หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๗๔)

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ | ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๗๔)

 

ชีวิตจริงๆ แล้วคือมายากลตัวจริง เพราะอยู่ๆ จากความว่างเปล่า ก็เกิดตัวฉัน ตัวคุณ และคนอื่นๆ คนนั้น คนนี้ ตัวนั้น ตัวนี้ และอยู่ๆ ก็หายไป ทีละคน ทีละตัว นี้คือมายากลสุดยอด แปลกประหลาด และลี้ลับ ยิ่งกว่าเวทมนตร์

ดังนั้น มายากลในโลกนี้คืออะไรกันเล่า

เมื่อเปรียบกับชีวิตแล้ว มันคือความหลอกลวง เป็นของปลอม เพราะมาเจอของจริง เหมือนสุภาษิตจีนที่ว่า พ่อมดเล็กมาเจอพ่อมดใหญ่ มันเทียบชั้นกันไม่ได้เลย

ข้อดีของนักมายากลคือ พวกเขาคือผู้ให้ความบันเทิง เพราะชาวโลกชอบดูมายากล รวมทั้งตัวฉันด้วย มันสนุก ลี้ลับ ชวนให้พิศวง ว่าทำได้ยังไง

ส่วนใหญ่เฉลยออกมาแล้ว พบว่าคือความหลอกลวงอันยิ่งใหญ่ โคตรจะแหกตา

บางกล ก็เกิดจากความสามารถเฉพาะตัว ความว่องไวเหนือธรรมดา การเล่นกับภาพลวงตา เล่นกับจินตนาการของผู้ชม เล่นกับจุดอ่อนของมนุษย์

นักมายากลระดับโลก จึงเป็นศิลปินด้วย

บางคนใช้มือได้ราวกับเวทมนตร์ สวยงามมาก สง่า เร้นลับ ฉันตื่นตะลึงกับการใช้มือของนักมายากลบางคน มองดูพวกเขาคลี่มือ ขยับนิ้ว

แต่สิ่งที่เป็นแก่นของนักมายากล ก็ยังคงเป็นนักหลอกลวงอยู่นั่นเอง

นักมายากลคือผู้สร้างภาพลวงตา

ในขณะที่ชีวิตจริงต่างหาก คือมายากลตัวจริง และกำลังดำเนินอยู่ทุกขณะจิต

 

ฉันอยากเรียงสามสิ่งต่อไปนี้ มาเทียบเคียงกัน

 

ผีมนุษย์ต่างดาว

นักมายากล

ด้วยพบว่า พวกมันมีหลายอย่างที่เหมือนกัน พวกมันอิงอาศัยความไม่รู้ของมนุษย์ ความพิศวงของดวงจิต ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ แต่รวมกันคือความหลอกลวง มนุษย์ชอบความหลอกลวง และหลงอยู่ในความหลอกลวงนั้น จะยอมรับหรือไม่ก็ตาม

หากเราเข้าใจ ว่าชีวิตจริงคือมายากล เราจะเข้าใจผีและมนุษย์ต่างดาว ว่าพวกมันเป็นเพียงพ่อมดเล็ก ด้วยเราต่างหาก คือพ่อมดใหญ่ มนุษย์โลกต่างหาก คือพ่อมดใหญ่

 

ฉันจะยกตัวอย่างคดีผี เช่น

คดีผีบ้านหลังที่หนึ่ง อธิบายได้ด้วยเชื้อราชนิดหนึ่ง

คดีผีบ้านหลังที่สอง อธิบายได้ด้วยไวรัสชนิดหนึ่ง

คดีผีบ้านหลังที่สาม อธิบายได้ด้วยแบคทีเรียชนิดหนึ่ง

คดีผีบ้านหลังที่สี่ อธิบายได้ด้วยกฎทางฟิสิกส์ข้อหนึ่ง

แต่แน่ละ คดีของผีมีมากมาย เป็นร้อยเป็นพันคดี

เช่นเดียวกับมายากล มีบางกลที่เรารู้เบื้องหลังของมัน มีคำตอบ มีคำอธิบาย แต่ก็ยังมีหลายกลที่เราไม่รู้ มันยังคงเย้ายวนใจ ยังท้าทาย

แต่เวลาเอาชีวิตจริงเข้าจับ

ผีเหล่านั้น มักจะสลายตัวไป ค่อยๆ เลือนหายไป เหมือนผีกลัวคน

ผีกลัวสิ่งมีชีวิต ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตกลัวผี

ผีจึงมักซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ในซอกเหลือบ และเม้นหาย ผีไม่สามารถมาเดินเล่นในแสงแดดร้อนจ้า มันหนีฝูงชน หนีแล้วหนีอีก ซ่อนตัวอยู่ในที่รกร้าง เปล่าเปลี่ยวอย่างที่สุด บ้านของผีคือบ้านร้าง

เราเคยได้ยินมามาก ว่าคนกลัวผี แต่ความเป็นจริง คือผีกลัวคน

พ่อมดเล็กกลัวพ่อมดใหญ่

 

มนุษย์ต่างดาวก็เช่นกัน

ไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะอธิบายว่า ทำไมพวกเขาจึงกลัวการเปิดเผย ทำไมต้องซ่อนเร้น ทำไมไม่มาปรากฏตัวชัดๆ จอดยานอวกาศลงหน้าหอประชุมของ UN ในวันที่ชาวโลกกำลังประชุมกันอยู่ หรือตรงไปจอดที่หน้าทำเนียบขาว หรือจอดลงใจกลางนครใหญ่ๆ ในโลก ท่ามกลางฝูงชนนับแสน

ทำไมมนุษย์ต่างดาว ต้องเหมือนผี กลัวแสงแดด กลัวฝูงชน

หรือพวกเขาคือนักมายากล

หรือมองในแง่ดี คือศิลปินชนิดหนึ่ง

 

ฉันไม่ได้บอกว่า ผีไม่มีจริง หรือมนุษย์ต่างดาวไม่มีจริง

เพราะชีวิตนี้เร้นลับเกินเลยกว่านั้น ก็เราคือพ่อมดใหญ่ เราจะไปกลัวอะไรกับพ่อมดเล็ก

มีก็ไม่แปลก

ความเป็นจริงคลุมได้หมด

แต่หากจะเป็นจริง

ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อน รีดตัวเองขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องบีบมิติ จนเหลือน้อยกว่าความจริง

เหตุผลที่คุณคิด เป็นเหตุผลที่มิติของมันถูกบีบ

 

หากมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลก แบบเปิดเผย และชัดเจนตามที่ฉันพูด โลกนี้จะเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ฉันรู้ตัว ทุกอย่างในตัวฉันจะเปลี่ยน และทุกระบบจะต้องปรับตัว

พยายามจินตนาการว่าฉันต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง

แต่ก็นึกไม่ออก ด้วยเพราะมันยังไม่มา ความเป็นจริงตัดสินกันในวินาทีนั้น เหมือนความตาย ฉันรู้ว่าหากมาถึง ก็คือความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หากยังไม่ตาย ก็ยังจินตนาการไม่ออก

มีคนพยายามจินตนาการความตาย มันก็คือการจินตนาการมนุษย์ต่างดาว

หรือจินตนาการผี

และขึ้นกับอายุของตัวฉันด้วย

หากมนุษย์ต่างดาวเปิดตัวในวันที่ฉันอายุ ๒๐ ฉันคงเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ทุกระบบของฉันต้องจัดใหม่หมด เพื่อรับมือกับโลกที่กำลังพลิกเปลี่ยน เพื่อความอยู่รอด

แต่หากมนุษย์ต่างดาวเปิดตัวในวันที่ฉันอายุ ๗๐ ฉันคงปรับเปลี่ยนได้แค่บางส่วน สังขารเป็นเหตุผลที่ชอบธรรมที่สุด ฉันจะพยายามมากเพียงไหน ดิ้นรนอย่างไร แต่เรี่ยวแรงของฉันมีจำกัด เหมือนฉันจมน้ำในวัย ๗๐ ฉันคงว่ายได้ไม่ไกล

แต่หากมนุษย์ต่างดาวเปิดตัวในวันที่ฉันอายุ ๑๐๐ ปี ฉันจะทำอะไรได้หรือ

ฉันคงได้แต่ยิ้มนิดหน่อย

มนุษย์เรามีนับพันล้านหมื่นล้าน และทุกคนแทนที่กันได้หมด

ต่อให้มนุษย์ต่างดาวยึดครองหมด ทุกพื้นที่ในโลกข้างนอก

ภายใน เฒ่าชรา เดินไปกินขนม แล้วนอนหลับ

 

ในคัมภีร์โบราณ บางสำนักเชื่อว่าพุทธะ ท่านคือผู้รู้แจ้งหมด ทั้งในโลกและจักรวาล ตัวฉันไม่เชื่อเช่นนั้น แต่ทว่าในวันนี้ ต่อให้เชื่อ ฉันก็ไม่ต้องการเป็นพุทธะ เพราะฉันรู้สึกการรู้หมด ทั้งโลกและจักรวาล ต้องการความอยากที่มหาศาล ซึ่งตัวฉันไม่มี

หากสมมุติฐานนี้จริง และเกิดขึ้นในวัยเด็ก คำตอบคือ ฉันอยากรู้ แต่ในวันนี้ ฉันไม่อยากรู้ ด้วยพลังของฉันไม่เพียงพอจะไปรู้มันได้แล้ว

ฉันยอมรับว่า พลังของฉันมีแค่ว่า รู้ได้ในบางสิ่งบางอย่าง บางเรื่องบางราวเท่านั้น

 

ชีวิตส่วนใหญ่ของฉันอยู่คนเดียว แต่ฉันก็ไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกนี้จริงๆ

แต่หากฉันต้องอยู่คนเดียวจริงๆ ฉันคงตายในระยะเวลาอันสั้น

เข็มนาฬิกาแห่งความตาย จะเดินอย่างรวดเร็ว ฉันอาจอยู่ได้แค่ไม่กี่วัน หรือไม่กี่เดือน

มันแน่ชัดเหลือเกิน ว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม

ชีวิตโดดเดี่ยว เป็นแค่สภาวะจำเป็น ที่อาจเกิดขึ้นได้ ในวันที่เรือแตก แล้วคุณพบตัวเองอยู่ในเกาะร้าง หรือร่างของคุณต้องเร่ร่อนไปกับแพยาง ล่องลอยอยู่ในมหาสมุทร นานเป็นเดือน หรือเกิดจากสภาวะกวี ที่เคยชวนให้คนหนุ่มสาวบางคนลุ่มหลง หนีไปอยู่คนเดียว ที่ไหนสักแห่ง และผลลัพธ์ของมันคือ การถูกหลอกให้ต้องไปตาย ด้วยความไม่รู้เนื้อรู้ตัว เหมือนคนเสพยาบ้า

 

สมมุติคุณอยู่คนเดียวจริงๆ ถ้าเช่นนั้น ทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่หมด ใครจะมีพลังทำได้ สมมุติว่าคุณเป็นคนหนุ่มที่เก่งมาก สามารถหาอาหารเองได้ทุกวัน แต่เส้นผมและหนวดเคราที่ยาวออกมานั้น คุณจะตัดได้อย่างไร หากไม่มีมีดโกน หรือคุณจะปล่อยให้มันยาวไปเรื่อย จนปกคลุมร่างของคุณ

คุณจะแปรงฟันอย่างไร หากไม่มีแปรงสีฟันและยาสีฟัน หากคุณบอกว่าไม่จำเป็นต้องมี จะใช้กิ่งไม้บางอย่างมาแปรงฟัน ในวัยหนุ่ม อาจพอเอาตัวรอดได้ แต่พอเวลาผ่านไป ฟันเหล่านั้นเวลาผุ หรือมีปัญหาใด คุณจะรักษาฟันได้อย่างไร อาการแบบนี้ คือคุณมีอายุอยู่ได้ไม่นาน ฟันที่ผุนั้น จะนำพาแบคทีเรียจำนวนมหาศาล

แม้แต่ลิง ก็เป็นสัตว์สังคม

ลิงตัวเดียว อยู่อย่างโดดเดี่ยว ฉันไม่เคยเห็น

ชีวิตโดดเดี่ยวเป็นเพียงชีวิตในจินตนาการ