วิกผมที่ทำให้คนอยากมีชีวิตอยู่ต่อ | ท้อฟฟี่ แบรดชอว์

ท้อฟฟี่ แบรดชอว์https://www.facebook.com/toffybradshawwriter

วิกผมที่ทำให้คนอยากมีชีวิตอยู่ต่อ

 

1

โมเมนต์ที่ดีที่สุดในการทำงานของคุณอยู่ที่ตรงไหนครับ

Nhatthuy Tiffani Calix ทำงานเป็น Hairstylist มา 13 ปี

เธอดูแลทรงผมให้ลูกค้าคนแล้วคนเล่า

สำหรับเธอแล้ว เส้นผมคือความสวยงาม

จนกระทั่งเมื่อเธอประสบปัญหาผมร่วงอย่างรุนแรงหลังคลอดลูกคนที่ 3 เธอได้เรียนรู้ว่าเส้นผมไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม

เพราะเมื่อปราศจากเส้นผม เธอรู้สึกขาดความมั่นใจ ความภูมิใจในตัวเองหดหาย เธอรู้สึกว่าแล้วต่อไปลูกค้าจะเชื่อถือเธอได้อย่างไรในเมื่อแม้แต่ตัวเธอก็ยังดูแลเส้นผมของตัวเองไม่ได้

Tiffani ต้องเริ่มต้นใส่วิกผม แต่วิกในท้องตลาดที่เธอเจอก็ดูไม่เป็นธรรมชาติ ดูออกว่าเป็นของปลอม ไม่เหมาะกับสภาพศีรษะ และก็ยังไม่สวยงามเท่าไร

ยิ่งเธอใส่วิก เธอยิ่งสัมผัสได้ว่า คนที่ใส่วิกรู้สึกอาย เหมือนกับว่าการใส่วิกเป็นเรื่องประหลาด และเป็นสิ่งของของคนที่ “ขาด” หรือคนที่ต้องปกปิด

ไม่มีใครอยากบอกว่าตัวเองใส่วิกราวกับมันเป็นเรื่องผิดบาป

ไม่มีผมก็ไม่มั่นใจ ใส่วิกแล้วก็ยังไม่มั่นใจอีก

และการที่ต้องใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกแหว่งวิ่นอยู่ตลอดเวลาแบบนั้นจะรู้สึกอย่างไร—เธอเข้าใจมันดี

2

ด้วยความที่เธอเป็น Hairstylist เธอจึงสามารถนำวิกมาปรับแต่งจนเป็นธรรมชาติและเข้ากับเธอ

ไม่มีใครดูออกว่าเธอใส่วิก

จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอถามตัวเองว่าทำไมเธอต้องอายที่ใส่วิก ทำไมต้องรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนที่ไม่เต็มคนแบบนั้น

เธอไม่ควรรู้สึกแบบนั้น และไม่อยากให้ใครรู้สึกแบบนั้น

Tiffani จึงตัดสินใจเปิดเผยว่าเธอใส่วิกผ่าน Instagram ของเธอ

การเปิดเผยตัวตนและเป็นตัวเองคือความกล้าหาญที่สุดในทุกวันที่เราใช้ชีวิต

ปรากฏว่าคนรอบตัวของเธอล้วนชื่นชมทัศนคติของเธอ

หลายคนเริ่มมาถามเธอว่าอยากได้วิกผมแบบที่เธอทำบ้าง

เธอเริ่มเห็นโอกาสบางอย่าง

ในเมื่อเธอรู้ดีที่สุดว่าคนที่ใส่วิกเจ็บปวดอย่างไร และต้องการอะไร

และเธอก็มีความสามารถในฐานะ Hairstylist

เธอน่าจะช่วยพวกเขาได้

ธุรกิจวิกผมของเธอจึงเริ่มต้นขึ้น

3

เป็นเวลา 8 เดือนที่ Tiffani ต้องอยู่ถึงตี 3 ทุกวันเพื่อทำวิกผม เพื่อส่งให้ลูกค้าที่เริ่มสั่งซื้อวิกของเธอ

ขณะเดียวกัน เช้ามาเธอก็ต้องไปทำงานที่ร้านทำผมต่ออีกเกือบทั้งวัน

รวมไปถึงหน้าที่การเป็นแม่ที่ต้องเลี้ยงลูก 3 คนไปพร้อมกัน

เธอคิดว่า มันอาจจะถึงเวลาที่เธอต้องเลือกระหว่างการเปิดร้านทำผมกับการทำธุรกิจวิกผมเต็มเวลา

สุดท้ายเธอตัดสินใจ “ลอง” เลือกธุรกิจวิกผม

จังหวะเดียวกันนั้น โควิด-19 เข้ามาสั่นสะเทือนโลกพอดี ซึ่งทำให้ธุรกิจร้านทำผมหลายๆ ที่ต้องปิดตัวลง ทำให้ Tiffani มาโฟกัสที่ธุรกิจขายวิกผมทางออนไลน์

เธอเจาะกลุ่มผู้หญิงที่ผมหลุดร่วงจากการเข้ารับการรักษาตัว

เพราะคนกลุ่มนี้คือคนที่ต้องการวิกผม

ลำพังต้องรักษาตัวก็เจ็บปวดอยู่แล้ว

เธออยากทำให้ลูกค้าของเธอกลับมามีความสุขกับตัวเอง มีความมั่นใจ และกล้าออกไปไหนมาไหน

เพราะนั่นจะเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้พวกเขาอยากมีชีวิตอยู่ต่อ

4

ไม่ใช่เพียงผู้ใหญ่เท่านั้นที่ติดต่อ Tiffani ว่าอยากได้วิกผม

แต่ Tiffani พบว่ามีครอบครัวจำนวนมากติดต่อเธอมาเพราะต้องการวิกผมให้กับลูกสาว

เด็กๆ หลายคนมีปัญหาสุขภาพที่ทำให้เส้นผมหลุดร่วง

บางคนเขียนมาเล่าให้ Tiffani ว่า ลูกสาวถูกเพื่อนที่โรงเรียนบูลลี่เพราะไม่มีผม จนไม่อยากไปโรงเรียน

เส้นผมไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่เป็นเรื่องความมั่นใจ ความภูมิใจในตัวเอง ความรู้สึกมีตัวตน ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม สวัสดิภาพความปลอดภัยในการใช้ชีวิต

เรื่องราวของเด็กๆ ที่มีปัญหาเหล่านี้ยิ่งสั่นสะเทือนหัวใจของ Tiffani

ยิ่งเธอเป็นแม่คนด้วยแล้ว เธอยิ่งเข้าใจว่าความเจ็บปวดของลูกก็คือความเจ็บปวดของพ่อแม่ไปด้วย

5

ด้วยกำลังเล็กๆ ของ Tiffani เธอเริ่มต้นทำวิกผมสำหรับเด็กและวัยรุ่นอายุ 8-17 สัปดาห์ละ 5 วิกก่อน เป็นการบริจาคช่วยเหลือ

จนกระทั่งเกิดแคมเปญกับ GoFundMe ที่ระดมเงินช่วยเหลือการทำวิกเพื่อเยาวชน

ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันของผู้คนมากมาย ทำให้เธอสามารถผลิตวิกผมสำหรับเยาวชนไปได้มากกว่า 200 วิกในเวลา 1 ปีครึ่ง

เด็กๆ บางคนที่เคยถูกบูลลี่ เมื่อใส่วิกของ Tiffani แล้วก็กลายเป็นว่าเพื่อนๆ คนอื่นก็อยากใส่ด้วย

กลายเป็นว่าการใส่วิกเป็นความเท่ เป็น Trendsetter

แม้ว่าธุรกิจของเธอจะเติบโตอย่างมาก แต่ Tiffani ก็ยังคงทำวิกผมเพื่อบริจาคให้เด็กๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง

เมื่อเร็วๆ นี้ Tiffani สร้างโครงการมอบทุนการศึกษาให้นักเรียนที่มีปัญหาสูญเสียเส้นผมให้ได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่ต้องการ

6

ใน Instagram @wigsbytiffani ของเธอ สิ่งที่ผมชอบมากคือคลิปที่เธอโพสต์

เธอจะให้ลูกค้าของเธอหลับตา แล้วเธอก็จะนำวิกมาสวมให้และจัดทรง

โมเมนต์ที่ลูกค้าลืมตาเมื่อเห็นผมของตัวเองนั่นแหละครับคือโมเมนต์มหัศจรรย์

แววตาของพวกเขามีความสุข มีรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า พวกเขามองภาพตัวเองในกระจกด้วยความเหลือเชื่อ

หลายคนน้ำตาไหลด้วยความสุขและกอด Tiffani

โมเมนต์ที่ลูกค้าลืมตามาเห็นตัวเองใส่วิกแล้วมีความสุขคือโมเมนต์ที่ Tiffani รอคอย

มันคือโมเมนต์ที่ดีที่สุดในการทำงาน

เมื่อรู้ว่างานที่ทำมีความหมายกับชีวิตผู้อื่น

และวิกผมของ Tiffani ทำให้ผู้คนอยากมีชีวิตอยู่ต่อ

เช่นเดียวกับที่ทำให้ Tiffani อยากมีชีวิตอยู่ต่อ

เพื่อจะได้ทำให้เกิดโมเมนต์มหัศจรรย์แบบนี้ขึ้นทุกวัน

7

“เป้าหมายของฉันคือการได้บอกกับผู้คนว่าทุกคนมีความสวยงามในแบบของตัวเอง ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเส้นผม และอยากทำให้เรื่องการสูญเสียเส้นผมเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องน่าอาย และอยากให้ลูกค้ารู้สึกโอเคแม้ว่าจะไม่ได้ใส่วิก และอยากให้รู้ว่ามันเป็นเพียงเครื่องประดับ แบบเดียวกับเครื่องสำอางค์” Tiffani บอก

ธุรกิจ Wigs by Tiffani ไม่ใช่แค่ทำเพื่อความสวยงาม แต่มีเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนให้ดีขึ้น

“ที่สุดแล้ววิกผมไม่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนได้หรอกค่ะ แต่สังคมและการยอมรับตัวเองต่างหากที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยน” Tiffani บอก

วิกผมอาจจะช่วยให้ผู้สวมใส่รู้สึกมั่นใจขึ้น มองเห็นตัวเองอีกครั้ง แต่ Tiffani คิดว่ามีบางอย่างที่ทรงพลังมากกว่านั้น

“มันก็แค่เส้นผม แต่คุณค่าของเรามีมากกว่าเส้นผม”

ถ้าถามว่าธุรกิจของ Tiffani คืออะไร

ผมคิดว่าเธอไม่ได้ขายวิกผม

แต่เธอกำลังทำธุรกิจที่ทำให้คนมองเห็นคุณค่าในตัวเอง

ไม่ว่าจะมีเส้นผมหรือไม่มี

แต่คุณค่าในตัวเองยังมีอยู่

นั่นแหละครับคือคุณค่าของงานที่ Tiffani ทำ •