E-DUANG  : กรณี ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้อง “ตามไปดู”

หาก “ข่าวลือ” ที่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อาจต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นจริง

สะท้อนว่า “การเมือง” ได้มาถึง “จุดตัด” ใหม่

จุดตัดใหม่อันไม่เพียงแต่ยืนยันพลัง”กดดัน”จากปัจจัยภายนอก “คสช.” มีความสำคัญ

หากแต่ยืนยันการรู้จัก “ถอย”

ไม่เพียงแต่คสช.โดยองค์รวมจะตระหนักในกระบวนการถอย หากตัว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เองหากสุกงอมพร้อมจะถอยก็เท่ากับว่าไม่ธรรมดา

กระนั้น หาก “ข่าวลือ” นี้เสมอเป็นเพียงการปล่อยออกมาเพื่อกดดันแต่คสช.และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ปฏิบัติตาม

ก็เท่ากับยืนยันในความแกร่งของ “คสช.”

 

ต้องยอมรับว่าการปรับครม.นับแต่การยื่นใบลาออกจากตำแหน่งของ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล มีความสำคัญ

พลันที่ “คสช.” ตัดสินใจ “ปรับใหญ่”

เพราะเมื่อ”ปรับใหญ่”ย่อมจะมีรัฐมนตรีจำนวนมากได้รับผล สะเทือน เนื่องจากถูกปรับออก

ปรับออกเพื่อจัดแถว จัดระเบียบใหม่

สภาพที่ตามมาโดยอัตโนมัติ คือ กระแสกดดันทั้งภายในคสช.ด้วยกันเองและจาก “ภายนอก”

เดิมเป้าอยู่ที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ

แต่ต่อมาเป้าขยายไปยัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

เมื่อเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ย่อมไม่ธรรมดา

 

คำว่าไม่ธรรมดาในที่นี้เมื่อมองผ่านตัว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เองก็ย่อมประจักษ์ในสถานะทางการเมือง การทหาร

เพราะเป็น”พี่ใหญ่”ของ”บูรพาพยัคฆ์”

การพยายามโยกคลอนแม้เพียงไม่ยอมให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้คุมกระทรวงกลาโหม ก็ถือว่าเป็นการลองของอย่างใหญ่หลวงอย่างยิ่ง

หากสามารถประสบผลสำเร็จ แซะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกไปได้ เท่ากับยืนยัน”พลัง”ที่กดดัน”คสช.”มาต้องเป็นพลังที่คสช.มิอาจปฏิเสธได้

ชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงทรงความหมาย