ขึ้นกับ ‘คุณภาพประชาชน’

เมนูข้อมูล | นายดาต้า

 

ขึ้นกับ ‘คุณภาพประชาชน’

 

สมัครรับเลือกตั้งกันไปเรียบร้อย ทั้งผู้สมัครทั้งพรรคต่างได้หมายเลขที่จะเชิญชวนให้ประชาชนกากันไปแล้ว

นับจากนี้การหาเสียงเลือกตั้งจะเข้มข้นขึ้น

เป็นธรรมดาอยู่เองที่ทางหนึ่งโฆษณาคุณความดี และผลงานของตัวเองให้เห็น

และอีกทางหนึ่งเปิดโปงความเลวร้ายของคู่แข่งให้ประชาชนได้รับรู้ เพื่อสร้างความเหนือกว่าเชิงจริยธรรม

ขณะเดียวกัน การทำให้เห็นความทุ่มเทที่จะอำนวยประโยชน์สุขให้กับคนในพื้นที่แบบเหนือกว่าเป็นอีกเกมที่ต้องแข่งขัน

และแน่นอน ประโยชน์ที่หยิบยกขึ้นมาแจกจ่ายนั้นอาจจะเลยเถิดไปถึงเงินทองหรือข้าวของเครื่องใช้ที่ต้องมุบมิบให้กันเพื่อเลี่ยงสายตาและการรับรู้ของผู้รักษากฎหมายเลือกตั้ง ให้ห่างจากข้อกล่าวหาซื้อเสียงเข้าไว้

เป็นนักการเมืองต้องอ่านให้ออกว่าเงื่อนไข และปัจจัยที่ประชาชนใช้ตัดสินว่าเลือกใครคืออะไร เพราะที่สุดแล้วชัยชนะวัดกันตรงนั้น

 

เมื่อเร็วๆ นี้ “บ้านสมเด็จโพลล์” ของสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา สำรวจเกี่ยวกับการเลือกตั้งก่อนการรับสมัคร

ในคำถาม “อยากได้ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขต ที่มีคุณสมบัติแบบใด”

คำตอบคือ ผู้ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ร้อยละ 23.2, ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีประวัติการศึกษาและการทำงานอย่างมากมาย ร้อยละ 22, ผู้ที่มีความเสียสละเพื่อสังคม ทำงานเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 21.1, ผู้ที่อยู่ในพื้นที่และทำงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 20.4 และผู้ที่เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร/ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ ร้อยละ 8

และเมื่อถามว่า “อยากได้ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ ที่มีคุณสมบัติแบบใด”

คำตอบคือ ผู้ที่มีความเสียสละเพื่อสังคม ทำงานเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 31.8, ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีประวัติการศึกษาและการทำงานอย่างมากมาย ร้อยละ 27, ผู้ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ร้อยละ 25.1, ผู้ที่เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ ร้อยละ 10.5, ผู้ที่เป็นลูกหลาน ตระกูลนักการเมือง ร้อยละ 3

อีกคำถามที่น่าสนใจคือ “คิดว่าปัจจัยใดที่ทำให้ตัดสินใจในการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการเลือกตั้งครั้งนี้” คำตอบคือ นโยบายของพรรคการเมือง ร้อยละ 35.3, พรรคการเมือง ร้อยละ 27.3, ตัวผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร้อยละ 17.1, การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 12.4, ไม่แน่ใจ/ยังไม่ตัดสินใจ ร้อยละ 7.9

 

แต่ผลสำรวจก็คือผลสำรวจ นักการเมืองที่เชี่ยวชาญเกม ทั้งรู้กระแสและรู้พื้นที่ย่อมมีวิธีประเมินที่แม่นยำกว่าผลสำรวจใดๆ

มีการประเมินกันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะเรื่องราวพฤติกรรมของนักการเมืองในช่วงที่ผ่านมา เต็มไปด้วยข่าวคราวของความประพฤติเหลวแหลก ไม่อยู่กับร่องกับรอยของการทำหน้าที่ สร้างความเอือมระอาให้กับประชาชนเสียเป็นส่วนใหญ่

ขณะอีกด้านหนึ่ง กลับมีนักการเมืองหลายคนที่แสดงให้เห็นความตั้งใจทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่หวั่นเกรงกับอำนาจที่พร้อมจะคุกคาม

ในสถานการณ์เช่นนี้จะทำให้การตัดสินใจเลือกของประชาชนคำถึงถึง “ความดีความงาม” หรือ “อุดมการณ์ทางการเมือง” มากขึ้น

นั่นหมายถึงมีความเชื่อว่าหลังการเลือกตั้ง คุณภาพของนักการเมืองจะมีมากขึ้น จากการตัดสินใจเลือกอย่างมีคุณภาพของประชาชน

การประเมินนี้น่าสนใจยิ่งว่าผลที่ออกมาจะเป็นไปเช่นนั้นหรือไม่

เพราะเท่าที่ติดตามการหาเสียงของผู้สมัคร กระแสหลักยังเชื่อเรื่อง “จ่ายแจก” คือวิธีการที่จะได้ผลที่สุด

คุณภาพนักการเมืองขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ประชาชนนำมาใช้ตัดสินใจเลือก ชะตากรรมของประเทศขึ้นอยู่กับคุณภาพนักการเมืองที่ได้รับเลือก

14 พฤษภาคมที่จะถึง จะได้รู้กันว่าชะตากรรมประเทศชาติในมือประชาชนจะออกมาอย่างไร