โยงใย ความสัมพันธ์ จาก กิมซีกะ ถึง หัตถ์อสูรเขียว กับ ‘โจรดอกเหมย’

บทความพิเศษ

 

โยงใย ความสัมพันธ์

จาก กิมซีกะ ถึง หัตถ์อสูรเขียว

กับ ‘โจรดอกเหมย’

 

ไม่ว่าจะเรียกว่า “ฤทธิ์มีดสั้น” ไม่ว่าจะเรียกว่า “เซี่ยวลี้ปวยตอ มีดบินไม่พลาดเป้า” ดำรงอยู่ 2 ภาคต่อเนื่องกัน

ภาคหนึ่ง ให้ชื่อว่า “ตอเช้งเกี่ยม บ้อเช้งเกี่ยม” หรือ “มือกระบี่มากรัก กระบี่ไร้น้ำใจ”

โกวเล้งเขียนเมื่อปี ค.ศ.1968 อันตรงกับ พ.ศ.2511 ต่อมา ต้นปี ค.ศ.1970 อันตรงกับ พ.ศ.2513 จึงได้เขียนต่อ

นั่นก็คือ “ทิต้าไต้เฮียบฮุ้น” หรือ “ธาตุแท้วีรบุรุษหาญกล้า”

เด่นชัดอย่างยิ่งว่า สำหรับภาค “มือกระบี่มากนัก กระบี่ไร้น้ำใจ” เน้นบทบาทของ ลี้คิมฮวง ประกอบเข้ากับ อาฮุย

ขณะเดียวกัน ก็มีทางด้านของ เล้งโซ่วฮุ้น และด้านของ ลิ่มเซียนยี้

การปรากฏขึ้นของ “บ๊วยฮวยเต๋า” หรือ “โจรดอกเหมย” คือ จุดเริ่มต้นของทุกสถานการณ์อันสะท้อนถึง “มือกระบี่มากรัก กระบี่ไร้น้ำใจ”

คล้ายจะหมายถึงลี้คิมฮวง คล้ายจะบ่งชี้ถึงอาฮุย

คำถามก็คือ ลักษณาการแห่งความ “มากรัก” อันดำรงอยู่มิได้หมายถึงในเรื่องของความพิศวาส หากแต่ดำรงอยู่อย่างผูกพัน

ตรงกันข้าม เมื่อถึงสถานการณ์ที่แน่นอน “กระบี่” ก็จำเป็นต้อง “ไร้น้ำใจ”

 

สถานการณ์ตั้งแต่บทแรกรูปสลักจากมีดสั้นของ “ฤทธิ์มีดสั้น” หรือ “มีดบินกับกระบี่ไว” ของ “เซี่ยวลี้ปวยตอ มีดบินไม่พลาดเป้า”

1 เปิดตัวลี้คิมฮวง 1 เปิดตัวอาฮุย

ความน่าสนใจอยู่ตรงที่มีเป้าหมายเพื่อลากดึงให้ลี้คิมฮวงเข้าไปรับรู้และสัมพันธ์กับการปรากฏขึ้นของ “โจรดอกเหมย”

เริ่มจากโรงเตี๊ยมเล็ก ไปยังห้องครัวหนึ่งในป่าเขารกครึ้ม

สิ่งล่อใจเป็นอย่างมาก คือ ความพยายามในการแย่งชิง “เกราะใยทอง” หรือ “กิมซีกะ” ตั้งแต่นอกด่านกระทั่งเข้ามาภายในด่าน

มีตัวละครมากมายปรากฏตลอด 2 รายทาง

เริ่มจากจูกัวลุ้ยซึ่งมาพร้อมกับบรรดา “เปียเท้า” (คนคุ้มกันสินค้า) แห่งสำนักคุ้มกันภัยไซ้เปียเก๊ก (ราชสีห์ทอง)

ตามมาด้วยอสรพิษขาว อสรพิษดำ แห่ง “เพ็กฮวยซังจั้ว” (สองอสรพิษเลือดสีเขียว)

สหายฝ่ายมิจฉาชีพที่อาละวาดในดินแดนลุ่มน้ำฮวงโหทั้งมวล มิว่าความอำมหิตชั่วร้ายของจิตใจ มิว่าความดุดันทารุณของฝีมือ น้อยคนนักที่จะทัดเทียมกับเพ็กฮวยซังจั้วได้ ฟังว่าเสื้อคลุมทั้ง 2 ตัวของมันใช้โลหิตสดๆ ย้อมขึ้น

เป้าหมายของพวกมันทั้งหมดล้วนอยู่ที่ “สิ่งของ” ใน “ห่อผ้า” จากนอกด่าน

 

จากนั้น จึงเริ่มปรากฏเงาร่างของ ซิงเกี๊ยบ้อเอี้ย (เทพเดินหนไร้เงา) ง้อยี่ซิงแซ จากนั้น จึงปรากฏเงาร่างของศิษย์โง้วตั๊กท้งจื้อ (ทารกเบญจพิษ) แห่งเก็กลักตั่ง (ถ้ำสุดสำราญ)

พร้อมกับการแต่งกายดุจทารก เสื้อผ้ามีสีสันลายพร้อย ดอกดวงเต็มไปทั้งตัว

“ในห่อผ้านั้นเป็นข้าวของใดกันแน่ เหตุไฉนจึงมีคนสนใจต่อมันมากมายเช่นนี้ อาจบางที เมื่อค่ำวานข้าพเจ้าควรแก้ออกดูจึงถูกต้อง”

นั่นคือความสงสัย นั่นคือความต้องการปลดเปลื้องความสงสัย

จุดเริ่มต้นนั้นเองส่งให้ลี้คิมฮวงได้ประสบเข้ากับ “คนชุดเขียว” และกลายเป็นฉากการต่อสู้ในเชิง “บุ๋น” อันยอกย้อนซ่อนปมเงื่อน

เรื่องราวของ “โจรดอกเหมย” จึงกลายเป็น “ปฐมเหตุ” ของทุกเรื่องราว

ไม่ว่าจะเป็น “ลี้คิมฮวง” ไม่ว่าจะเป็น “อาฮุย” ไม่ว่าจะเป็น “เล้งโซ่วฮุ้น” ล้วนวิ่งวนและเดินโดยรอบการไขปริศนาว่าด้วย “โจรดอกเหมย”

โดยมี “ลิ่มเซียนยี้” มาเป็น “องค์ประกอบ” สำคัญ

สำคัญไม่เพียงเพราะว่า 1 นางดำรงอยู่ในสถานะแห่ง “โฉมสะคราญอันดับหนึ่งของแผ่นดิน” หากแต่ 1 นางยังได้เปล่งประกาศว่าหากใครสามารถจัดการกับโจรดอกเหมยได้นางพร้อมจะเข้าพิธีวิวาหมงคลด้วย

คำประกาศนี้ “เร้า” และ “เย้ายวน” ใจยิ่ง

 

คําถามก็คือ ไม่ว่าจะถอดออกมาเป็น “ลิ่ม” หรือว่าเป็น “ลิ้ม” ชื่อของนางก็ร่วมอยู่ในสายตระกูลเดียวกันระหว่าง ลิ่มเซียนยี้ กับ ลิ่มซีอิม

ลิ่มซีอิม เป็นใคร ไม่จำเป็นต้องถาม ลี้คิมฮวง

ความสัมพันธ์อันยอกย้อนในลักษณะ 3 เส้าระหว่าง 1 ลี้คิมฮวง 1 เล้งโซ่วฮุ้น กับ 1 ลิ่มซีอิม เป็นอย่างไรเมื่อ 10 ปีก่อน

โลกรู้ ยุทธจักรรู้

การจัดวางให้ ลิ่มเซียนยี้ กลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับ ลิ่มซีอิม และเข้ามาพำนักอยู่ในคฤหาสน์เมฆเรืองโรจน์จึงสะดุดใจอย่างยิ่งยวด

เนื่องจากคล้ายกรณีเฮียตี๋ของ เล้งโซ่วฮุ้น กับ ลี้คิมฮวง

ยิ่งเมื่อลี้คิมฮวงต้องพิษสาหัสจำเป็นต้องเสาะหาหมอเทวดาแห่งหมู่บ้านงู้เกจึงต้องมาประสบและเกิดสถานการณ์กับ “เล้งเซี่ยวฮุ้น”

ยิ่งทำให้สถานการณ์เพิ่มความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

เมื่อลี้คิมฮวงจำต้องเดินทางเข้าคฤหาสน์เมฆเรืองโรจน์ได้พบกับเล้งโซ่วฮุ้นได้พบกับลิ่มซีอิมท่ามกลางคำถามมากมาย

แต่ละก้าวย่างจึงถูกมองว่าเป็นการถลำลงไปใน “กับดัก” หรือไม่

 

มีคำถามเกิดขึ้นมากมายในท่ามกลางการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะมองจากด้านของลี้คิมฮวง ไม่ว่าจะมองจากด้านของเล้งโซ่วฮุ้น

ยิ่งมองจากด้านของลิ่มเซียนยี้ยิ่งมากด้วย “ปริศนา”

การพบกันหนแรกระหว่างลี้คิมฮวงกับโฉมสะคราญอันดับหนึ่งของแผ่นดิน ลิ่มเซียนยี้ ถือได้ว่าเป็นการจัดฉากอย่างชนิดอลังการงานสร้าง

แม้ลิ่มเซียนยี้จะใช้ “กลยุทธ์” มากหลาย ออกมาเพื่อหวังจะ “สยบ”

กระนั้น เมื่อเริ่มจากรากฐานแห่ง “เซี่ยวลี้ฮวง” ซึ่งมากด้วยประสบการณ์ในวัยหนุ่มจึงยากเป็นอย่างยิ่งที่นางจะทะลวงเข้าไปได้

นี่จึงเป็นจุดแห่งความท้าทายอย่างยิ่งยวด

เหมือนกับว่าเมื่อลี้คิมฮวงหวนกลับบ้านเก่าอันเคยเป็น “คฤหาสน์ตระกูลลี้” แต่ได้กลายมาเป็น “คฤหาสน์เมฆเรืองโรจน์” จะเป็นการเดินเข้าไปสู่ “กับดัก” อันมากหลาย

ทั้งจาก “เล้งโซ่วฮุ้น” ทั้งจาก “ลิ่มเซียนยี้”

กระนั้น ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามบทสรุปดั้งเดิมที่ว่า “หากไม่เข้าถ้ำเสือไฉนจะได้ลูกเสือ” ปุจฉามากหลายที่เกิดขึ้นก็ค่อยๆ คลี่คลาย

นั่นเท่ากับเดินเข้าสู่ “จุดอับ” แล้วเอาชนะ

 

ความรู้สึกหนึ่งของคนที่ติดตามเรื่องราวก็คือ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเล้งโซ่วฮุ้นกับลิ่มเซียนยี้จะสมคบกันเพื่อจัดการกับลี้คิมฮวง

โดยพฤติการณ์ชวนให้คิดได้เช่นนั้น

แต่ในความเป็นจริงระหว่างเล้งโซ่วฮุ้นกับลิ่มเซียนยี้ ด้านหนึ่ง มีการร่วมมือกัน แต่อีกด้านหนึ่ง มีการต่อสู้กัน

ที่เรียกว่าต่อสู้มิได้มาจากเล้งโซ่วฮุ้น หากแต่มาจากลิ่มเซียนยี้

อาจเป็นเพราะลิ่มเซียนยี้ต้องการดำรงอยู่ในสถานะที่สามารถ “กุมการนำ” ได้อย่างแท้จริงจึงมีความจำเป็นต้องผลักดันบางตัวละครเข้ามา

อย่างเช่นการผลักดันตัวละครอย่าง “อาฮุย”

ไม่ว่าจะผลักดันให้เข้าไปมีส่วนในการเบี่ยงเบนสถานการณ์ในตึกเมฆเรืองโรจน์ ไม่ว่าจะผลักดันให้เข้าไปมีส่วนในการฟื้นบทบาทของ “โจรดอกเหมย”

มือของลิ่มเซียนยี้ผลักรุนหลังอาฮุยออกไปด้วยความนุ่มนวล

เป็นความนุ่มนวลที่แม้อาฮุยจะแคลงคลางกังขาในเจตนา แต่ด้วยความผูกพัน 2 ปมจึงมิอาจปัดปฏิเสธได้

1 ผูกพันกับลี้คิมฮวง 1 ผูกพันที่ลิ่มเซียนยี้เคยช่วยชีวิตมัน

 

การทำความเข้าใจต่อรายละเอียดใน “มือกระบี่มากนัก กระบี่ไร้น้ำใจ” จึงมิได้มีเพียงความผูกพันอันแนบแน่นระหว่างลี้คิมฮวงกับอาฮุยเท่านั้น

หากอยู่ที่การคลี่คลายของ “โจรดอกเหมย”

หากอยู่ที่เครือข่ายและการสร้างกระบวนการความสัมพันธ์อันใหญ่กว้างของลิ่มเซียนยี้ตั้งแต่ในหมู่ลูกหลานตระกูลใหญ่ในวงพวกนักเลง กระทั่งไปถึงการดำรงอยู่อย่างสมถะของซิมก่ำไต้ซือแห่งเสียวลิ้ม

คำถามที่ไม่กระจ่างก็คือ เป้าประสงค์อย่างแท้จริงคืออะไร

แม้จะรู้อยู่บ้างเมื่อหัตถ์อสูรเขียว (แชม้อชิ่ว) อยู่ในมือของนาง เมื่อกระบี่ไส้ปลาของตระกูลอิ้วก็อยู่ในมือของนาง

และคัมภีร์ของสำนักเสียวลิ้มยี่ที่หายไปก็อยู่ในมือของนาง

กระนั้น โกวเล้งก็ยังไม่สามารถทำความกระจ่างอย่างเพียงพอว่าเป้าประสงค์อย่างแท้จริงของลิ่มเซียนยี้คืออะไรกันแน่

ต้องการยึดครองความเป็น 1 ในยุทธจักร อย่างนั้นหรือ

 

การทำความเข้าใจต่อลิ่มเซียนยี้จึงต้องทำความเข้าใจต่อการปรากฏขึ้นของโจรดอกเหมยว่าดำรงอยู่ในลักษณาการใด

และสร้างปรากฏการณ์ใดในวงพวกนักเลง

ขณะเดียวกัน ก็ทำความเข้าใจว่าเหตุใดลิ่มเซียนยี้จึงต้องมีคนอย่างคูต๊ก มีคนอย่างอิ้วเล้งเซ็ง หรือแม้กระทั่งคนอย่างอาฮุยข้างกาย

แม้กระทั่งลี้คิมฮวงก็เป็น “เป้าหมาย” สำคัญ