ชุดนักเรียน กับเซ็กช่วลแฟนตาซี

คำ ผกา

คำ ผกา

 

ชุดนักเรียน

กับเซ็กช่วลแฟนตาซี

 

“ใส่ชุดนักเรียนไทยแล้ว มันทำให้รู้สึกบริสุทธิ์ผุดผ่อง รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นสาวอีกครั้ง”

https://www.bbc.com/thai/articles/cxx7xx41nzro

 

จากกระแสซีรีส์วายของไทยที่ไปโด่งดังในต่างประเทศโดยเฉพาะจีน ทำให้ชุดนักเรียนไทยกลายเป็นสิ่งอะเมซิ่ง

ผู้คนบนโลกใบนี้ที่ไม่เคยเห็น “ชุดนักเรียน” แบบเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้มาก่อนรู้ว่ามัน “น่ารัก” และเมื่อมาเที่ยวเมืองไทยก็เลยพากันไปซื้อชุดนักเรียนมาใส่ถ่ายรูปจนกลายเป็นเทรนด์ฮิต

ก่อนที่จะพูดถึงชุดนักเรียนไทย เรามาทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า ประเทศส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ไม่มี “ชุดนักเรียน” ในโรงเรียนรัฐบาล

ชุดนักเรียนญี่ปุ่นที่คนไทยรู้จัก เป็นชุดนักเรียนของโรงเรียนเอกชน ที่แต่ละโรงเรียนก็ออกแบบชุดนักเรียนของตนเอง

และชุดนักเรียนญี่ปุ่นที่ยังตกค้างมาจนถึงปัจจุบันในโรงเรียนเอกชนมีกลิ่นอายของ “เครื่องแบบ” ยุคสงครามโลกและถูกปกครองด้วยอุดมการณ์ทหารนิยม

และภายหลังลักษณะเครื่องแบบ “ทหาร” ในชุดนักเรียนบนเรือนร่างของเด็กหญิงถูกแปรความหมายกลายเป็นลักษณะความใคร่ในเด็กสาว

หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “โลลิคอน” มาจากคำว่า โลลิต้าคอมเพล็กซ์ และความหมายของชุดนักเรียนหญิงญี่ปุ่นจึงเคลื่อนตัวไปสู่การเป็นวัตถุแห่งความปรารถนาทางเพศของบรรดาลุงแก่ๆ

หรืออย่างเบาก็ถือว่าเป็นหนึ่งใน uniform fetish เช่น ผู้ชายมีความใคร่ในเด็กสาววัยมัธยมที่แต่งเครื่องแบบนักเรียน แต่ไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ในชีวิตจริงเพราะผิดทั้งกฎหมายและศีลธรรม

จึงระบายความปรารถนานั้นด้วยการดูหนังโป๊ที่นักแสดงใส่เครื่องแบบนักเรียนหญิง

หรือซื้อเครื่องแบบนักเรียนหญิงไปให้คู่นอนของตัวเองใส่ให้ดูเพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ

กลับมาที่เครื่องแบบนักเรียนไทย สิ่งที่แตกต่างจากญี่ปุ่นคือ เครื่องแบบนักเรียนไทยไม่ได้จำกัดแค่โรงเรียนเอกชนเหมือนญี่ปุ่น

แต่เราเป็นประเทศที่บังคับนักเรียนใส่เครื่องแบบนักเรียนเหมือนกันทั่วประเทศ โดยเฉพาะโรงเรียนรัฐบาล

โรงเรียนเอกชนต่างหากที่สามารถออกแบบชุดนักเรียนให้แตกต่างได้ หรือโรงเรียนอินเตอร์ที่ไม่มีเครื่องแบบ

มากไปกว่านั้น เครื่องแบบนักเรียนไทยเหมือนญี่ปุ่นตรงที่เป็นดีไซน์ของยุค “ทหารนิยม” เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง คล้ายๆ ญี่ปุ่น เครื่องแบบนักเรียนไทยจึงอยู่บนดีไซน์ที่เป็นเครื่องแบบของทหารมากกว่ายูนิฟอร์มของ “พลเรือน”

เครื่องแบบหรือยูนิฟอร์มที่มีความเป็นพลเรือนมากเป็นยังไง เช่น ของเวียดนาม ที่เป็นชุดอ๋าวหญ่าย หรือลาวที่นุ่งผ้าถุงแบบเกิร์ตไปเลย

หรือในประเทศตะวันตกจะเป็นสูท กางเกางขายาวสำหรับผู้ชาย ส่วนผู้หญิงก็เป็นสูทกระโปรง

ที่สำคัญถ้าเป็นยูนิฟอร์มที่ฝักไฝ่ในลัทธิพลเรือน จะไม่มีการบังคับเรื่องทรงผมที่ต้องสั้นเป็นลานบิน หรือผมติ่งหู เพราะระเบียบทรงผม “เกรียน” เคร่งครัดสะท้อนการฝักใฝ่ในลัทธิทหารนิยม

พูดสั้นๆ ดีไซน์ของชุดนักเรียนไทยยังเป็นมรดกของความฝักใฝ่ในลัทธิทหารนิยมอย่างเข้มข้น และเราน่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ยังเก็บเครื่องแบบนักเรียนที่สะท้อนความฝักใฝ่ในลัทธิทหารนิยมนี้เอาไว้อย่างชนิดที่มองจากสายตา “คนนอก” แล้ว เป็นสิ่งที่ค่อนข้างแปลก

แปลกแบบที่เราเห็นเกาหลีเหนือแล้วเรารู้สึกแปลกนั่นแหละ

 

ทีนี้เรื่องชุดนักเรียนมันมีสองประเด็นที่ทับซ้อนกัน

ประเด็นแรก ในสังคมไทยมีกระแสเรียกร้องให้ยกเลิกการบังคับใส่เครื่องแบบนักเรียนมาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา

ทั้งด้วยเหตุผลที่มันสะท้อนลักษณะเผด็จการ อำนาจนิยม ทหารนิยม

ทั้งเรื่องความไม่สะดวก ไม่สอดคล้องกับกิจกรรมของเด็กนักเรียน ทั้งเรื่องความสิ้นเปลือง

ทั้งเรื่องการละเมิดสทธิเหนือร่างกายของนักเรียนผ่านการบังคับเรื่องทรงผม

และการต่อสู้นี้ยังชักเย่อกันระหว่างฝ่ายก้าวหน้ากับฝ่ายไดโนเสาร์อนุรักษนิยม

หรือตัวฉันเองอยากจะให้มาเจอกันครึ่งทางด้วยการยกเอาความทหารนิยมออกจากเครื่องแบบนักเรียนด้วยการที่ หนึ่ง ยกเลิกกฎทรงผม

สอง เปลี่ยนดีไซน์ของเครื่องแบบให้โน้มเอียงมาทางเครื่องแบบพลเรือนมากกว่าเครื่องแบบทหาร เช่น สีกากี คอซองทหารเรือ รองเท้า ถุงเท้า ที่ดูไม่เป็น พลเรือน แต่เป็นทหารชั้นผู้น้อยในกองทัพ

และพอมันมีกลิ่นอาย “ทหาร” เมื่อเป็นเครื่องแบบของนักเรียนหญิงมันจึงรับใช้สิ่งที่เรียกว่า male gaze สูงมาก และเพราะมันเป็นนัยของ male gaze (สนองการมองด้วยสายตาของผู้ชายที่มองผู้หญิง)

จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ชุดนักเรียนหญิงจึงตอบสนองต่อโลลิคอน หรือความใคร่ในเด็กหญิง เหมือนกับที่เกิดกับชุดนักเรียนหญิงญี่ปุ่น

น่าสนใจยิ่งกว่านั้นผู้หญิงนักท่องเที่ยวจีนก็ใส่ชุดนักเรียนหญิงไทยด้วยความปรารถนาที่อยากจะเป็นโลลิตา ตามที่ให้สัมภาษณ์ว่าแม้ตัวจริงจะอายุ 36 แต่ชุดนักเรียนหญิงไทยทำให้เธอรู้สึกได้กลับเป็น “เยาว์วัย” เป็นเด็กสาวที่แปลว่า ไร้เดียงสา

 

สําหรับฉันสิ่งนี้น่ากระอักกระอ่วน แต่คนไทยจำนวนไม่น้อยกลับเห็นว่า

“ว้าว ดูสิ น่าดีใจมากๆ เลยนะ ชุดนักเรียนของเราน่ารัก ใครๆ ก็อยากใส่”

หรือ “ขนาดคนต่างชาติยังอยากใส่ชุดนักรียนไทย ทำไมเด็กไทยอยากยกเลิก”

ฉันคิดว่าเราต้องแยกสองเรื่องนี้ออกจากกัน

การที่ชุดนักเรียนไทย ที่ถูกทำให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกผ่านซีรีส์วาย มันได้กลายเป็น pop culture และเหตุผลที่มันกลายเป็น pop culture เพราะมันบรรจุไว้ซึ่งมรดกของลัทธิทหารนิยม อำนาจนิยม อันเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของสิ่งที่จะกลายเป็น fetish ได้

ไม่ว่าจะเป็น fetish แบบไปอยู่ในหนังโป๊เลย

หรือเป็น soft porn แบบที่ผู้หญิงจำนวนหนึ่งเคลื่อนย้ายสิ่งนี้มาเป็นคอสเพลย์ยั่วล่อกับความกำกวมระหว่างการนำเรือนร่างของตัวเองมาเป็นวัตถุทางเพศด้วยเจตจำนงของตัวเองแทนที่จะจะอยู่ใต้บงการของ male gaze ล้วนๆ อย่างที่เคยเป็น

เช่น กรณีของนักท่องเที่ยวจีนที่มาใส่ชุดนักเรียนไทยถ่ายรูป

และน่าสนใจว่า ในขณะที่ชุดนักเรียนหญิงถูก project ออกมาใน pop culture ที่เป็นภาพตัวแทนของความ “น่ารัก ไร้เดียงสา” ชุดนักเรียนชายของไทยถูก project ออกมาในลักษณะเดียวกันหรือไม่?

แต่ที่เราต้องตระหนักและรู้เท่าทันคือคำว่า “น่ารัก ไร้เดียงสา” ไม่ใช่คำชม

เพราะสิ่งใดที่น่ารัก สิ่งใดที่ไร้เดียงสา มันแปลว่าสิ่งนั้นไร้ซึ่งอำนาจและง่ายต่อการถูกควบคุม ครอบงำ ซึ่งสะท้อนทั้งลักษณะอำนาจนิยมและชายเป็นใหญ่ด้วยตัวของมันเอง

แล้วเราจะไปต่อกันอย่างไรในเรื่องเครื่องแบบหรือชุดนักเรียน?

 

การที่ชุดนักเรียนไทยที่เป็นอยู่ถูกนำไปใช้ในฐานะคอสเพลย์ ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องไปควบคุม หรือไปออกกฎหมายห้าม

เพราะเมื่อมันกลายเป็นคอสเพลย์ มันก็คือคอสเพลย์ เหมือนชุดยูนิฟอร์มอื่นๆ บนโลกใบนี้ที่กลายเป็นเพียง “พร็อบ” เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของคนที่นำไปใช้

ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ได้ใช้เพื่อปลอมตัวมาเป็นนักเรียน ปลอมตัวมาสอบ ปลอมตัวมานั่งเรียนหนังสือจริงๆ มันก็เป็น “ชุด” เพื่อทำการแสดง เหมือนเราแต่งชุดเกอิชาเดินถ่ายรูปที่กิอองเป็นที่ระลึก ฉันใดก็ฉันนั้น

แต่สิ่งที่สังคมไทยต้องทบทวนเรื่องชุดนักเรียนคือ การที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมแต่งชุดนักเรียนไทย ไม่ได้แปลว่าเราต้องภูมิใจในชุดนักเรียนของเรา และเห็นว่าเราไม่มีความจำเป็นต้องยกเลิกชุดนักเรียน

ฉันเห็นว่าชุดนักเรียนที่มีดีไซน์แบบทหารนิยมของไทยควรถูกเปลี่ยนให้เป็นชุดนักเรียนที่เน้นความเป็นพลเรือนมากขึ้น

เช่น ยกเลิกระเบียบทรงผมที่เหมือนทหาร

ชุดนักเรียนควรถูกรีดีไซน์ให้สอดคล้องกับกิจกรรมในชีวิตประจำวันของเด็กนักเรียน

เสื้อสีขาวที่เปื้อนง่าย ดูแลยาก ควรถูกปรับให้เป็นเสื้อยืด สีเข้ม ดูแลง่าย ซักง่าย ไม่ต้องรีด จากกระโปรง ควรเป็นกางเกงเพื่อเดินเหินได้คล่องแคล่ว และควรเป็นดีไซน์ที่ส่งเสริมบุคลิกภาพของเด็กนักเรียนในฐานะมนุษย์ ไม่ใช่ตุ๊กตาน่ารัก ไร้เดียงสาและไร้อำนาจ

ส่วนชุดนักเรียนยุคทหารนิยมและวัฒนธรรมตกค้างจากอาณานิคมนั้นก็ให้มันเหลืออยู่ในฐานะของ “แฟนตาซี” เป็น Fetish ของชาวโลก ที่ในอนาคตเราอาจจะแค่หันมาดูแล้วบอกว่า

“เออ ในยุคที่เรายังไม่เจริญ เรามีเครื่องแบบนักเรียนแบบนี้นะ”