‘โกวเล้ง’ สูดดม ลมอัน อกาธา คริสตี ผาย ไขคดี หา ‘ฆาตกร’

บทความพิเศษ

 

‘โกวเล้ง’ สูดดม

ลมอัน อกาธา คริสตี ผาย

ไขคดี หา ‘ฆาตกร’

 

เป็นอันว่าลี้คิมฮวงจับมือเป็นพันธมิตรของซิมชิ่วไต้ซือไปโดยอัตโนมัติบนพื้นฐานที่รับรู้ร่วมกันว่า 1 มีการลักลอบขโมยคัมภีร์ และ 1 คนที่ดำเนินการแฝงอยู่ “ภายใน”

เมื่อเป็นเรื่อง “ภายใน” จึงย่อมละเอียดอ่อน

“พวกเราทั้ง 7 ร่วมสำนักกัน 10 กว่าปี ไม่ว่าจะสงสัยผู้ใดล้วนไม่สมควร ดังนั้น พวกเราต้องสะสางเรื่องนี้ด้วยความรอบคอบระมัดระวัง

เพียงแต่ก่อนที่ยี่ซือเฮียจะออกจากวัด เคยลอบบอกต่ออาตมาว่าเขาพบว่าในพวกเราทั้ง 7 มีคนผู้หนึ่งน่าสงสัยอาจจะเป็นคนขโมยคัมภีร์ไป น่าเสียดายที่ยี่ซือเฮียไม่ได้บอกออกมาว่าเป็นผู้ใด

ทั้งนี้ เพราะเขากริ่งเกรงกล่าวหาคนผิด เพียงหวังว่าคนขโมยคัมภีร์เป็นโจรดอกเหมยจริงๆ ไม่ต้องการให้สำนักอาจารย์ได้รับความมัวหมอง

ก่อนออกเดินทางยังบอกต่ออาตมาว่า การไปครั้งนี้หากประสบเหตุเภทภัยใดให้อาตมาเอาบันทึกความจำของเขาออกมาอ่านดู เขาได้เขียนชื่อของบุคคลที่ต้องสงสัยอยู่ในบันทึกหน้าสุดท้าย”

“ตอนนี้บันทึกความจำเล่มนั้นอยู่ที่ใด” เป็นคำถามจากลี้ชิ้มฮัว

 

เมื่อซิมชิ่วไต้ซือตอบออกมาว่า “ความจริงเก็บรวมอยู่กับคัมภีร์ที่ซุกซ่อนไว้ แต่ตอนนี้อยู่ที่อาตมา”

เหมือนกับจะสร้างความ “โล่ง” ให้กับลี้ชิ้มฮัว

ซิมชิ่วไต้ซือล้วงสมุดแพรสีเหลืองอ่อนออกมาเล่มหนึ่ง ลี้ชิ้มฮัวรีบรับมาพลิกถึงหน้าสุดท้าย พบว่า บันทึกแต่หลักธรรมคำสอนของสถาบันสงฆ์ หาได้เอ่ยถึงเรื่องคัมภีร์ที่ถูกขโมยไปไม่

คำไขมาจากซิมชิ่วไต้ซือ “มีเพียงหน้าสุดท้ายถูกฉีกทิ้งไป แม้แต่คัมภีร์ที่เก็บซ่อนไว้ก็กลายเป็นกระดาษขาวว่างเปล่า”

“เช่นนี้เป็นว่าคนที่ขโมยคัมภีร์คงพบว่าซิมไบ๊ไต้ซือเพ่งเล็งสงสัยมัน”

“แต่ผู้ที่ล่วงรู้ที่ซ่อนคัมภีร์ของซิมไบ๊ไต้ซือมีแต่ท่านกับเจ้าอาวาส” นี่เป็นคำถามและความสงสัย

“หรือท่านเข้าใจว่าเป็นท่านเจ้าอาวาส” นี่คือ “มหาปุจฉา”

“นั่นกลับไม่แน่นัก ทั้งนี้ เพราะคนผู้นั้นเมื่อพบว่ายี่ซือเฮียเริ่มเพ่งเล็งสงสัยย่อมต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของยี่ซือเฮียเป็นพิเศษ อาจบางทีเพราะเหตุนี้ทำให้พบเห็นที่ซ่อนคัมภีร์ของยี่ซือเฮีย

เพียงแต่ตอนที่ยี่ซือเฮียกลับมายังไม่มรณภาพ ความจริงไม่ถึงกับมรณภาพ”

ไม่ว่าจะเป็นความสงสัยของ 1 ซิมชิ่วไต้ซือ ไม่ว่าจะเป็นความสงสัยของ 1 ลี้ชิ้มฮัว จึงพุ่งไปยังคนสุดท้ายซึ่งอยู่กับร่างของซิมไบ๊ไต้ซือ

การถาม การตอบระหว่าง 1 ซิมชิ่วไต้ซือ กับ 1 ลี้คิมฮวง จึงสำคัญ

 

ซิมชิ่วไต้ซือกำหมัดกัดฟันแนบแน่น “ข้าพเจ้ามาตรแม้นมิได้ศึกษาค้นคว้าการใช้พิษลึกซึ้งนัก แต่ระหว่างนี้กลับเคยพลิกดูตำราที่ว่าถึงเรื่องพิษอยู่บ้าง ข้าพเจ้าดูออกว่าท่านแม้ถูกพิษจนอาการสาหัส แต่มิใช่ไม่มีทางช่วยเหลือเด็ดขาด

และในช่วงเวลานั้นยี่ซือเฮียยังไม่ต้องถึงแก่ชีวิตด้วย

ในเมื่อคนขโมยคัมภีร์ทราบว่า ความลับของมันถูกยี่ซือเฮียค้นพบมันย่อมต้องฆ่ายี่ซือเฮียปิดปากอย่างแน่นอน”

“หลังจากซิมไบ๊ไต้ซือกลับมาผู้เข้ามาในห้องนี้มีกี่คน” เป็นคำถามจากลี้คิมฮวง

คำตอบจากซิมชิ่วไต้ซือ คือ 1 เป็นตั้วซือเฮีย เจ้าอาวาส 1 เป็นซี่ซือเฮีย 1 เป็นลักซือตี๋ กับ 1 ชิกซือตี๋ ต่างเคยเข้ามา

“ความหมายของท่านมีว่า พวกนั้นต่างอาจลงมือกันได้ทุกคน” นี่ย่อมเป็นโจทย์

“นี่นับเป็นคราวเคราะห์ของสำนัก ข้าพเจ้าความจริงไม่ปรารถนาบอกกับท่าน แต่บัดนี้ข้าพเจ้าพบเห็น ท่านมิใช่เป็นคนขายมิตรสหายเด็ดขาด ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงหวังให้ท่านหาฆาตกรผู้นั้น”

พลันที่ลี้คิมฮวงถามขึ้น “หากฆาตกรเป็นซิมโอ้วเล่า”

ซิมชิ่วไต้ซือตะลึงลานในทันที ครู่ใหญ่ให้หลังเหงื่อซึมออกมาจนชุ่มโชกเต็มหน้า นี่ย่อมเป็นโจทย์

เป็นโจทย์ที่มีแต่ลี้คิมฮวงเท่านั้นจะสามารถไขได้

 

ข้าพเจ้าแม้ยังไม่ทราบว่าฆาตกรเป็นผู้ใด แต่กลับมีคนทราบ นอกจากตัวฆาตกรจะทราบแล้วยังมีอีกผู้หนึ่งทราบ

และผู้นั้นก็อยู่ในห้องนี้เอง คนที่ตายแล้ว บางครั้งก็รู้จักกล่าววาจา

ท่านเคยเห็นคนที่ถูกพิษ “เก็กลักท้งจื้อ” ปลดชีวิตหรือไม่ เมื่อท่านไม่เคยก็นับว่าโชคของท่านยังไม่เลว

ความจริงมีว่า คนที่ถูกพิษ “เก็กลักท้งจื้อ” ปลิดชีวิต ไม่น่าดูอย่างยิ่งจริงๆ

เมื่อหลายปีก่อนนั้นข้าพเจ้าเคยเห็นคนถูกพิษของมันปลิดชีวิตไปผู้หนึ่ง คนผู้นั้นถูกพิษเพียงชั่วครู่ตลอดร่างก็ดำสนิท ข้าพเจ้าออกไปวิ่งหารอบเดียวย้อนกลับมาดูอีกครั้งเนื้อของซากศพคนผู้นั้นต่างสาบสูญสิ้น

กลายเป็นโครงกระดูก โครงกระดูกสีดำมะเมื่อม

ตอนนี้ซิมไบ๊ไต้ซือถูกพิษเป็นเวลาหลายวันแล้ว แต่กลับไม่มีการเปลี่ยนแปรที่น่าสะพรึงกลัวเยี่ยงนั้น ท่านทราบเป็นเพราะสาเหตุใดหรือไม่

เนื่องเพราะท่านยังถูกพิษที่ร้ายกาจอย่างยิ่งอีกชนิดหนึ่ง

ซิมไบ๊ไต้ซือแม้ถูกพิษโง้วตั๊กจุ้ยเจียของเก็กลักท้งจื้อ แต่พิษที่ถูกยังไม่มากเท่าใด กอปรกับท่านใช้กำลังภายในต่อต้านไว้ ดังนั้น จวบจนกลับมาพิษยังมิได้กำเริบรุนแรง

ฆาตกรผู้นั้นเพราะกลัวท่านจะบอกความลับออกมา

ปรารถนาให้ท่านตายเสียโดยเร็ว กลัวว่าพิษที่ท่านถูกยังสาหัสไม่เพียงพอจึงให้ท่านกลืนกินยาพิษร้ายกาจอีกชนิดหนึ่งลงไป

เนื่องเพราะมิว่าใช้วิธีใดไปฆ่าคนต่างยากจะไม่ทิ้งร่องรอยให้สืบสาว

ในเมื่อคนทั้งปวงทราบว่าซิมไบ๊ไต้ซือถูกพิษมันก็มีแต่วิธีซ้ำด้วยยาพิษ จึงพอจะหลุดรอดจากความสงสัยของผู้อื่นได้ พฤติการณ์ของคนผู้นี้แม้รอบคอบสุขุม แต่เสียดายที่ลืมความสำคัญไปเรื่องหนึ่ง

มันลืมว่าธาตุของพิษจะต้องข่มกันเสมอไป

เนื่องเพราะพิษที่มันใช้ทั้งหนักหน่วงทั้งรุนแรงจึงสยบพิษโง้วตั๊กจุ้ยเจียเอาไว้ ดังนั้น คราบสังขารของซิมไบ๊ไต้ซือจวบจนบัดนี้ยังมิได้แปรเปลี่ยนเป็นน่าสะพรึงกลัวเยี่ยงนั้น

คำถามก็คือ “หลังจากซิมไบ๊ไต้ซือกลับมาแล้วเคยดื่มกินยาใดหรือไม่”

คำถามก็คือ “เป็นผู้ใดป้อนให้ท่านดื่ม”

 

รายละเอียดจากปากของซิมชิ่วไต้ซือที่ว่า “เป็นยาของชิกซือตี๋ แต่ที่ป้อนให้ท่านดื่มกลับเป็นซิมเจ๊กซี่ซือเฮีย กับซิมเต็งลักซือตี๋”

ถอนใจยาวแล้วจึงกล่าว “ดังนั้น ทั้ง 3 คนต่างมีโอกาสใช้พิษ”

ความหมายจึงเท่ากับว่า 1 ซิมโอ้วไต้ซือ เจ้าอาวาสรอดปลอดพ้น และ 1 ซิมชิ่วไต้ซือ รอดปลอดพ้น

จึงถึงเวลาที่ลี้คิมฮวงจะสำแดงความรอบรู้ในเรื่อง “พิษ”

“ยาพิษในโลกนี้พอจะแบ่งเป็น 2 ประเภท กล่าวคือ ประเภทหนึ่ง แม้ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นรส แต่กลับสามารถบันดาลให้คนที่ถูกพิษตายมีสภาพน่าสยดสยอง ให้ผู้เพียงเห็นก็น่าหวาดหวั่นขวัญเสีย เนื่องเพราะพิษประเภทนั้นไม่เพียงปลิดชีวิตคน ยังจะมีความหมายแสดงอำนาจข่มขวัญผู้คนอีก

โง้วตั๊กจุ้ยเจียของโง้วตั๊กท้งจื้อ ย่อมเป็นยาพิษประเภทนี้

ยาพิษประเภทที่สอง อาจบางทีมิใช่ไร้สีไร้กลิ่นรส แต่สามารถบันดาลให้ผู้ถูกพิษตายแล้วไม่มีสภาพผิดปกติใดๆ กระทั่งยังสามารถทำให้ผู้คนตรวจมิออกว่ามันถูกพิษตายไป

เนื่องเพราะพิษทั้ง 2 ประเภทมีธาตุผิดแปลกกัน

ดังนั้น จึงข่มกันอยู่ในตัว พิษประเภทแรกแม้น่าสะพรึงกลัว พิษประเภทสองยิ่งชั่วร้ายเลือดเย็น ชนชาวนักเลงที่ใช้พิษประเภทนี้มีไม่มากเลย”

คำถามก็คือ ศิษย์เสียวลิ้มยี่ที่ชำนาญการใช้พิษมีอยู่มากน้อยเท่าใด

 

ไม่ว่าบทสรุปของลี้คิมฮวงที่ว่า “คนที่ตายแล้ว บางครั้งก็รู้จักกล่าววาจา” ไม่ว่าการจำแนกแยกแยะรายละเอียดของพิษออกมาอย่างแยบยล

เป็นการเด็ดและต่อยอดจาก อกาธา คริสตี แห่งอังกฤษ

หากสรุปตามสำนวนของ “โกวเล้ง” ก็ต้องระบุว่า เป็นการดอมดมเก็บรับ “ลม” อันผายออกมาจาก “ต่างประเทศ”

สอดสวมเข้าปากของลี้คิมฮวงได้อย่างเหมาะเจาะ

ปมเงื่อนเมื่อกลั่นกรองจาก 7 คนแห่งสำนักเสียวลิ้มยี่ออกมาเหลือเพียง 3 คนที่มีส่วนสัมพันธ์กับการปรุงและป้อนยาให้กับซิมไบ๊ไต้ซือ

จึงเป็นคำถามไปยังใครที่เชี่ยวชาญเรื่องพิษ

บนสมมุติฐานที่ว่า “เสียวลิ้มยี่เป็นผู้นำชนชาวนักเลง เป็นสำนักใหญ่มีคุณธรรมของบู๊ลิ้ม ศิษย์เสียวลิ้มยี่ก็ถือความนี้เป็นเกียรติ ภาคภูมิใจ ต้องไม่มีผู้ใดยินยอมไปฝึกวิชาใช้พิษอันต่ำช้าสามานย์”

เพราะ “ใน 72 สุดยอดวิชาของเสียวลิ้มยี่ไม่มีคำว่า ‘พิษ’ ปะปนด้วย”

ขณะที่ “ซี่ซือเฮียปลงผมสู่ร่มกาสาวพัสตร์ตั้งแต่ 9 ขวบ ลักซือตี๋ยิ่งถูกส่งมาอยู่ในอาณาจักรสงฆ์ตั้งแต่ยังแบเบาะ ชั่วชีวิตของ 2 ท่านน่ากลัวยังไม่เคยพบเห็นยาพิษมาเลย”

“เช่นนี้เป็นว่าผู้ใช้พิษคือใคร”

ควรสังเกตด้วยว่าคำถามนี้ของลี้คิมฮวงมาพร้อมกับรอยยิ้มและด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบด้วยความสงบ

สำคัญยิ่งกว่านั้นมันจะใช้ “กลยุทธ์” ใดในการจับ “ฆาตกร”