ซาอุดีอาระเบีย-อิหร่าน : จากความขัดแย้งสู่ความสัมพันธ์อีกครั้ง (2)

จรัญ มะลูลีม

มุมมุสลิม | จรัญ มะลูลีม

 

ซาอุดีอาระเบีย-อิหร่าน

: จากความขัดแย้งสู่ความสัมพันธ์อีกครั้ง (2)

 

หลังจากมีรายงานข่าวว่าทั้งสองประเทศเริ่มคิดถึงการกลับมามีความสัมพันธ์ต่อกันอีกครั้งภายใต้การขับเคลื่อนของอิรักและโอมานมาตั้งแต่ปี 2022

สำนักข่าวทางการซาอุดีอาระเบีย ก็รายงานว่า ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2003 ซาอุดีอาระเบียและอิหร่านได้ร่วมกันประกาศการเริ่มต้นความสัมพันธ์ทางการทูตอีกครั้ง

โดยทั้งสองประเทศมีกำหนดเปิดสถานทูตระหว่างกันภายใน 2 เดือนข้างหน้า โดยมีการออกแถลงการณ์ร่วม 3 ฝ่าย ที่ลงนามโดยผู้แทนซาอุดีอาระเบีย อิหร่าน และจีน โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นผู้ริเริ่ม และทำหน้าที่เป็นตัวกลางประสานการเจรจาจนประสบความสำเร็จ

แถลงการณ์ระบุว่า มีการจัดการเจรจาขึ้นในกรุงปักกิ่ง ในช่วงระหว่างวันที่ 6-10 มีนาคม 2023 โดยคณะผู้แทนจากราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย นำโดย ดร.มุซาอัด บิน มุฮัมมัด อัล-อัยบัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ, สมาชิกสภารัฐมนตรี และที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ และคณะผู้แทนของอิหร่าน นำโดย พล.ร.อ.อะลี ชัมคอนี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุด

ผู้แทนฝ่ายซาอุดีอาระเบียและอิหร่าน แสดงความขอบคุณสาธารณรัฐอิรักและรัฐสุลต่าน (ลุสฏอน) โอมาน สำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ระหว่างปี 2022-2023

ทั้งสองฝ่ายยังได้แสดงความขอบคุณต่อผู้นำ และรัฐบาลของจีน สำหรับการเป็นเจ้าภาพ และการสนับสนุนการเจรจา ตลอดจนความพยายามที่ถูกกำหนดไว้เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ

แถลงการณ์ร่วมดังกล่าวยังระบุว่า ทั้ง 3 ประเทศประกาศว่า ได้มีการบรรลุข้อตกลงระหว่างซาอุดีอาระเบีย และอิหร่าน ซึ่งรวมถึงข้อตกลงในการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน และเปิดสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนของทั้งสองประเทศอีกครั้ง ข้อตกลงดังกล่าวรวมถึงการยืนยันถึงการเคารพอำนาจอธิปไตยของรัฐ และการไม่แทรกแซงกิจการภายในของรัฐ

นอกจากนี้ ยังมีการตกลงให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของทั้งสองประเทศ ประชุมกันเพื่อดำเนินการตามนี้ และหารือเกี่ยวกับแนวทางการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคี

 

ในเดือนเมษายน 2023 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอิหร่านและซาอุดีอาระเบียต่างก็แสวงหาการดำเนินการตามข้อตกลงของการปรองดองเพื่อเพิ่มความมั่นคงในภูมิภาค

โดยในวันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน 2023 ฮุสเซน อมีร อับดุลลอฮ์ เฮียน (Hossein Amir – Abdollahian) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศอิหร่าน และเจ้าชายฟัยซ็อล บิน ฟัรฮาน อัลสะอูด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของซาอุดีอาระเบียได้แลกเปลี่ยนเอกสารที่ลงนามระหว่างการประชุมที่กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2023

ทั้งนี้ นักการทูตของอิหร่านและซาอุดีอาระเบียต่างก็เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการดำเนินตามข้อตกลงปรองดองที่จีนเป็นผู้ไกล่เกลี่ยในความพยายามที่จะเพิ่มความไว้วางใจซึ่งกันและกันและช่วยเพิ่มความมั่นคงในภูมิภาค

ในแถลงการณ์ร่วมหลังการประชุมที่กรุงปักกิ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของทั้งสองประเทศได้แสดงความพร้อมที่จะขจัดอุปสรรคทั้งหมดที่มีต่อการขยายความสัมพันธ์ทวิภาคี

โดยทั้งสองฝ่ายยังตกลงที่จะพัฒนาความร่วมมือในด้านอื่นๆ ที่สามารถรับประกันความมั่นคงและเสถียรภาพของภูมิภาครวมถึงผลประโยชน์ของประเทศ

ทั้งสองฝ่ายต่างก็เน้นย้ำถึงความสำคัญของการหารือเกี่ยวกับวีธีการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีและเปิดใช้งานข้อตกลงความร่วมมือด้านความมั่นคงเช่นเดียวกับข้อตกลงความร่วมมือทั่วไปในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม กีฬาและเยาวชน

 

ในแถลงการณ์ร่วมของพวกเขา อิหร่านและซาอุดีอาระเบียตกลงที่จะเปิดสถานทูตในกรุงเตหะรานและในกรุงริยาด (ริยาฏ) อีกครั้ง พร้อมกับสถานกงสุลใหญ่ในเมืองมาชาดและญิดดะฮ์ (เจดดาห์) ภายในกำหนดเส้นตายที่กำหนดไว้แล้ว

ทั้งสองประเทศยังตกลงที่จะติดตามการประสานงานระหว่างทีมเทคนิคของทั้งสองประเทศเพื่อตรวจสอบเที่ยวบินที่จะกลับมาบินอีกครั้ง รวมทั้งการเยือนของคณะผู้แทนทางการและภาคเอกชน รวมทั้งการอำนวยความสะดวกในกระบวนการขอวีซ่าสำหรับพลเมืองของทั้งสองประเทศ รวมทั้งการทำอุมเราะห์ อันเป็นพิธีทางศาสนาที่เปิดให้มีการทำพิธีทั้งปี

ด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีอยู่และความสามารถทางเศรษฐกิจที่สามารถนำมาใช้เพื่อให้แน่ใจในผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ ทั้งสองประเทศยังตกลงที่จะเพิ่มการประชุมและการปรึกษาหารือเพื่อตระหนักถึงโอกาสเชิงบวกในความสัมพันธ์ทวิภาคี

การพบกันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอิหร่าน-ซาอุดีอาระเบียถือเป็นการพบกันครั้งแรกในรอบ 7 ปีและเกิดขึ้นในประเทศจีน

ทั้งสองประเทศได้จัดประชุมเป็นครั้งแรกหลังจากความสัมพันธ์ที่ขาดหายไป 7 ปี โดยในตอนท้ายของการประชุมรัฐมนตรีจากทั้งสองประเทศได้กล่าวขอบคุณจีนที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในวันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน 2023

นอกจากนี้ พวกเขายังได้แสดงความขอบคุณต่อสวิตเซอร์แลนด์สำหรับความพยายามในการปกป้องผลประโยชน์ของอิหร่านและซาอุดีอาระเบีย

ในขณะเดียวกันเจ้าชายฟัยซ็อลของซาอุดีอาระเบียยังได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอิหร่านให้มาเยือนซาอุดีอาระเบียอีกด้วย

ในขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอิหร่านก็ได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของซาอุดีอาระเบียให้เดินทางไปยังกรุงเตหะรานเช่นกัน ซึ่งเป็นคำเชิญที่เจ้าชายฟัยซ็อลทรงตอบรับ

 

อาจกล่าวได้ว่าหลังจากการเจรจาอย่างเข้มข้นที่จีนเป็นเจ้าภาพเป็นเวลาหลายวัน อิหร่านและซาอุดีอาระเบียจึงตกลงที่จะกลับมาสานสัมพันธ์ทางการทูตและเปิดสถานทูตและคณะผู้แทนทางการทูตอีกครั้งหลังจากห่างเกินกันมานานถึง 7 ปี

ในแถลงการณ์ร่วมหลังจากมีการลงนามในข้อตกลงสันติภาพ ทั้งสองประเทศได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเคารพอธิปไตยของชาติซึ่งกันและกัน และละเว้นจากการแทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน

พวกเขาตกลงที่จะใช้ข้อตกลงความร่วมมือด้านความมั่นคงที่ลงนามในเดือนเมษายน 2021 และข้อตกลงอื่นที่เป็นไปตามความมุ่งหมายในเดือนพฤษภาคม 2022 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน กิจการด้านเทคนิค วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม กีฬาและกิจการเยาวชน

 

การกลับมาของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้สร้างความตระหนกให้กับสหรัฐ และอิสราเอลพันธมิตรสำคัญของสหรัฐที่เป็นปรปักษ์สำคัญของอิหร่าน

การหวนคืนความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศจึงมีศักยภาพในการบรรเทาความตึงเครียดทั่วทั้งภูมิภาคซึ่งเต็มไปด้วยความปั่นป่วนมานานหลายทศวรรษ

ความพยายามของจีนในการสานสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและซาอุดีอาระเบียทำให้ซาอุดีอาระเบียตัดสินใจเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางทหารกับองค์กรความร่วมมือด้านความมั่นคงเซี่ยงไฮ้ในที่สุด

โดยในขณะนี้คณะรัฐมนตรีของซาอุดีอาระเบียได้อนุมัติการตัดสินใจเข้าร่วมองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ไปเรียบร้อยแล้ว

ในขณะที่สหรัฐยังคงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นกับจีนอยู่นั้น จีนกำลังขยายเขตอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการทหารของตน ซึ่งครอบคลุมผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกแทบทั้งหมด ในขณะที่เตรียมการสำหรับขั้นต่อไปในการทำสงครามเย็นจีน-สหรัฐ

คณะรัฐมนตรีของซาอุดีอาระเบียอนุมัติการตัดสินใจเข้าร่วมองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ เนื่องจากซาอุดีอาระเบียต้องการสร้างความร่วมมือระยะยาวกับจีน และอาจเป็นเพราะความกังวลด้านความมั่นคงที่มีกับสหรัฐ ซาอุดีอาระเบียจึงได้อนุมัติบันทึกเกี่ยวกับการให้ราชอาณาจักรมีสถานะเป็นคู่เจรจาในองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ต่อไป

SCO เป็นสหภาพทางการเมืองและความมั่นคงของประเทศต่างๆ ที่ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของยูเรเชีย รวมถึงจีน อินเดีย และรัสเซีย ก่อตั้งขึ้นในปี 2001 โดยรัสเซีย จีน และอดีตรัฐที่เคยอยู่ร่วมกับสหภาพโซเวียตในเอเชียกลาง องค์กรดังกล่าวได้รับการขยายให้รวมถึงอินเดียและปากีสถาน ด้วยมุมมองที่จะมีบทบาทมากขึ้นในการถ่วงอิทธิพลกับประเทศตะวันตกในภูมิภาค

ในขณะที่อิหร่านได้ลงนามในเอกสารสำหรับการเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบของ SCO ในปีนี้ (2023)