วางบิล เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ / สู่ร่มกาสาวพัสตร์ บุญบวช

วางบิล
เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์

สู่ร่มกาสาวพัสตร์
บุญบวช

นางส้มจีน ธนโชติ โน้มตัวลงรับกราบจากบุตรชายในชุดนาค ใบหน้าของนางปีติสุข น้ำตาแห่งความปลี้มเปรมคลอเบ้า ในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า ปาน จะนุ่งเหลืองห่มเหลืองเป็นพระภิกษุในบวรพุทธศาสนาแล้ว
เมื่อรับกราบเสร็จจึงยกพานวางผ้าไตรจีวรขึ้นจบ วางพาน ยกไตรจีวรขึ้นวางบนท้องแขนของลูกชาย
ปาน ธนโชติ เป็นบุตรคนที่สามในจำนวน 6 คน เป็นบุตรชายคนโตที่ยังไม่ได้บวช ส่วนบุตรชายอีกสองคน คนหนึ่งหลังจากเรียกน้ำตาจากนางด้วยเหตุรีบร้อนมีเมียก่อนให้แม่เห็นผ้าเหลือง เพิ่งบวชไปเมื่อพรรษาที่แล้ว อีกคนเคยบวชหน้าไฟเมื่อคราวเผาศพนายชื่นสามีเมื่อหลายปีก่อน
ความเป็นลูกชายคนแรก นางหวังจะให้ได้บวชเรียนตั้งแต่อายุครบบวช แต่ปานติดเรียนหนังสือ เมื่อสำเร็จจากการเรียนแล้วเข้าทำงานติดต่อกันระหว่างเรียนทำงานควบไปด้วย ครั้นนางถามถึงการบวช ปานบอกผลัดเรื่อยมา จนอายุล่วงเข้า 30 ปียังไม่มีวี่แววว่าจะบวชให้แม่
กระนั้น ปานยังครองความเป็นโสด ไม่ยอมมีครอบครัวให้เป็นหลักเป็นฐานเช่นเขาอื่น

ปานเปรียบเหมือนลูกติดแม่ ทั้งเป็นการพูดเล่นจากเพื่อนที่มักเย้าว่า เป็นลูกติดแม่ – แม่โขง ขณะเดียวกัน ยังติดแม่ส้มจีนด้วย ไม่ว่าเขาจะไปสำมะเลเทเมาที่ไหน ต้องกลับมาหาแม่ที่บ้านพี่สาว เมื่อกลับมาแล้วจะเข้าคลุกคลีราวกับลูกแหง่ อ้อนให้แม่ทำกับข้าวให้กิน แล้วสรรหาเรื่องผู้หญิงคนโน้นคนนี้มาคุยให้ฟังว่าจะพามาเป็นลูกสะใภ้ดีไหม บางครั้งยังถามดื้อๆ ว่ามีแรงเลี้ยงหลานอีกสักคนไหม จะพามาให้เลี้ยง แต่ไม่เคยเป็นจริงสักที
ปานเคยพาผู้หญิงที่สนิทสนมด้วยมาให้แม่ดูหน้าดูตาเพียงสองสามคนเท่านั้นตั้งแต่เป็นหนุ่ม ซึ่งเป็นเพียงครั้งสองครั้งสำหรับรายหนึ่งๆ ทั้งตลอดเวลายังไม่มีเรื่องเกี่ยวข้องกับผู้หญิงมาให้แม่ต้องหนักใจ
จู่ๆ เมื่อต้นเดือนนี้เอง ปานกลับมานอนบ้านพี่สาวหลายคืน และกลับบ้านแต่หัววัน มาถึงไม่ทำอะไร เข้าห้องปิดประตูเงียบ อย่างดีเพียงเข้าครัวกินข้าวคนเดียว นางส้มจีนถามว่าจะกินนั่นกินนี้ไหม ได้รับคำตอบปฏิเสธ ไม่พูดเล่นพูดหัวอย่างเคย
สองวันต่อมา ปานกลับหัวค่ำเช่นเดิม แล้วหมกอยู่แต่ในห้อง ไม่กินข้าว แต่ให้เด็กไปซื้อน้ำแข็งแล้วนั่งดื่มเหล้าในห้องเงียบ
นางส้มจีนจำได้ว่า ลงมาจากห้องนอนตอนตีสองเห็นปานยังดื่มเหล้า บอกให้นอน ดึกแล้ว ก็เฉย

เช้ารุ่งขึ้น หลังใครต่อใครออกจากบ้าน เด็กไปโรงเรียน ปุบปับ ระหว่างดื่มกาแฟ ปานบอกสิ้นเดือนนี้จะบวช ให้พี่สาวติดต่อหลวงน้าที่วัดด้วย ยังไม่ทันที่นางส้มจีนจะถามอะไร ปานยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าตัดสินใจแล้ว แต่คงบวชประมาณ 2 เดือน จะอยู่ถึงเข้าพรรษาคงไม่ได้ ทั้งเพิ่งออกพรรษามาเพียงเดือนเศษ ทั้งต้องหางานใหม่ ด้วยงานเดิมได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปฏิวัติที่เพิ่งผ่านมา
นางส้มจีนไม่ได้คิดไม่ได้ฝันว่าจะได้ยินการตัดสินใจบวชของลูกชายคนนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นางเองเป็นผู้ขอให้ลูกชายบวชจนเกือบไม่ได้พูดถึง
เคยแต่ปานบอกว่าจะบวชให้ก่อนแต่งงาน หรือมีเมีย – ยกบุญบวชให้แม่คนเดียวไง – ปานบอกอย่างนั้น

เมื่อได้รับรู้การตัดสินใจกะทันหัน ถามถึงสาเหตุ ปานไม่ได้บอกอะไรมากกว่านั้น เพียงได้รับคำตอบว่า ไม่ค่อยสบายใจ อยากบวชให้เสร็จๆ นางคิดว่าลูกชายเตรียมแต่งงาน แต่คงไม่ใช่เช่นนั้น เห็นลูกชายขรึมผิดปกติจึงไม่อยากซักไซ้ให้มากเรื่อง เพียงแต่รับปากเรื่องทางวัดให้
นางส้มจีนมองดูลูกชายในชุดนาคนั่งเอี้ยมเฟี้ยมกลางพระอุโบสถ รอพระอุปัชฌาย์ สงบ บริสุทธิ์ ญาติพี่น้องและเพื่อนนั่งรอบข้างต่างพูดคุยเสียงเบาๆ ผสานกับเสียงหึ่งของพัดลมเพดาน
แปลก! ปุบปับก็บวช มีเวลาเตรียมตัวไม่ถึงเดือน หลังจากปานได้พบท่านเจ้าคุณ เจ้าอาวาสเพียง 10 วัน ขอบวช ท่านถามไถ่พอประมาณว่าจะบวชนานเท่าไหร่ ปานบอกว่าประมาณ 2 เดือน ท่านเจ้าอาวาสไม่ได้ว่าอะไร กำหนดวันให้ ดูจะชุลมุนไปบ้าง แต่ไม่ถึงกับฉุกละหุกเสียทีเดียว ญาติพี่น้องก็บอกกล่าวขอขมาอโหสิกรรมทั้งไปด้วยตัวเอง และให้พี่สาวไปบอกให้ บางคนที่สนิทกันก็บอกทางโทรศัพท์
นางส้มจีนคิดแล้วปลื้มใจที่ใครต่อใครพากันมาในงานบุญบวชครั้งนี้ พร้อมหน้าพร้อมตา นั่งร่วมอนุโมทนากันในขณะนี้

พระนั่งอันดับ หรือนั่งหัตถบาสเริ่มทยอยเข้ามาทางประตูด้านหลังพระอุโบสถ ด้านหน้าเป็นหมู่พระพุทธรูปมีพระองค์ใหญ่เป็นองค์ประธาน สักครู่ พระอุปัชฌาย์จึงเข้ามาทางเดียวกัน ท่านนั่งลงตรงกลางข้างหน้าพระประธาน โยมชิต หรือมหาชิต ไวยาวัจกรของวัดมาคอยกำกับพิธี บอกให้ปานเข้าสู่พิธีอุปสมบทตามที่ได้ฝึกซ้อมมา
นาคหยิบผ้าไตรจีวรขึ้นมาพาดบนท้องแขน พนมมือ เดินเข่าเข้าไปตรงหน้าพระอุปัชาฌาย์ วางผ้าไตรข้างซ้าย รับดอกบัว ธูปเทียนแพจากโยมชิตถวายอุปัชฌาย์ กราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ คือจรดหน้าผาก ฝ่ามือทั้งสอง เข่าทั้งสอง ลงบนพื้น 3 ครั้ง นั่งคู้ อุ้มผ้าไตรจีวร ประนมมือ เปล่งวาจาถึงสรณะและขอบรรพชาด้วยคำมคธ เป็นสามเณร
เสียงคำกล่าวขอบรรพชาที่เปล่งออกมาได้ยินกันทั่วถึง มีบางช่วงบางตอนที่สั่นเครือติดขัด แต่มิได้ถึงกับขัดข้องอย่างใด
นางส้มจีน ญาติพี่น้อง กับเพื่อนนั่งพนมมือฟังการขานนาคเงียบ มีแต่เสียงของนาคกับเสียงหึ่งของพัดลมเพดาน และช่างภาพที่เคลื่อนไหวทำหน้าที่กดชัตเตอร์ แฟลตไลต์สว่างวาบในแต่ละช่วงตอนของพิธี

กล่าวคำขอบรรพชาจบแล้ว พระอุปัชฌาย์รับผ้าไตรจีวรจากนาควางตรงหน้า เสียงของพระอุปัชฌาย์ดังขึ้นพึมพำเบาๆ จนไม่ยินว่าอย่างไร มีแต่นาคเท่านั้นที่ตั้งใจฟังถึงความหมายของการบวชในพุทธศาสนา
แล้วเสียงของพระอุปัชฌาย์ดังขึ้นให้นาคขานรับว่า เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ แล้วทวนกลับ ตโจ ทันตา นขา โลมา เกสา นาคจึงโน้มตัวให้พระอุปัชฌาย์ห่มอังสะและรับผ้าไตรจีวรสำรับนั้นเดินเข่าถอยออกมาก่อนลุกขึ้นเดินอ้อมไปด้านหลังพระอุโบสถประธาน มีพระพี่เลี้ยงไปช่วยห่มจีวรให้
ขณะนั้น นางส้มจีนถอนหายใจอย่างมีความสุข สายตาค่อยกระจ่างกว่าเมื่อครู่ นางควานหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา หันมองรอบด้าน ยิ้มให้คนโน้นคนนี้ พยักหน้ารับค่ะๆ กับคำถามที่ไม่สู้ได้ยินนัก ตอบรับเป็นพิธีไปอย่างนั้น เพราะคำถามคงไม่ต้องการคำตอบ
กลับเข้ามา ปานห่มผ้าเหลืองทองอร่ามตาเป็นสามเณร สำรวมเคร่งครัด ขออุปสมบทเป็นภิกษุอีกครั้ง