เปิดตา | Fraunces Tavern อายุกว่าสองศตวรรษครึ่ง แห่ง นิวยอร์ก ที่ George Washington ยังเคยมา

อัษฎา อาทรไผท

คืนหนึ่งในมหานครนิวยอร์ก ญาติชาวนิวยอร์กได้ชักชวน ให้ไปลิ้มลองอาหารแนวอเมริกันไดเนอร์ ที่ร้านชื่อดัง Junior’s ตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่พักของผมแถว มิดทาวน์ เมื่อผมไปถึงพบว่าต้องรอคิวราว 20 คิว แต่ที่แย่กว่านั้นคือญาติผมฝ่ารถติดของคืนวันศุกร์เข้ามาไม่ไหว ทำให้เขาต้องหยิบยื่นข้อเสนอแสนอร่อยแห่งใหม่มาเป็นการแก้ตัว นั่นก็คือ Fraunces Tavern ร้านเหล้าเก่าแก่ที่สุดในนิวยอร์กแห่งหนึ่ง ซึ่งมีขายอาหารด้วย

ทีแรกผมกะจะไม่ไป เพราะต้องเดินราว 1 กิโลเมตรจาก 7th Aveunue เพื่อไปหาญาติที่จอดรออยู่แถว Park Avenue แล้วพากันขับรถไป แต่ในที่สุดก็ยอม ซึ่งนั่นเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งของผมในทริปนั้น เพราะเมื่อทราบประวัติความเป็นมาของร้านแห่งใหม่นี้ อาหารที่ยังไม่ทันได้เข้าปากก็อร่อยเหาะเสียแล้ว


Fraunces Tavern แห่งนี้ตั้งอยู่แถว Financial District ที่ 54 Pearl Street ปลายเกาะ Manhattan และมีมาตั้งแต่ .. 1762 หรือกว่า 250 ปีมาแล้ว ถ้าเทียบกับไทยเรา จะเป็น .. 2305 ตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย แผ่นดินพระเจ้าเอกทัต ส่วนที่อเมริกาเองสมัยนั้นก็ยังไม่เป็นประเทศเลยด้วยซ้ำ เพราะยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษอยู่

ถ้าจะให้เล่าประวัติของที่นี่ น่าจะต้องร่ายยาวกันเป็นเล่ม เพื่อให้พอได้รสชาติความเก่าแก่ขอย้อนเวลากลับไป .. 1719 ตั้งแต่อาคารแห่งนี้ยังไม่ถูกทำเป็นโรงเตี๊ยมและร้านเหล้า แรกเริ่มเดิมทีเขาใช้เป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัว หนึ่งมาก่อน ต่อมาในปี .. 1738 ได้กลายสภาพเป็นสถานเต้นรำ ก่อนจะมาเป็นอาคารพาณิชย์ในปี .. 1759 และได้มาเริ่มเป็น Tavern หรือผมขออธิบายว่าคือโรงเตี๊ยมที่ชั้นล่างขายเหล้าในปี .. 1762 โดยนาย Samuel Fraunces คือผู้ดำเนินการ

ในขณะที่สถานที่แห่งนี้เป็นโรงเหล้าเคล้าอาหารนี่เอง ดีลธุรกิจใหญ่ ในสมัยนั้นมักมาปิดกันที่นี่ ส่วนบรรดาอเมริกันชนผู้มีใจกู้ชาติจากการครอบครองของอังกฤษ ก็ได้มาแอบนัดพบปะเพื่อวางแผนการต่าง ที่นี่ จนก่อการสำเร็จ และมาถึงจุดยอดเมื่อทหารอเมริกันชนะสงครามปฏิวัติอเมริกัน สามารถขับไล่กองพันสุดท้ายของอังกฤษออกไปได้ George Washington ผู้นำกองทัพฝ่ายอาณานิคม ที่ในที่สุดได้เป็นประธานาธิปดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา ได้มากล่าวของคุณ และบอกลากองกำลังของเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนแยกย้ายกันที่นี่

หลังจากนั้นสถานที่แห่งนี้ได้ทำหน้าที่อีกหลากหลาย ตั้งแต่ขายของแห้ง ของชำ โรงเบเกอรี่ ที่พักอาศัย จนถึงกระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงการสงคราม เคยเกิดเหตุร้ายอย่าง ฆาตกรรมนักบัลเล่ต์สาวและสามี วางระเบิดก่อการร้ายคร่า 5 ชีวิต และแม้กระทั่งเกือบจะถูกทุบทิ้ง (จนทางการต้องตั้งให้ที่นี่เป็นสวนสาธารณะห้ามทำลาย) เรียกว่าสถานที่นี้ประวัติค่อนข้างจะโชกโชน

ปัจจุบัน Fraunces Tavern ยังเปิดบริการอยู่ในรูปแบบชั้นล่างขายเหล้า ขายอาหาร และมีพิพิธภัณฑ์อยู่ชั้นบน ต้อนรับทั้งผู้คลั่งใคล้ประวัติศาสตร์และผู้ถวิลหาอาหารอร่อย สไตล์ดั้งเดิม โดยมีอาหารจานเด็ดเป็น “Chicken Pot Pie” เมนูง่าย ของโปรดของท่านประธานาธิปดี George Washington


พวกผมไปถึง Fraunces Tavern ราว 2 ทุ่ม เปิดประตูเข้าไปพบกับความสลัวสไตล์ผับโบราณ เบื้องหน้าเป็นเคาท์เตอร์ต้อนรับ ทางขวาเป็น Dining Room ส่วนทานอาหารสว่างกำลังดี ทางซ้ายสลัว แบบผับ คนนั่งเต็มทุกอณูร้าน แว่วเสียงบทสนทนาเฮฮา เสียงมีดส้อมและแก้วกระทบกัน ผสมกับเสียงดนตรีแจ๊สเล่นสด แม้ฟังไม่เป็นศัพท์ แต่ก็สะกดให้รู้สึกสนุกขึ้นมาได้ทันทีที่เข้ามา

เนื่องจากเราไม่ได้จองไว้ล่วงหน้า จึงต้องรอโต๊ะอีกราว 1 ชั่วโมง ซึ่งระหว่างรอเขามีส่วนที่ขายเครื่องดื่มให้ใช้นั่งรอถึง 2 โซน ได้แก่ Independence Bar ที่อยู่ส่วนหน้าของร้านเสริฟ ค็อกเทล ไวน์ วิสกี้ และคราฟเบียร์ แยกจากส่วนทานอาหารไปคนละฝั่ง Hideout Bar โซนด้านหลังที่ต้องเดินผ่านบาร์แรกเข้าไป เน้นจิน และค็อกเทล และ นอกจากนั้นยังมี Piano Bar อยู่ชั้นบน ทานและดื่มได้ทุกอย่าง แต่มีขั้นต่ำ

เมื่อถึงเวลาของเรา ในส่วนบาร์ยังคงคึกคักอยู่ แต่ช่วง 3 ทุ่ม ในส่วนรับประทานอาหาร Dining Room เริ่มว่างบ้างแล้ว บรรยากาศในส่วนของ Dining Room ตกแต่งแบบดั้งเดิม เข้าใจว่ามีการปรับปรุงใหม่มาหลายครั้ง แต่เขายังคงทำให้ทุกสิ่งดูเหมือนอเมริกาเมื่อครั้งก่อน ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะไม้หนา ม้านั่งอี้ยาวหนัก กำแพง หน้าต่าง และ ไฟห้อยเพดานแบบโบราณ พาให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนอดีตมาดินเนอร์ที่อเมริกา ยุคประกาศอิสรภาพหมาด

เมนูที่สั่งจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก Chicken Pot Pie จานโปรดของท่านผู้นำคนแรกของสหรัฐ ซึ่งมีขนาดใหญ่มหึมา เนื้อไก่หั่นเป็นลูกเต๋า ในซุปครีมมี่เข้มข้น ที่เคี่ยว แครอท ถั่ว หัวหอม น้ำมันมะกอก เนย พริกไทย เครื่องเทศ เห็ด ครีม จนเป็นหนึ่งเดียว เสริฟในถ้วยขอบสูงใบโต โปะด้วยแป้งพาย ที่ห่อหุ้มถ้วยไว้เกือบมิด ทานแล้วจะได้ความอร่อยเดียวกันกับผู้คนเมื่อ 2 ศตวรรษก่อน และแน่นอนว่าปริมาณขนาดนี้ อิ่มเหมือนกันด้วย

สำหรับรสชาติของ Chicken Pot Pie หากไม่ใช่แฟนอาหารง่าย ของชาวตะวันตก อาจไม่ประทับใจ แต่สำหรับในโลกของพายไก่แดนมะริกัน นี่คือสุดยอดพายไก่ ที่อร่อยแบบที่ควรจะเป็น มีรสเค็มเด่นแต่กำลังดี ผสมกับความหอมมันของส่วนผสมน้ำซุป ตักไส้พายที่อยู่ในถ้วย ทานไปพร้อม กับแป้งพาย เข้ากันดีอย่างบอกไม่ถูก หรือจะเลือกเปลี่ยนมาซดเป็นซุปเลยก็ได้ (ถ้ามีข้าวสวย ผมว่าใส่เข้าไปด้วยก็น่าจะเข้าท่า)

นอกจากสั่งเมนูเด็ดแล้ว เราได้สั่งอีกหลายอย่าง ทั้งเบอร์เกอร์ สเต็ค และเฟรนช์ฟราย ล้วนมีขนาดใหญ่มากทั้งสิ้น ส่วนรสชาติสำหรับผมคิดว่า ถ้ามาที่นี่กินอะไรก็พอใจ เพราะบรรยากาศและประวัติศาสตร์อร่อยกว่าอาหารนัก เลยแนะนำว่าหากมาที่นี่สั่ง Chicken Pot Pie ดีที่สุด เพราะอย่างน้อยถ้าได้กิน ก็เอาไปบอกเขาได้ว่ามาถึง Fraunces Tavern แล้วครับ