ศึกเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 | จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

“ลึกแต่ไม่ลับ” ฉบับที่แล้ว ค้างท่อไว้ด้วย “ขุมกำลัง” ของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรครวมไทยสร้างชาติ

กับ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่จะส่งชื่อเข้าชิงในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ควบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ว่าใครมีอิทธิฤทธิ์เหนือกว่า กุมสัดส่วน “วุฒิสมาชิก” หรือ “ส.ว.” คนละประมาณเท่าไหร่

ตามบทเฉพาะกาล “ส.ว.ชุดปัจจุบัน” จำนวน 250 คน มีอำนาจ “พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีได้” หลังศึกเลือกตั้งใหญ่ในเดือนพฤษภาคม 2566 จะเป็น “ภารกิจสุดท้าย”

เพราะจะครบเทอม 5 ปีเต็มตามไฟต์บังคับรัฐธรรมนูญ 2560 ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เมื่อนับจากวันโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562

“ส.ว.” ชุดนี้ หัสเดิมมีความเป็นเอกภาพสูงยิ่ง ช่วงที่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งแรก เทคะแนนเสียงให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” แบบถล่มทลาย 244 เสียง จากที่มีอยู่ 245 คน

ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ทุกยุทธภพ ต้องมีบุญคุญ ความแค้น เมื่อมีบุญคุณก็ต้องชดใช้ตอบแทน ” 250 ส.ว.” ใครๆ ก็รู้ว่าไม่ได้ออกมาจากกระบอกไม้ไผ่ หรือหล่นมาจาก “ดาวอังคาร”

ก็รู้กันอยู่ว่า เข้าเสพสุขตรงจุดนี้ได้ ฝีมือประติมากรรมของ “พี่น้อง 2 ป.” ที่ชื่อ “ประยุทธ์” กับ “ประวิตร” ทั้งแท่ง ดังนั้น จึงไม่แปลกแต่อันใด ที่ผ่านมา “ส.ว.” ชุดนี้ อุ้มและปกป้อง “พี่น้อง 2 ป.” ราวกับ “เทพ”

แต่บังเอิญว่า ยุทธจักรการเมือง ตั้องคำสาป โดนความทะเยอทะยานหลอกใช้ ไม่มีมิตรถาวร รักกันมากแค่ไหนก็มี “วันจบ”

สายสัมพันธ์ระหว่าง “น้องตู่” กับ “พี่ป้อม” ที่ดำเนินตามกฎอนิจจังแห่งความไม่เที่ยงดังกล่าว ส่งผลให้ “วุฒิสมาชิก” ที่เคยมีพลังเต็มถัง ล้นกะละมัง จึงไม่เยอะแยะมากมายดุจเดิม ต้อง “หารสอง” วัดครึ่งกรรมการครึ่ง

ชั่ง ตวง วัดตามหน้าเสื่อ ดังที่บอกกล่าวไปเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ขั้วที่ขึ้นตรงกับ “ประยุทธ์” น่าจะมีสัดส่วนเหนือกว่าฝั่ง “ประวิตร” ระดับ 3 ต่อ 2 ผันออกมาเป็นตัวเลขกลมๆ ระหว่าง 120-150 กับ 100-120 เสียง โดยประมาณ

 

ศึกเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 มีความแตกต่างจากปี 2562 ไม่เพียงแต่มีการปรับสัดส่วน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง กับแบบบัญชีรายชื่อ จากเดิม 150-350 เป็น 100-400 หรือจากบัตรใบเดียวเป็นสองใบ

“พี่น้อง 2 ป.” ระหว่าง “พี่ป้อม” กับ “น้องตู่” ประกาศแยกกันเดิน สู่ที่หมายเดียวกันคือ “นายกรัฐมนตรี” เกรดที่จะชี้วัดความสำเร็จ ใครแพ้-ชนะ สามารถยึด “เบอร์ 1 ตึกไทยคู่ฟ้า” ได้ ขึ้นอยู่กับว่า ต้นสังกัดที่ส่งเข้าประกวด ระหว่าง “พลังประชารัฐ” หรือ “รวมไทยสร้างชาติ” ด้วยว่าใครจะได้ที่นั่ง ส.ส.มากกว่ากัน

ตามไปดู “รทสช.” ก่อน แกนนำหลักประกอบด้วย “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรค “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” เลขาธิการพรรค “ชัชวาลย์ คงอุดม-ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี-วิทยา แก้วภราดัย-ธนากร วังบุญคงชนะ-เสกสกล อัตถาวงศ์” เป็นโต้โผหลัก

แนวโน้ม แกนนำคนสำคัญที่จะได้รับเลือกตั้ง ประกอบด้วย “อนุชา นาคาศัย” จากชัยนาท และที่เป็นกอบเป็นกำมากที่สุด คงเป็นกลุ่ม “สุชาติ ชมกลิ่น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ส่วนใหญ่ตบเท้าตามไปจากพลังประชารัฐ

เมื่อวันวาน “เสี่ยเฮ้ง” นำร่องขนลูกทีมไปเปิดตัว ณ ที่ทำการพรรค รทสช.หลังใหม่ เอาฤกษ์ให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ทำพิธีเจิมด้วยการมอบเสื้อ โชว์พาวให้ดูชมไปแล้วกว่า 10 ชีวิต

ประกอบด้วย “พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา” จันทบุรี “ชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์” ฉะเชิงเทรา “รณเทพ อนุวัฒน์” ชลบุรี “สาธิต อุ๋ยตระกูล” เพชรบุรี “สมพงษ์ โสภณ” ระยอง “ไพลิน เทียนสุวรรณ” สมุทรปราการ “สมบัติ อำนาคะ” สระบุรี “ประสิทธิ์ มะหะหมัด” กทม. “อนุมัติ ชูสารอ” ปัตตานี “สมัคร ป้องวงษ์” สมุทรสาคร

อีกล็อตจะเปิดตัวในไม่ช้า ประกอบด้วย “สายัณ ยุติธรรม” นครศรีธรรมราช “ศาสตรา ศรีปาน-พยม พรหมเพชร-อรุณ สวัสดี” จากสงขลา

ก๊วนใหญ่จะแหกด่านมะขามเตี้ยมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย “วชิราภรณ์ กาญจนะ “สุราษฎร์ธานี “เจือ ราชสีห์” สงขลา “รังสิมา รอดรัศมี” สมุทรสงคราม “อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์” ราชบุรี “ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู” บัญชีรายชื่อ “ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์” เสริมใยเหล็กต่อจาก “ลูกหมี-ชุมพล จุลใส” ที่ยกทัพล่วงหน้ามาก่อนหน้านี้ และรวมไทยสร้างชาติ จะมีทีมนายก อบจ.ที่แข็งแกร่งมาเข้าสังกัดอีกไม่น้อยกว่า 8 จังหวัด

ขณะที่ฝั่ง “พปชร.” ของ “พล.อ.ประวิตร” เชิงสัญลักษณ์เป็นรอง รทสช.อยู่หลายขุม โพลกี่สำนักต่อกี่สำนักสำรวจ ชื่อ “บิ๊กป้อม” และพรรครั้งอยู่โซนท้ายๆ ตารางตลอด

แต่ในแง่ฐานกำลังความเป็นพรรคมีศักยภาพดีกว่า ตรงที่แกนนำพรรคมี “บ้านใหญ่” ประเภทของตายอยู่ในหลายจังหวัด เป็นต้นว่า ซุ้มเพชรบูรณ์ของ “สันติ พร้อมพัฒน์” เลขาฯ พรรค ทีมกำแพงเพชร ที่ “วราเทพ รัตนากร” รับผิดชอบ กลุ่มสามมิตรที่มี “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน” รับผิดชอบ แม้จะแตกแบงก์ไปแล้วบางส่วน ก็ยังมีของชัวร์อยู่หลายที่นั่ง

บวกกับ “กลุ่มปากน้ำ” ของ “ตระกูลอัศวเหม” ต่อยอดด้วย 10 นักเลือกตั้งจากก๊วนเศรษฐกิจไทย ของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ทำให้ภาษีของ “พลังประชารัฐ” พลิ้วขึ้นมาดูดีกว่ารวมไทยสร้างชาติ

ศึกเลือกตั้งใหญ่ในไม่กี่วันข้างหน้า หาก “พล.อ.ประวิตร” ไม่เหยียบเปลือกกล้วยหกล้มเสียก่อน โอกาสที่ “พปชร.” จะได้ที่นั่ง ส.ส.มากกว่า “รทสช.” ของ “พล.อ.ประยุทธ์” ตัวเลขขี่กันไม่มาก ระดับ “บวก-ลบ” 10 ที่นั่ง

พลังประชารัฐได้รับเลือกตั้ง ได้ ส.ส.ทั้งเขตเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อมา 40 เสียง บวกด้วย “วุฒิสมาชิก” ที่อยู่ในอาณัติของ “บิ๊กป้อมและเพื่อน” 100 เสียง ไป-กลับมีขุมกำลังเพื่อชี้ขาดใครเป็นนายกฯ แล้ว 140 เสียงเป็นอย่างต่ำ

“พล.อ.ประวิตร” เป็นมิตรสหายกับนักเลือกตั้งทุกเครือข่าย กระจายอยู่ทุกพรรค จับมือกับขั้วไหน ได้เป็นรัฐบาลวันยังค่ำ ถึงไม่ใช่แกนนำ ก็ระดับ “พรรคร่วมตัวแปร”