับมาไทยก่อนวันที่ 26 กรกฎาคม

แม้จะประกาศว่า แค่กลับมาเลี้ยงหลาน กลับมาใช้ชีวิตในช่วงวัย 74 ปี หลังต้องจากบ้านมานาน จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ไม่คิดเป็นนายกรัฐมนตรีอีก เพราะพ้นยุคไปแล้ว ยุคนี้ต้องเป็นคนรุ่นใหม่จริงๆ

แต่หลายคนก็เชื่อว่า จะต้องมีแรงกระเพื่อมทางการเมืองเกิดขึ้น จากการกลับมาของทักษิณ

เดือนกรกฎาคม จึงมีกรณีทักษิณ ที่เบียดแทรกเข้ามาในช่วงที่การเมืองกำลังตื่นเต้นเร้าใจ จะตั้งประธานสภา จะตั้งนายกรัฐมนตรี

กระนั้นก็ตาม มีกระแสข่าวจากครอบครัวชินวัตร ระบุว่า คุณหญิงพจมาน และลูกๆ มีความห่วงใย ขอร้องไม่ให้ทักษิณรีบกลับมาในช่วงนี้ เพราะยังไม่มั่นใจในเรื่องความปลอดภัย รวมทั้งกลัวว่าจะโดนหลอก

ข้อเรียกร้องจากครอบครัว อยากให้ทักษิณเลื่อนกำหนดกลับ ให้รอดูการตั้งรัฐบาลใหม่ให้เรียบร้อยเสียก่อน หากเป็นรัฐบาลในขั้วประชาธิปไตยจริง จึงจะมั่นใจในความปลอดภัย

แต่ฝ่ายทักษิณยังปักใจจะเดินทางกลับในเดือนกรกฎาคม เพราะเห็นว่า เมื่อการตั้งรัฐบาลของพรรคฝ่ายประชาธิปไตยยังดำเนินการอยู่ ยังไม่รู้สำเร็จหรือไม่

น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะมากกว่า เพราะยังเป็นช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเป็นรัฐบาลรักษาการอยู่

เดินทางมาในช่วงที่ยังเป็นความรับผิดชอบของประยุทธ์ จะได้ตัดผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทยออกไปได้ เพราะเพื่อไทยยังไม่มีอำนาจในเดือนกรกฎาคม

เท่ากับตั้งใจว่า จะกลับมาเพื่อเข้ากระบวนการยุติธรรม พร้อมถูกคุมขังเป็นนักโทษ กลับมาโดยไม่มีการเกี้ยเซียะใดๆ เนื่องจากรัฐบาลประยุทธ์ยังมีอำนาจ

ลงเอยก็ยังต้องรอดูกันต่อไป ว่าเสียงท้วงติงจากครอบครัว จะทำให้ทักษิณยอมเลื่อนเวลาเดินทางกลับไปรอผลการตั้งรัฐบาลใหม่ให้เสร็จสิ้นก่อนหรือไม่

หรือว่าจะยืนยันมาในเดือนกรกฎาคม เพราะเห็นว่าจะทำให้การกลับมาไม่มีประเด็นให้เกิดความปั่นป่วนใดๆ เพราะมาแบบถูกคุมตัวภายใต้อำนาจรัฐบาลประยุทธ์

ถ้าเป็นเช่นนั้น เดือนกรกฎาคมจึงน่าจับตามองอย่างยิ่ง!

 

เดิมที ทักษิณได้ประกาศเรื่องการกลับประเทศไทยในเดือนกรกฎาคม ตั้งแต่ช่วงก่อนวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม โดยทวีตข้อความ ขออนุญาตกลับประเทศไทยถึง 2-3 ครั้ง นำมาสู่การวิเคราะห์คำประกาศของทักษิณว่าจะเกี่ยวพันกับช่วงกำลังหาเสียงเลือกตั้งในแง่ไหนบ้าง

บ้างก็มองว่า เป็นการปลุกกระแสคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นฐานเสียงเดิมของทักษิณให้คึกคัก เพื่อช่วยกันเลือกพรรคเพื่อไทย

แต่บ้างก็ว่า การประกาศกลับบ้านของทักษิณ กลายเป็นฉุดคะแนนเพื่อไทย เพราะถูกโจมตีว่า เลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์เพื่อให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ จะได้พาทักษิณกลับบ้าน

สุดท้ายคนในเพื่อไทยเองประเมินผลว่า การเตรียมกลับไทยของทักษิณ มีผลดีต่อคะแนนเสียงในภาคเหนือและภาคอีสาน แต่ส่งผลลบรุนแรงใน กทม.

แต่ในขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวทำนองว่า การประกาศกลับไทยของทักษิณ เกิดจากการพูดคุยเจรจากับตัวแทนเครือข่ายอำนาจขุนศึกขุนนางเรียบร้อยลงตัวแล้ว

โดยช่วงนั้น กระแสพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 ยังแรงอยู่

เครือข่ายอำนาจเดิมเชื่อว่าเพื่อไทยคงได้จัดตั้งรัฐบาลแน่ และมองว่า เอาเข้าจริงๆ พรรคเพื่อไทยไม่มีแนวทางการเมืองแบบแตกหักกับอำนาจเก่า ดังที่มีคำกล่าวว่าพอมีพรรคก้าวไกลมาแรงแบบทะลุเพดาน ทำให้เครือข่ายอำนาจเก่ามองเพื่อไทยดีขึ้นทันที

การพูดคุยเจรจาจึงมีขึ้น เพื่อให้เพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลได้สะดวก ทักษิณกลับบ้านได้ โดยมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนบางประการ

นั่นเอง ทำให้ทักษิณประกาศขออนุญาตกลับไทยในเดือนกรกฎาคม ก่อนวันเกิดตัวเอง

เหมือนจะเช็กปฏิกิริยาจากกลุ่มอำนาจด้วยว่า เห็นพ้องต้องกันทั้งหมดหรือไม่!?

ผลที่ตามมาคือ พล.อ.ประยุทธ์ตอบคำถามนักข่าว เรื่องทักษิณจะกลับไทยในเดือนกรกฎาคม โดยกล่าวแบบนิ่งเรียบว่า ถ้ามาก็ต้องเข้ากระบวนการยุติธรรม เป็นท่าทีที่ต่างไปจากเดิมๆ เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์มักจะกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า อย่าให้ได้ยินชื่อนี้ ไม่ชอบ

เท่ากับเป็นข้อยืนยันว่า ไฟเขียวผ่านตลอด

นั่นทำให้ทักษิณยิ่งเน้นย้ำว่า จะกลับในเดือนกรกฎาคม ไม่เป็นภาระพรรคเพื่อไทย ไม่มีการผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม เพราะจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ

ด้วยเพราะกลับในช่วงที่ประยุทธ์รักษาการนั่นเอง

 

แต่ลงเอย ผลการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม เกิดปรากฏการณ์ใหม่ของการเมืองไทย เกิดกระแสพลังส้มแผ่กว้างไปทั่ว พรรคก้าวไกลกวาด ส.ส.มาเป็นอันดับ 1 เฉือนพรรคเพื่อไทย ที่เดิมทีไม่ว่าใครก็มองว่าเพื่อไทยต้องแลนด์สไลด์

เมื่อเพื่อไทยไม่ได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล แต่ก็จับมือกับก้าวไกลแนบแน่น ร่วมกันผลักดันรัฐบาลที่มีพิธาเป็นนายกฯ ให้สำเร็จให้ได้

กระนั้นก็ตาม กระแสต้านจากฝ่ายอนุรักษนิยมการเมือง มุ่งสกัดพิธาและก้าวไกลอย่างหนักหน่วง ทำให้การตั้งรัฐบาลก้าวไกลเต็มไปด้วยอุปสรรคขัดขวาง

จนยังไม่มีใครมั่นใจมากนักว่า รัฐบาลในฝันของประชาชนจะผ่านด่านหินของเครือข่ายอำนาจเก่าได้หรือไม่

ขณะเดียวกัน ฝ่ายทักษิณเองก็ยุติความเคลื่อนไหวในโซเชียล คงเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบใดๆ ในการจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกลที่มีเพื่อไทยเข้าร่วม

แต่ข่าวทักษิณจะกลับไทยก็ปะทุขึ้นมาอีกรอบ เมื่อทักษิณให้สัมภาษณ์รายการ “มดดำ” เน้นย้ำว่าจะกลับไทยในเดือนกรกฎาคม มาเพื่อเลี้ยงหลาน ไม่เล่นการเมือง ไม่เป็นนายกฯ อีกเด็ดขาด เพราะพ้นวัยพ้นยุคแล้ว

จากนั้นอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ได้ออกมาขานรับข่าว บอกว่าทักษิณตั้งใจจะกลับมาจริงๆ แถมอยากบินไปรับกลับไทยด้วยตัวเองอีกด้วย

*โดยมีกระแสข่าวว่า กระบวนการกฎหมายก็เตรียมการรับทักษิณกลับไทยอย่างเป็นเรื่องเป็นราวแล้วด้วย เช่น กำหนดสถานที่คุมขัง ที่มีความปลอดภัยพร้อม*

จนกระทั่งเกิดข่าวจากครอบครัวชินวัตร ที่พยายามเบรกทักษิณไม่ให้รีบร้อนกลับ ห่วงความปลอดภัยและการโดนหลอก

เพียงแต่ทักษิณก็เหมือนยังยืนยันว่า ถ้าจะกลับก็ต้องเดือนกรกฎาคมเหมาะที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ประยุทธ์ยังรักษาการ จะได้ตัดข้อครหาโจมตีต่างๆ ได้ เป็นการมาเพื่อรับโทษและไม่เกี่ยวกับเพื่อไทย

ถ้าทักษิณยังยืนยันฤกษ์เดิม ไม่เปลี่ยนวันตีตั๋วบินกลับ

การเมืองในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม คงเพิ่มประเด็นให้ตื่นเต้นเร้าใจขึ้นมาอีก

จะได้ใครเป็นประธานสภา ใครจะเป็นนายกฯ และทักษิณจะกลับไทยมาให้ถูกคุมขัง

ถึงเวลานั้นจะได้รู้กันว่า เรื่องทั้งหมดเกี่ยวพันกันหรือไม่!?!