วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย เสถียร จันทิมาธร / สุสาน กระบี่ เกี่ยมท่ง (114)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร

สุสาน กระบี่ เกี่ยมท่ง (114)

ผ่านไปหลายวันที่เอี้ยก่วยอยู่ในความดูแลอย่างอบอุ่นจากอินทรีอัปลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นการคาบกระต่ายป่ามาให้ก่อไฟ ปิ้งย่าง รับประทานจนอิ่มหนำ ปากแผลบนแขนขวาค่อยๆ สมานตัวทีละน้อย สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นตามลำดับ

ทุกครั้งที่นึกถึงเซียวเล้งนึ่ง ทรวงอกแม้ยังปวดแปลบปลาบแต่ไม่ถึงกับทนทานมิได้เช่นกาลก่อน

วันหนึ่งเห็นหลังถ้ำมีต้นไม้เขียวชอุ่ม อากาศสดชื่นแจ่มใสจึงเดินทอดน่องชมวิวทิวทัศน์

เดินเป็นระยะทางลี้เศษถึงหน้าผนังผาลาดชัน คล้ายฉากกั้นตามธรรมชาติขนาดใหญ่แผ่พุ่งขึ้น ตอนกลางอยู่เหนือระดับพื้น 20 กว่าวามีหินใหญ่กว้างยาว 3-4 วาก้อนหนึ่งลักษณะคล้ายแท่นที่ราบบนก้อนหินคล้ายสลักอักษรไว้

เพ่งสายตามองเห็นชัดถนัดตาว่าเป็นคำ “สุสานกระบี่” หรือ “เกี่ยมท่ง”

เพ่งมองอยู่เห็นบนผนังทุกระยะหลายเชียะงอกเงยด้วยตะไคร่เขียวหลายสิบพุ่มเรียงรายขึ้นไปจึงโผพุ่งยื่นมือล้วงไปในพุ่มตะไคร่ต่ำสุดตะกุยเอาคาบดินโคลนออกมา ที่แท้เป็นโพรงเล็กๆ คาดว่าต๊กโกวคิ้วป่ายใช้อาวุธขุดเจาะไว้ นานๆ เข้าภายในสะสมดินโคลนก่อเกิดตะไคร่เขียวขึ้น

จึงกระชับสายรัดเอวเกร็งลมปราณอึดหนึ่งพุ่งตัวขึ้นสูงหลายเชียะ เท้าซ้ายเหยียบใส่ถ้ำโพรงพุ่งตัวจาก 1 ไปยัง 2 ไปยังที่ 3 ไปยังที่ 4-5 จนถึงแท่นที่ราบ

บนแท่นที่ราบนั้นข้างอักษร “สุสานกระบี่” (เกี่ยมท่ง) สลักอักษรขนาดเล็กกว่า 2 แถวบ่งบอกรายละเอียดให้รับรู้

แถว 1 กระบี่อสูรต๊กโกวคิ้วป่ายเมื่อพิชิตทั่วแผ่นดินไร้ผู้ต่อต้าน จึงฝังกระบี่ไว้ในสถานที่นี้

แถว 1 โอ้ อนิจจา เหล่าผู้กล้าอับจนวิธี เสียทีที่กระบี่คมกล้า เป็นที่น่าอนาถใจ

เอี้ยก่วยทั้งแตกตื่น ทั้งเลื่อมใส รู้สึกว่าผู้อาวุโสท่านนี้ทระนงถือดี ท่องเที่ยวเพียงลำพัง มีส่วนคล้ายคลึงกับนิสัยใจคอของมัน

แต่หากบอกว่าพิชิตทั่วแผ่นดิน ไร้ผู้ต่อต้าน เอี้ยก่วยไหนเลยเทียมเทียบได้

ยามนี้เพียงหลงเหลือแขนข้างหนึ่ง ต่อให้ยามกะทันหันไม่ตาย เรื่องที่จะพิชิตทั่วแผ่นดิน ไร้ผู้ต่อต้าน คงไม่มีหวังไปชั่วชีวิต

มองดูรูปสลักจากศิลาทั้ง 2 แถวแล้วก้มศีรษะลง เห็นก้อนหินจำนวนมากกองสุมเป็นหลุมขนาดใหญ่หลุมหนึ่ง หลุมนี้หันหลังพิงหุบเขามองเห็นกว้างไพศาล อย่างว่าแต่กระบี่อสูรเององอาจหาญกล้าปานใด เพียงสุสานกระบี่ก็ครอบครองชัยภูมิยอดเยี่ยม

คาดว่าคนผู้นี้เปรื่องปราดทั้งบุ๋น บู๊ มีปณิธานเหนือธรรมดา เพียงแค้นที่ตัวเองถือกำเนิดเกิดมาสาย ไม่มีวาสนาพบพานยอดคนผู้อาวุโสท่านนี้

นี่เป็นความรู้สึกครั้งแล้วครั้งเล่าของเอี้ยก่วยต่อ “ต๊กโกวคิ้วป่าย”

เป็นความรู้สึกนับถือ เป็นความรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้รู้จัก เสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสได้ศึกษาเรียนรู้เพลงกระบี่อย่างชนิดที่ไร้ผู้ต่อต้าน

อัดอั้นตันในอกกระทั่งต้องแหงนหน้ากู่ร้องดังยาวนาน

ชั่วครูให้หลังรอบข้างบังเกิดเสียงสะท้อนพลันหวนนึกถึงอึ้งเอี๊ยะซือเอ่ยถึงความสุขของ “ขยับภูษาข้ามเนินพันวา ชำระเท้าในวารีหมื่นลี้”

เพราะในยามนี้มันเองก็มีจิตปณิธานเช่นนี้

แม้ในทางความคิด อยากชมดูว่าศัตราวุธในสุสานมีลักษณะอย่างไร แต่ก็ไม่กล้าลบหลู่ผู้อาวุโส ดังนั้น ทรุดนั่งขัดสมาธิ สูดหายใจกลางสายลม รู้สึกมีพลังอันสดชื่นอยู่เต็มอกราวกับจะเหาะเหินไปได้

พลันได้ยินเสียงจากเชิงผาดังขึ้นหลายครา เมื่อก้มลงมองก็เห็นอินทรียื่นกรงเล็บตะกุยถ้ำโพรงบนผนังผา กระโดดโลดลิ่วขึ้นมา ทวิชาติตัวนี้แม้มีน้ำหนักมากแต่พลังกรงเล็บรุนแรงยิ่ง เพียงชั่วขณะก็ทะยานมาถึงบนแท่นที่ราบ

อินทรีทำท่าเหลีวมอง ผงกหัวต่อเอี้ยก่วย ร้องขึ้นด้วยสุ้มเสียงอันแปลกประหลาดยิ่ง ส่งเสียงร้องหลายครั้งครา ยื่นกรงเล็บตะกุยก้อนหินบนสุสานกระบี่เคลื่อนย้ายไปด้านข้าง

นี่ย่อมเป็นอากัปกิริยาเดียวกันกับเมื่อทั้งผลักทั้งตีด้วยปีกดันให้เอี้ยก่วยก้าวเดินไปจนประสบพบเข้ากับถ้ำอันเป็นสุสานของต๊กโกวคิ้วป่าย

เพียงแต่คราวนี้เป็นสุสานกระบี่ เกี่ยมท่ง บนยอดผาสูง

หากเป็นวาสนาของก๊วยเจ๋งได้ดื่มยาวิเศษจากงูของหลวงจีนทำให้กำลังภายในก้าวกระโดด นี่ย่อมเป็นวาสนาของเอี้ยก่วยได้พบถ้ำต๊กโกวคิ้วป่ายในหุบเขาร้าง

และได้พบสุสานกระบี่ เกี่ยมท่ง อันแสนวิเศษของท่านต๊กโกวคิ้วป่าย