แผนชิงกองทัพ ชู ‘บิ๊กป้อม’ ถอดสลักปฏิวัติ ‘2 ต.’ ดาวคนละดวง กองทัพระส่ำ

แผนชิงกองทัพ ชู ‘บิ๊กป้อม’ ถอดสลักปฏิวัติ ‘2 ต.’ ดาวคนละดวง กองทัพระส่ำ สะพัด โยกย้ายใหญ่ ‘บิ๊กตู่’ ทิ้งทวน

 

แม้คาดกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะประกาศยุบสภาราวกลางเดือนมีนาคมนี้ และจะมีเลือกตั้งราวต้นเดือนพฤษภาคมนี้ก็ตาม

แต่ก็ยังเกิดกระแสข่าวลือนานาว่า จะเลื่อนการเลือกตั้ง หรืออาจจะไม่มีเลือกตั้ง โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯ รักษาการและรัฐบาลรักษาการต่อไป

ด้วยเพราะฝ่ายขวาจัดที่คุมอำนาจรัฐและกองทัพอยู่ในเวลานี้ ไม่มั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์และพรรครวมไทยสร้างชาติ จะชนะเลือกตั้ง ได้จัดตั้งรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัยหรือไม่

หรือแม้แต่บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หรือเป็นนายกฯ หรือคุมเกมการเมือง ในการตั้งรัฐบาลได้หรือไม่

ระคนกับความหวาดหวั่นว่า พล.อ.ประวิตรจะจับมือพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล และเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง ตามที่ได้ประกาศตัวพร้อมเป็นนายกฯ และนำประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง

อีกทั้งมีการปล่อยข่าวลือว่า อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางกลับประเทศไทย เพื่อหวังปลุกกระแสแลนด์สไลด์ ในช่วงใกล้ๆ วันเลือกตั้ง ที่อาจจะนำมาซึ่งความวุ่นวาย และอาจมีการก่อม็อบต่อต้าน ทำให้เกิดความวุ่นวายจนไม่ได้เลือกตั้ง

รวมทั้งยังอาจมีเรื่องสถานการณ์สำคัญที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้น และจะกระทบการเลือกตั้งหรือไม่

รวมทั้งกระแสข่าวการปฏิวัติรัฐประหารที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่เข้มข้น และเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจ ยิ่งในยุคที่มี ผบ.เหล่าทัพ ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันทั้งหมด และจะเกษียณพร้อมกันในอีกไม่กี่เดือนนี้

 

แต่อย่างไรก็ตาม การที่ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ แล้วย้ายเข้าไปเป็นสมาชิก และมีตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และประกาศตนยอมรับการเป็นแคนดิเดตนายกฯ และอาจจะลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วย ถือเป็นสัญญาณว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็พร้อมที่จะสู้ศึกเลือกตั้ง รวมทั้งพรรคพลังประชารัฐ ของ พล.อ.ประวิตรด้วย

กล่าวกันว่า หากพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง แล้วยอมให้ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ ก็ด้วย 3 เหตุผล คือ การล้มอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย พล.อ.ประวิตร และทลายกำแพง ส.ว. ที่ประกาศออกมาแล้วว่า จะไม่สนับสนุนให้อุ้งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ แต่จะสนับสนุนแค่ พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตร เท่านั้น

และต้องการใช้ พล.อ.ประวิตรในการถอดสลักการรัฐประหาร เพราะ พล.อ.ประวิตรก็มีลูกน้องในกองทัพจำนวนไม่น้อยไปกว่า พล.อ.ประยุทธ์เลย แถมเป็นสายสัมพันธ์ทางใจ แบบพี่น้องสายเลือดทหาร มากกว่าสายสัมพันธ์กับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นในเชิงอำนาจ เพราะเป็นนายกฯ และ รมว.กลาโหม

 

แต่กระนั้น ความหวาดระแวงก็ยังคงมีขึ้นเสมอๆ และส่งผลให้กองทัพยิ่งตกเป็นเป้า เพราะไม่ใช่แค่เพราะการรัฐประหารที่ผ่านมา ที่ทำให้กองทัพกลายเป็นจำเลยสังคม และเป็นเป้าถูกโจมตีในทางการเมืองมาตลอด

และยิ่งเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ควบ รมว.กลาโหม. ก็ยิ่งทำให้กองทัพเป็นเป้าในทางการเมือง ถูกฝ่ายค้านตรวจสอบ จับผิดมาตลอด และถูกอภิปรายในสภามาตลอด

แม้แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ เมื่อ 15-16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กองทัพก็ถูกกระหน่ำทั้งสามเหล่าทัพ เช่น ทหารบก เรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา และเกิดเหตุรถถังคว่ำ ทหารเรือ เกิดเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง และทัพอากาศ เอาเครื่องบิน เอฟ 16 ไปบินเทิดเกียรติในพิธีลอยอังคาร บิดาของ ผบ.ทอ. ที่เป็นอดีต ผบ.ทอ.

และที่ถูกจับตามอง คือการจัดโผทหารกลางปี หรือโผเมษายน ที่จะเป็นโผสุดท้ายของการเป็นนายกฯ และ รมว.กลาโหมในรัฐบาลนี้ ที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องยื้อเวลาในการยุบสภาออกไปจนกลางเดือนมีนาคม ก็เพื่อที่จะจัดโผทหารให้เสร็จ และนำขึ้นทูลเกล้าฯ ที่จะเป็นการจัดทัพ ที่อาจจะเอื้อต่อการสืบทอดอำนาจ

จนเกิดกระแสข่าวลือในกองทัพว่า จะเป็นโผทิ้งทวนของ พล.อ.ประยุทธ์ และจะมีการโยกย้ายมากกว่าการโยกย้ายกลางปีทุกครั้งที่ผ่านมา แม้ตามประเพณีจะโยกย้ายแค่รองรับนายทหารที่จะเกษียณราชการเท่านั้น

 

มีรายงานว่า บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด นัด ผบ.เหล่าทัพ หารือโผทหารในสัปดาห์หน้า ก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลของกลาโหม หรือบอร์ด 7 เสือกลาโหม ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อเคาะโผทหารให้เสร็จทันเวลา เพื่อเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ก่อนที่จะยุบสภา

เพราะหากยุบสภาแล้ว รัฐบาลรักษาการจะไม่สามารถแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการได้ อีกทั้งก็เป็นไปตามกำหนดเวลา ที่โผทหารจะต้องเสร็จและทูลเกล้าฯ ก่อน 15 มีนาคม

โดยเกิดกระแสข่าวสะพัดในกองทัพว่า จะมีการโยกย้ายในจำนวนที่มากกว่าโผกลางปีทุกครั้ง จนเรียกกันว่า เป็นการโยกย้ายใหญ่ ทั้งๆ ที่การโยกย้ายกลางปีมักจะไม่สามารถขยับได้มากนัก เพราะยังไม่มีการเกษียณราชการ จึงต้องรอโยกย้ายปลายปี ที่จะต้องจัดทำกันในเดือนสิงหาคม-กันยายน ที่คาดว่าจะเป็นช่วงการมีรัฐบาลและนายกฯ คนใหม่พอดี

นั่นหมายถึงว่า ศึกเลือกตั้งครั้งที่จะมีขึ้นนี้ ไม่ใช่แค่การแย่งชิงอำนาจรัฐเท่านั้น

แต่จะได้จัดโผทหารครั้งสำคัญด้วย เพราะจะได้แต่งตั้งทั้ง ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทบ. ผบ.ทร. ผบ.ทอ. แม้แต่ ผบ.ตร.เองก็ตาม

โดยเฉพาะ ผบ.ทบ. ที่ถูกมองว่ามีพลังอำนาจแฝงทางการเมือง คุมกำลังทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ และคุมขุมกำลังในการรัฐประหาร ที่แคนดิเดต ผบ.ทบ. ล้วนเป็นนายทหารที่เติบโตมาในยุค 3 ป. และเป็นสายตรงของขั้วอำนาจ 3 ป. ยากที่ขั้วอำนาจอื่นจะเข้ามาแชร์อำนาจกองทัพ เพราะได้มีการวางทายาทเอาไว้ในระยะยาวแล้ว ไม่สามารถเอานายทหารที่อยู่นอกไลน์เข้ามาเป็น ผบ.ทบ.

เพราะมีแค่บิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ. น้องรักสายทหารเสือราชินี ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นเต็งหนึ่ง เพราะนอกจากเป็นทหารคอแดงที่อาวุโสที่สุด ด้วยครองอัตราพลเอกพิเศษ

และบิ๊กโต พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ผช.ผบ.ทบ. น้องรักสายบูรพาพยัคฆ์ ของทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร และเป็นทหารคอแดงเช่นกัน แต่ก็มีกระแสข่าวในกองทัพว่า เป็นแคนดิเดตที่มาแรง

เสมือนว่า พล.อ.เจริญชัย และ พล.อ.สุขสรรค์ กำลังสร้างดาวคนละดวง และดาวดวงนั้นก็ขึ้นอยู่กับดวงชะตาของ พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตรที่จะได้แต่งตั้งด้วย

แม้จะมีนายทหารยศพลเอกที่เป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ.อีกคนอย่างบิ๊กตี๋ พล.อ.รังสี กิตติญาณทรัพย์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. และอดีต ผอ.ททบ.5 เพื่อนรักร่วมรุ่นเตรียมทหาร 22 แต่ทว่า พล.อ.รังสีก็ไม่ได้เป็นทหารคอแดงและไม่ได้เติบโตมาในไลน์ที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ได้

ดังนั้น ผบ.ทบ.คนต่อจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ จะมีแค่ พล.อ.เจริญชัย สายตู่ หรือ พล.อ.สุขสรรค์ สายป้อม เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นใจว่า ผบ.ทบ.คนต่อไปจะดูแลกองทัพ คอยระวังหลังให้ โดยไม่ต้องห่วงว่า ทหารจะก่อการรัฐประหาร ล้มอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ในอนาคต

แต่ที่จับตามองกันมากที่สุด คือ หาก พล.อ.ประวิตรได้เป็นนายกฯ โอกาสที่ พล.อ.สุขสรรค์ ที่จะได้เป็น ผบ.ทบ. ก็มีสูงกว่า พล.อ.เจริญชัย เพื่อนร่วมรุ่น ตท.23 ดังนั้น สถานการณ์การเมือง การเลือกตั้ง จึงเชื่อมโยงกับการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร โดยเฉพาะเก้าอี้ ผบ.ทบ.

รวมทั้งเก้าอี้ผู้บังคับหน่วยในต่างจังหวัดที่ถูกจับตามองว่าจะเอื้อต่อการเลือกตั้งและการคุมเสียงทหารในแต่ละพื้นที่หรือไม่ รวมทั้งตำแหน่งในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็น ผอ.รมน. ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในทางการเมือง มาทุกยุคทุกสมัย

 

แต่อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวอีกกระแสว่าการแต่งตั้งโยกย้ายกลางปี อาจจะไม่ได้มีจำนวนมากผิดปกติแต่อย่างใด อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ได้มีนโยบายสั่งการในเรื่องการโยกย้ายตำแหน่งใดเป็นพิเศษ เพราะขยับได้ไม่มากนัก ผู้บัญชาการเหล่าทัพจึงจัดโผตามปกติ

โดยนายกฯ มอบหมายให้บิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม เป็นคนประสานพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพในการจัดวางตำแหน่งต่างๆ เช่นทุกครั้งที่ผ่านมา

แต่ครั้งนี้เป็นที่จับตามองว่า พล.อ.ประยุทธ์จะโยกย้ายทหารแบบทิ้งทวนในลักษณะใด อีกทั้งผู้บัญชาการเหล่าทัพชุดนี้ ทั้ง พล.อ.เฉลิมพล พล.อ.ณรงค์พันธ์ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. และ พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ. ก็กำลังจะเกษียณราชการ และจะได้จัดโผทหารใหญ่อีกแค่ 2 ครั้ง คือครั้งนี้และโผโยกย้ายปลายปี ในเดือนกันยายนเท่านั้น

ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า กองทัพจะวางบทบาทอย่างไรในการเลือกตั้งครั้งนี้ ในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ รมว.กลาโหม นี่กลายเป็นนักการเมืองไปแล้วและต้องสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้อย่างเต็มที่เพื่อกลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย เพราะถึงอย่างไรกองทัพก็ยังจะเป็นฐานเสียงและฐานอำนาจสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ต่อไปนั่นเอง

เพราะหากอำนาจเปลี่ยนมือเปลี่ยนขั้วย่อมกระทบต่ออำนาจในกล่อง อย่างแน่นอน