ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 พฤษภาคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | The Gratitude Diary ขอบคุณที่ทำให้ชีวิตนี้มีความหมาย |
ผู้เขียน | ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ |
เผยแพร่ |
วิกผมที่ทำให้คนอยากมีชีวิตอยู่ต่อ
1
โมเมนต์ที่ดีที่สุดในการทำงานของคุณอยู่ที่ตรงไหนครับ
Nhatthuy Tiffani Calix ทำงานเป็น Hairstylist มา 13 ปี
เธอดูแลทรงผมให้ลูกค้าคนแล้วคนเล่า
สำหรับเธอแล้ว เส้นผมคือความสวยงาม
จนกระทั่งเมื่อเธอประสบปัญหาผมร่วงอย่างรุนแรงหลังคลอดลูกคนที่ 3 เธอได้เรียนรู้ว่าเส้นผมไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม
เพราะเมื่อปราศจากเส้นผม เธอรู้สึกขาดความมั่นใจ ความภูมิใจในตัวเองหดหาย เธอรู้สึกว่าแล้วต่อไปลูกค้าจะเชื่อถือเธอได้อย่างไรในเมื่อแม้แต่ตัวเธอก็ยังดูแลเส้นผมของตัวเองไม่ได้
Tiffani ต้องเริ่มต้นใส่วิกผม แต่วิกในท้องตลาดที่เธอเจอก็ดูไม่เป็นธรรมชาติ ดูออกว่าเป็นของปลอม ไม่เหมาะกับสภาพศีรษะ และก็ยังไม่สวยงามเท่าไร
ยิ่งเธอใส่วิก เธอยิ่งสัมผัสได้ว่า คนที่ใส่วิกรู้สึกอาย เหมือนกับว่าการใส่วิกเป็นเรื่องประหลาด และเป็นสิ่งของของคนที่ “ขาด” หรือคนที่ต้องปกปิด
ไม่มีใครอยากบอกว่าตัวเองใส่วิกราวกับมันเป็นเรื่องผิดบาป
ไม่มีผมก็ไม่มั่นใจ ใส่วิกแล้วก็ยังไม่มั่นใจอีก
และการที่ต้องใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกแหว่งวิ่นอยู่ตลอดเวลาแบบนั้นจะรู้สึกอย่างไร—เธอเข้าใจมันดี
2
ด้วยความที่เธอเป็น Hairstylist เธอจึงสามารถนำวิกมาปรับแต่งจนเป็นธรรมชาติและเข้ากับเธอ
ไม่มีใครดูออกว่าเธอใส่วิก
จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอถามตัวเองว่าทำไมเธอต้องอายที่ใส่วิก ทำไมต้องรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนที่ไม่เต็มคนแบบนั้น
เธอไม่ควรรู้สึกแบบนั้น และไม่อยากให้ใครรู้สึกแบบนั้น
Tiffani จึงตัดสินใจเปิดเผยว่าเธอใส่วิกผ่าน Instagram ของเธอ
การเปิดเผยตัวตนและเป็นตัวเองคือความกล้าหาญที่สุดในทุกวันที่เราใช้ชีวิต
ปรากฏว่าคนรอบตัวของเธอล้วนชื่นชมทัศนคติของเธอ
หลายคนเริ่มมาถามเธอว่าอยากได้วิกผมแบบที่เธอทำบ้าง
เธอเริ่มเห็นโอกาสบางอย่าง
ในเมื่อเธอรู้ดีที่สุดว่าคนที่ใส่วิกเจ็บปวดอย่างไร และต้องการอะไร
และเธอก็มีความสามารถในฐานะ Hairstylist
เธอน่าจะช่วยพวกเขาได้
ธุรกิจวิกผมของเธอจึงเริ่มต้นขึ้น
3
เป็นเวลา 8 เดือนที่ Tiffani ต้องอยู่ถึงตี 3 ทุกวันเพื่อทำวิกผม เพื่อส่งให้ลูกค้าที่เริ่มสั่งซื้อวิกของเธอ
ขณะเดียวกัน เช้ามาเธอก็ต้องไปทำงานที่ร้านทำผมต่ออีกเกือบทั้งวัน
รวมไปถึงหน้าที่การเป็นแม่ที่ต้องเลี้ยงลูก 3 คนไปพร้อมกัน
เธอคิดว่า มันอาจจะถึงเวลาที่เธอต้องเลือกระหว่างการเปิดร้านทำผมกับการทำธุรกิจวิกผมเต็มเวลา
สุดท้ายเธอตัดสินใจ “ลอง” เลือกธุรกิจวิกผม
จังหวะเดียวกันนั้น โควิด-19 เข้ามาสั่นสะเทือนโลกพอดี ซึ่งทำให้ธุรกิจร้านทำผมหลายๆ ที่ต้องปิดตัวลง ทำให้ Tiffani มาโฟกัสที่ธุรกิจขายวิกผมทางออนไลน์
เธอเจาะกลุ่มผู้หญิงที่ผมหลุดร่วงจากการเข้ารับการรักษาตัว
เพราะคนกลุ่มนี้คือคนที่ต้องการวิกผม
ลำพังต้องรักษาตัวก็เจ็บปวดอยู่แล้ว
เธออยากทำให้ลูกค้าของเธอกลับมามีความสุขกับตัวเอง มีความมั่นใจ และกล้าออกไปไหนมาไหน
เพราะนั่นจะเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้พวกเขาอยากมีชีวิตอยู่ต่อ
4
ไม่ใช่เพียงผู้ใหญ่เท่านั้นที่ติดต่อ Tiffani ว่าอยากได้วิกผม
แต่ Tiffani พบว่ามีครอบครัวจำนวนมากติดต่อเธอมาเพราะต้องการวิกผมให้กับลูกสาว
เด็กๆ หลายคนมีปัญหาสุขภาพที่ทำให้เส้นผมหลุดร่วง
บางคนเขียนมาเล่าให้ Tiffani ว่า ลูกสาวถูกเพื่อนที่โรงเรียนบูลลี่เพราะไม่มีผม จนไม่อยากไปโรงเรียน
เส้นผมไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่เป็นเรื่องความมั่นใจ ความภูมิใจในตัวเอง ความรู้สึกมีตัวตน ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม สวัสดิภาพความปลอดภัยในการใช้ชีวิต
เรื่องราวของเด็กๆ ที่มีปัญหาเหล่านี้ยิ่งสั่นสะเทือนหัวใจของ Tiffani
ยิ่งเธอเป็นแม่คนด้วยแล้ว เธอยิ่งเข้าใจว่าความเจ็บปวดของลูกก็คือความเจ็บปวดของพ่อแม่ไปด้วย
5
ด้วยกำลังเล็กๆ ของ Tiffani เธอเริ่มต้นทำวิกผมสำหรับเด็กและวัยรุ่นอายุ 8-17 สัปดาห์ละ 5 วิกก่อน เป็นการบริจาคช่วยเหลือ
จนกระทั่งเกิดแคมเปญกับ GoFundMe ที่ระดมเงินช่วยเหลือการทำวิกเพื่อเยาวชน
ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันของผู้คนมากมาย ทำให้เธอสามารถผลิตวิกผมสำหรับเยาวชนไปได้มากกว่า 200 วิกในเวลา 1 ปีครึ่ง
เด็กๆ บางคนที่เคยถูกบูลลี่ เมื่อใส่วิกของ Tiffani แล้วก็กลายเป็นว่าเพื่อนๆ คนอื่นก็อยากใส่ด้วย
กลายเป็นว่าการใส่วิกเป็นความเท่ เป็น Trendsetter
แม้ว่าธุรกิจของเธอจะเติบโตอย่างมาก แต่ Tiffani ก็ยังคงทำวิกผมเพื่อบริจาคให้เด็กๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง
เมื่อเร็วๆ นี้ Tiffani สร้างโครงการมอบทุนการศึกษาให้นักเรียนที่มีปัญหาสูญเสียเส้นผมให้ได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่ต้องการ
6
ใน Instagram @wigsbytiffani ของเธอ สิ่งที่ผมชอบมากคือคลิปที่เธอโพสต์
เธอจะให้ลูกค้าของเธอหลับตา แล้วเธอก็จะนำวิกมาสวมให้และจัดทรง
โมเมนต์ที่ลูกค้าลืมตาเมื่อเห็นผมของตัวเองนั่นแหละครับคือโมเมนต์มหัศจรรย์
แววตาของพวกเขามีความสุข มีรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า พวกเขามองภาพตัวเองในกระจกด้วยความเหลือเชื่อ
หลายคนน้ำตาไหลด้วยความสุขและกอด Tiffani
โมเมนต์ที่ลูกค้าลืมตามาเห็นตัวเองใส่วิกแล้วมีความสุขคือโมเมนต์ที่ Tiffani รอคอย
มันคือโมเมนต์ที่ดีที่สุดในการทำงาน
เมื่อรู้ว่างานที่ทำมีความหมายกับชีวิตผู้อื่น
และวิกผมของ Tiffani ทำให้ผู้คนอยากมีชีวิตอยู่ต่อ
เช่นเดียวกับที่ทำให้ Tiffani อยากมีชีวิตอยู่ต่อ
เพื่อจะได้ทำให้เกิดโมเมนต์มหัศจรรย์แบบนี้ขึ้นทุกวัน
7
“เป้าหมายของฉันคือการได้บอกกับผู้คนว่าทุกคนมีความสวยงามในแบบของตัวเอง ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเส้นผม และอยากทำให้เรื่องการสูญเสียเส้นผมเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องน่าอาย และอยากให้ลูกค้ารู้สึกโอเคแม้ว่าจะไม่ได้ใส่วิก และอยากให้รู้ว่ามันเป็นเพียงเครื่องประดับ แบบเดียวกับเครื่องสำอางค์” Tiffani บอก
ธุรกิจ Wigs by Tiffani ไม่ใช่แค่ทำเพื่อความสวยงาม แต่มีเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนให้ดีขึ้น
“ที่สุดแล้ววิกผมไม่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนได้หรอกค่ะ แต่สังคมและการยอมรับตัวเองต่างหากที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยน” Tiffani บอก
วิกผมอาจจะช่วยให้ผู้สวมใส่รู้สึกมั่นใจขึ้น มองเห็นตัวเองอีกครั้ง แต่ Tiffani คิดว่ามีบางอย่างที่ทรงพลังมากกว่านั้น
“มันก็แค่เส้นผม แต่คุณค่าของเรามีมากกว่าเส้นผม”
ถ้าถามว่าธุรกิจของ Tiffani คืออะไร
ผมคิดว่าเธอไม่ได้ขายวิกผม
แต่เธอกำลังทำธุรกิจที่ทำให้คนมองเห็นคุณค่าในตัวเอง
ไม่ว่าจะมีเส้นผมหรือไม่มี
แต่คุณค่าในตัวเองยังมีอยู่
นั่นแหละครับคือคุณค่าของงานที่ Tiffani ทำ •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022