จาก ‘จินหลิง’ สู่ ‘ไดมอนด์เคทีวี’ เด้ง-ตั้ง กก.สอบ 2 เสือมักกะสัน

เรียกว่าไม่เคยมีบทเรียนสำหรับข้าราชการสีกากีระดับ “หัวหน้าโรงพัก”

จากกรณีตำรวจนครบาลบุกตรวจค้นสถานบันเทิง จินหลิง 26 ตุลาคม 2565 เป็นผับลับให้บริการเฉพาะชาวจีนมีมั่วสุมเสพยาเสพติดอย่างเอิกเกริก

นำมาสู่การมีคำสั่งเด้ง พ.ต.อ.ธนโชติ ฤกษ์ดี ผกก.สน.ยานนาวาไปปฏิบัติราชการ ศปก.บก.น.6 แล้วให้ พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ รอง ผบก.น.6 รักษาราชการแทน ผกก.สน.ยานนาวา

แต่ต่อมา 23 พฤศจิกายน 2565 เด้ง พ.ต.อ.ณัฐพล ประจำ ศปก.บก.น.6 อีก หลังมีร้องเรียน พ.ต.อ. ระดับรอง ผบก. สังกัด บช.น. เรียกรับผลประโยชน์ปล่อยคืนรถหรูในคดีผับลับคนจีน มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง

คดีบานปลายไปถึง “ตู้ห่าว” หรือนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ ในฐานะเจ้าของผับจินหลิง กลายเป็นคดีมหากาพย์

ตู้ห่าว ตกเป็นจำเลย ในฐานะผู้ต้องหา “อาชญากรรมข้ามชาติ” เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร มีอัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี ทำสำนวนสั่งฟ้อง ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

ถัดมา 7 เดือนกว่า กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ร่วมกันนำกำลังค้นสถานบริการ ไดมอนด์เคทีวี ภายในเมรี อาบอบนวด ย่าน ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ ที่ปิดอยู่

ภายหลังได้สืบสวนหาข่าวทราบว่าลับลอบเปิดบริการมา 1 เดือนแล้ว บช.น.ได้ส่งตำรวจ ดส.เข้าไปราวตี 2 กว่าๆ วันที่ 2 มิถุนายน พบว่า ไดมอนด์เคทีวี เป็นผับลับคนจีนที่ไม่ต่างจากจินหลิงผับเลย เพียงแต่ไม่มีการให้ฝากยาเสพติด เหมือนฝากเหล้า แต่อาจมาหยิบจากในรถที่จอดด้านนอก ซึ่งมีรถที่ถูกยึดเป็นของกลาง 6 คัน

การเข้าไปสู่ “วิมานลับคนจีน” แห่งนี้ ต้องเดินผ่านห้องโถงโซนอาบอบนวดเข้าไปข้างในจนสุดทางเดิน ถึงจะเป็นส่วนไดมอนด์เคทีวี ประดับด้วยไฟแอลอีดีส่องสว่างตามเสา ภายในตกแต่งหรูหราล้ำสมัยสไตล์ยานอวกาศ มีห้องสูททั้งหมด 8 ห้อง เรียงตามตัวเลขคือห้อง 801, 802, 805, 806, 803, 777, 888 และ 999

ที่ห้องโถงต้อนรับมีเคาน์เตอร์รับแขก ด้านหลังมีกระดานรายชื่อผู้จองห้องคาราโอเกะ 4 ห้อง คือห้อง 801, 803, 805 และ 806 ภายในมีหนุ่มตี๋ สาวหมวย กำลังปาร์ตี้มั่วสุมเสพยาเสพติด มีของกลางยาเสพติด อาทิ โคเคน เคตามีน ยาอี แฮปปี้วอเตอร์ และอุปกรณ์การเสพจำนวนมาก

เปิดตั้งแต่ 4 ทุ่มยันเช้า ค่าบริการห้องละ 100,000 บาท

 

สําหรับแฮปปี้วอเตอร์ หรือ “ยาแฮปปี้” เป็นสารเสพติดชนิดใหม่กำลังนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่นักเที่ยว ลักษณะเป็นผงสีขาวขุ่นบรรจุในถุงพลาสติกทรงสี่เหลี่ยม ประกอบด้วย ยาอี เมตแอมเฟตามีน สารไดอาซีแพม คาเฟอีน และทาร์มาดอน หรือยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ผสมกัน นำมาชงกับน้ำร้อนหรือผสมน้ำหวานดื่มกิน ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ทำให้เคลิบเคลิ้ม สนุกสนาน ตื่นตัว คึกคัก ไม่ง่วงนอน และเต้นสนุกได้ทั้งคืน

สังคมไทยคุ้นชื่อยาเสพติดชนิดนี้ ตอนคดีไฮโซสาวแดนมังกรมาเสียชีวิตเนื่องจากโอเวอร์โดส ในผับท็อปวัน ถนนรัชดาภิเษก จนนำมาสู่การทลายจินหลิงผับในเวลาต่อมา

กลับมาที่การเข้าตรวจค้นผับลับในเมรีอาบอบนวดคืนนั้น พบว่ามีกลุ่มนักท่องเที่ยวและพนักงานภายในร้านรวม 94 คน

จับกุมผู้กระทำความผิด 56 รายแล้ว แยกผู้ต้องหาไปคุมขัง 3 สถานีตำรวจ คือ สน.ห้วยขวาง, สน.ดินแดง และ สน.มักกะสัน โดยทั้งหมดถูกแจ้งข้อกล่าวหา ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 จำนวน 52 คน อยู่ในไทยเกินกว่ากฎหมายกำหนด 3 คน รวมเป็น 55 คน ส่วนอีก 1 คน เป็นทหารที่อ้างว่าเข้าไปตามเพื่อน ถูกแจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

ต่อมาฝากขังศาลอาญาฯ 52 คน ศาลแขวงพระนครเหนือ 3 คน และศาลทหาร 1 คน คัดค้านการประกันตัว เพราะเกรงว่าจะหลบหนี ทำให้ยากต่อการติดตามจับกุม

ขณะที่ญาติผู้ต้องหายื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวไว้คนละ 20,000 บาท ศาลเห็นด้วยกับพนักงานสอบสวน จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว นำตัวทั้งหมดไปคุมขังที่เรือนจำ

ถัดมา 2 วัน สำนักงานเขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ประกาศเพิกถอนใบอนุญาตเปิดกิจการอาบอบนวดและห้ามใช้อาคารเมรี อาบอบนวด เป็นเวลา 5 ปี

 

ตามธรรมเนียมปฏิบัติ เมื่อหน่วยนอกเข้าตรวจค้นจับกุม “5 เสือ สน.” โดนเด้ง

แต่คราวนี้มีคำสั่งแค่ 2 เสือ นั่นคือ พ.ต.อ.จรินทร์ ลำลึก ผกก.สน.มักกะสัน และ พ.ต.ท.ปุญชรัสมิ์ โชติ รอง ผกก.สส.สน.มักกะสัน ไปช่วยราชการ ศปก.บก.น.1 ส่วนรอง ผกก.ป.สน.มักกะสัน อยู่ระหว่างเข้าโครงการอบรม ผกก. เลยรอดไป

พร้อมตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทั้ง ผกก. และรอง ผกก. โดยมี พ.ต.อ.เดชา พรมสุวรรณณ์ รอง ผบก.น.1 เป็นประธาน เพื่อสืบสวนว่า ทั้ง 2 นายมีส่วนเกี่ยวข้องผับดังกล่าว มีการเรียกรับผลประโยชน์จากแหล่งอบายมุขแห่งนี้ หรือปล่อยปละละเลยไม่สนใจ ทำให้มีแหล่งอบายมุขเกิดขึ้นในพื้นที่หรือไม่

ทั้งที่ก่อนหน้านี้การประชุมบริหาร บช.น. เมื่อ 25 เมษายน และ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. กำชับทุกหน่วยในสังกัดให้กวดขันบ่อนการพนัน และตรวจสอบสถานบริการในพื้นที่ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดมาแล้ว แต่การปล่อยให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาหรือไม่

กำหนดสอบให้เสร็จภายใน 30 วัน หากพบว่ามีบกพร่องหรือขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ให้ลงโทษทางวินัยทันที

 

แม้ว่าหลังปฏิบัติการมี “ตัวตึง” ขาประจำ ฉายาอดีตเจ้าพ่ออ่างฟันธงว่าเป็นความขัดแย้งในหน่วยงานผู้รับผิดชอบในพื้นที่ เคลียร์ผลประโยชน์ไม่ลงตัว นำมาสู่ทลาย “จินหลิง 2”

ขัดกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่ทราบว่าเป็นการพยายามปกปิดแต่เจ้าหน้าที่ได้เบาะแส บช.น.ส่ง ดส.ไปดำเนินการ ถือป็นผลงานการปฏิบัติ

“ใครจะทำผิดกฎหมายอะไรก็ตาม ถ้าได้เบาะแสจะดำเนินการตามที่รับแจ้งอย่างตรงไปตรงมา ถ้าใครปล่อยปละละเลยลงโทษ” ผบ.ตร.ระบุ

จากการตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องสอดคล้องกันว่า ก่อนนำมาสู่การตรวจค้นจับกุมของ ดส. ผู้บังคับบัญชาเคยสั่งการให้ท้องที่เข้าไปตรวจสอบสถานบันเทิงว่าเปิดเกินเวลา มีเยาวชนเข้าไปหรือไม่ แต่ไม่สามารถจับกุมได้ จึงส่ง ดส.เข้าไปจัดการ

และปฏิบัติการครั้งนี้ได้ถอดบทเรียนจาก “จินหลิง” เพราะมิจฉาชีพกลุ่มจีนเทามีพัฒนาการกระทำผิด เห็นได้จากที่ตั้งสถานบริการหลบซ่อนในอาบอบนวด ไม่มีการรับฝากยาเสพติด

แต่คนทำงานอวดรู้พูดมากไม่ได้ เพราะกลายเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ยิ่งทำงานยากขึ้น

จึงเป็นบทสรุปที่ค้านความรู้สึกคนทั่วไป อาจเป็นเพราะต้นทุนความน่าเชื่อถือตำรวจมีน้อยหรือไม่