โฉมหน้า แท้จริง เล้งโซ่วฮุ้น ลิ่มเซียนยี้ ฉายชัด แจ่มแจ้ง

บทความพิเศษ

 

โฉมหน้า แท้จริง

เล้งโซ่วฮุ้น ลิ่มเซียนยี้

ฉายชัด แจ่มแจ้ง

 

ยิ่งหากมองผ่านสำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง สภาพของอาฮุยถือได้ว่าย่ำแย่อย่างยิ่ง กะปลกกะเปลี้ยอย่างยิ่ง

นางฉุดอาฮุยเดินฝ่าป่าเหมย วิ่งข้ามสะพานน้อย

ในสวน เงียบ วังเวง ไม่มีผู้คน กระทั่งโคมไฟก็มีน้อยอย่างยิ่ง อาฮุยถึงกับคล้ายไม่มีเรี่ยวแรงสะบัดหลุดจากมือนางอีกแล้ว

บนหอน้อยมีแสงโคมไฟอยู่เลือนราง

แต่กลับเน้นให้เห็นหอน้อยยิ่งว้าเหว่ เดียวดาย วิเวก วังเวง ม่านหน้าต่างของหอคลี่คลุมต่ำ ลิ่มซีอิมกำลังนั่งเฝ้าโคม โดดเดี่ยวอย่างว้าเหว่ ซึมเซา

โดยมิทราบ (นาง) กำลังครุ่นคิดเรื่องอันใด

“ตั้วเจ๊ ตั้วเจ๊ ท่านไฉนยังไม่นอน ตั้วเจ๊ ข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามาลาท่าน ข้าพเจ้าจะไปแล้ว แต่ทว่า แต่ทว่า ข้าพเจ้าไม่ลืมน้ำใจและบุญคุณที่ตั้วเจ๊มีต่อข้าพเจ้าเด็ดขาด ข้าพเจ้าจะกลับมาเยี่ยมท่านในเวลารวดเร็วยิ่ง”

ลิ่มซีอิมคล้ายดั่งมิเข้าใจว่านางกำลังกล่าวกระไรอีกจึงผงกศีรษะช้าๆ “ท่านไปเถิด ไปเสียจะประเสริฐสุด ที่นี้ไม่มีกระไรพึงรักอาลัยอยู่แล้ว”

เมื่อลิ่มซีอิมถาม “เจ๊ฮู (พี่เขย) เล่า”

“เจ๊ฮู เจ๊ฮูของผู้ใด เราไม่รู้จักเจ๊ฮูของท่าน เราไม่รู้จัก เราไม่รู้จัก ท่านไปเถิด รีบไป รีบไป ไม่ต้องกล่าวเลยอีกสักคำ รีบไป รีบไป”

โบก 2 มือขับไล่ ทรุดกายนั่ง น้ำตาหลั่งไหลลงเนืองนองหน้าแล้ว

 

ขณะเวลาเดียวกันนั้นเอง นอกม่านหน้าต่างที่ห้อยต่ำ มีคนผู้หนึ่งเดินช้าๆ เข้ามา เมื่อลิ่มเซียนยี้กับอาฮุยเดินมุ่งหน้าไปยังวัดเสียวลิ้มยี่

ถึงกับเป็นเล้งโซ่วฮุ้น

มันเบิ่งมองลิ่มซีอิม แน่ว นิ่ง ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“แม้นับพวกมันบินไปถึงเสียวลิ้มยี่ก็ไม่มีประโยชน์

ในแผ่นดิน ไม่มีผู้คนใดสามารถช่วยลี้คิมฮวงออกมาได้อีกแล้ว”

แล้วสำนวนแปลของ น.นพรัตน์ เล่าบรรยายออกมาอย่างไร นางโบกมือทั้งสองขับไล่ลิ้มเซียนยี้กับอาฮุยออกไปจนหมดสิ้น

ค่อยทรุดนั่งลงที่ข้างดวงโคมช้าๆ น้ำตาไหลรินลงอาบแก้ม

ที่หลังม่านเหลืองซึ่งปล่อยห้อยลง ปรากฏคนผู้หนึ่งเดินช้าๆ ออกมา กลับเป็นเล้งเซ่าฮุ้น ถลึงมองลิ้มซีอิม

แสยะยิ้มออกมา กล่าวเสียงเย็นชาว่า

“ต่อให้พวกมันโบยบินถึงเสียวลิ้มยี่ก็ไม่มีประโยชน์ ทั่วทั้งแผ่นดินไม่มีผู้ใดสามารถช่วยชีวิตลี้ชิ้มฮัวได้”

มั่นใจอย่างยิ่ง

 

ไม่เพียงแต่ชีวิตของลี้คิมฮวง แม้กระทั่งชีวิตของอาฮุยก็ยิ่งถลำลึก โรงเตี๊ยมนี้ไม่ใหญ่ ทั้งสองเดินทางโดยไม่หยุดยั้งเป็นเวลาหนึ่งแล้วจึงมาพักแรมในที่นี้

นางแก้ห่อผ้าหยิบ “กิมซีกะ” ออกมา

มองในแสงโคมไฟของวิเศษล้ำค่าในบู๊ลิ้มที่ทุกคนน้ำลายสอใคร่จะได้มีประกายแวววับจับตา บ่งบอกคุณค่าเลิศล้ำ

“ท่านเก็บไว้เถิด” อาฮุยกล่าวสั้นๆ โดยมิได้เหลือบแล

ประกายตาลิ่มเซียนยี้มีแววปีติยินดีวูบหนึ่งแต่กลับสั่นศีรษะ “นี่เป็นของที่ท่านได้มาด้วยความลำบากยากเข็ญ ท่านวันหน้าบางทีอาจยังจำเป็นต้องใช้มันไฉนกำนัลให้ผู้อื่นอย่างง่ายดายได้”

อาฮุยเพ่งมองนางแน่วนิ่ง

เสียงเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นนุ่มนวล “ข้าพเจ้ามิได้กำนัลแก่ผู้อื่น และไม่กำนัลแก่ผู้อื่นแน่ ข้าพเจ้าเพียงแต่กำนัลให้ท่าน”

ลิ่มเซียนยี้มองดูมันจนซึมเซา ประกายตาเปี่ยมแววตื้นตันและลิงโลด ยินดี

ทั้งสองจึงนั่งประสานตากันโดยไม่มีถ้อยคำ มิทราบอีกเนิ่นนานปานใด ลิ่มเซียนยี้ครางเบาๆ โถมเข้าไปในอ้อมกอดอาฮุย

นี่ย่อมเป็นการเปลี่ยนแปร นี่ย่อมเป็นการเคลื่อนไหว

 

เสียงลมเบื้องนอกดังหวีดหวิว เปลวเทียนบนโต๊ะเต้นระริก เรือนร่างนางนุ่มละมุนถึงเพียงนั้นอบอุ่นถึงเพียงนั้น ทั้งสั่นระริกน้อยๆ อยู่ตลอดเวลา

หัวใจของอาฮุยเต้นระทึกอย่างรุนแรง

ในชีวิตของอาฮุยไม่เคยสัมผัสมาก่อนว่า ความนุ่มนวลถึงเพียงนี้จะแฝงรสชาติกัดกร่อนวิญญาณถึงเพียงนี้

อาฮุยก็เป็นบุรุษ มิหนำซ้ำยังหนุ่มฉกรรจ์

มาตรแม้นมิเคยมีคนสอนมาก่อน แต่เรื่องเช่นนี้มิต้องให้ผู้อื่นเสี้ยมสอน อาฮุยโน้มหน้าลงช้าๆ ประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากของนาง

ริมฝีปากของนางร้อนแรงราวอัคคี

พริบตานั้น สรรพสิ่งอันมีอยู่ในแผ่นฟ้าแผ่นดินล้วนแปรเปลี่ยนเป็นไร้คุณค่า ไร้ความหมาย สรรพวัตถุในโลกหล้าคล้ายถูกเผามลาย กาลเวลาก็คล้ายหยุดนิ่งลง

นางสั่นระริก หอบหายใจราวครวญครางออกมา

ร่างอันสั่นระริกของนาง ช่วยชักนำมือของอาฮุย มวยผมของนางยุ่งสยาย กระโปรงยาวถูกเลิกขึ้นตลอดทั้งร่าง สองเท้าเรียวยาวซีดขาวบิดพันไปมา

ร่างกายของอาฮุยคล้ายกับจะระเบิดออก

 

ในแสงเทียนเลือนราง แลเห็นเส้นขนที่เท้าเปล่งปลั่งลุกชี้ชัน เท้าแม้ขดงอแต่หลังเท้าอันขาวสะอาดกลับเหยียดตรง

ในโลกนี้ น่ากลัวไม่มีใดจะมีเสน่ห์โน้มน้าวจิตใจผู้คนได้รุนแรงเทียบเท่านี้อีกแล้ว

นางโอบคออาฮุยไว้แนบแน่น ลมหายใจที่ร้อนผะผ่าวรดใส่ใบหูอาฮุย ใช้ฟันขาวสะอาดปานไข่มุกขบหูอาฮุยเบาๆ

ขบจนกระทั่งวิญญาณอาฮุยก็พังทลายไปแล้ว

เหงื่อซึมออกมาจนศีรษะเป็นเส้นสาย อาฮุยตื่นเต้นจนตัวสั่นสะท้าน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต ตัณหาที่ถูกฝังไว้ 20 กว่าปีจะระเบิดออกมาในช่วงพริบตานี้แล้ว

ทั้งสองมิทราบกลิ้งขึ้นไปบนเตียงตั้งแต่เมื่อใด

ความจริง อาฮุยเป็นคนสามารถข่มใจตัวเองได้หนักแน่นที่สุดแต่ตอนนี้กลับไม่อาจข่มกลั้นได้อีกแล้ว

ถึงเวลาเยี่ยงนี้ ยังมีบุรุษหนุ่มวัยฉกรรจ์ใดสามารถข่มมันอยู่ได้

อาฮุยเริ่มเปลื้องเสื้อผ้านาง นางเปลือยเปล่าทั้งร่างแล้ว อาฮุยทับอยู่บนทรวงอกนาง รู้สึกว่าอกที่อวบอัดเต่งตึงของนางเสียดสีอยู่กับทรวงอกตน

อาฮุยคล้ายกลายเป็นสัตว์ป่าไปแล้ว

ขณะนั้นเอง ลิ่มเซียนยี้พลันผลักอาฮุยออกไป ผลักอย่างรุนแรง อาฮุยที่มิทันระวังตัวถึงกับตกลงจากเตียง

อาฮุยตะลึงลาน

ได้ยินลิ่มเซียนยี้ส่งเสียงสั่นสะท้าน “พวกเราไม่อาจทำดังนี้ ไม่อาจทำดังนี้”

นางขดอยู่บนเตียง โอบผ้าห่มนวมเอาไว้แนบแน่น หลั่งน้ำตากล่าว “ข้าพเจ้ามาตรแม้นก็อดไม่ได้ แต่หากพวกเรา พวกเรา ไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้วันหน้าจะต้องสำนึกเสียใจยิ่ง วันหน้า ท่านจะต้องเข้าใจข้าพเจ้าเป็นสตรีร่านราคะ สตรีมักมากในกามคุณ”

ถามว่าแล้ว “อาฮุย” เล่า คิดเห็นและรู้สึกอย่างไร

 

กลแห่งการประพันธ์ของ “โกวเล้ง” ทั้งยอกย้อนและเปิดเผย ด้านที่เปิดเผยย่อมเป็นด้านของอาฮุย ขณะเดียวกัน ด้านที่ยอกย้อนย่อมเป็นด้านของลิ่มเซียนยี้

จะถ่ายทอดทั้งสำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง และ น.นพรัตน์ ประสานกัน

อาฮุยมิได้กล่าวกระไร เป็นเวลาเนิ่นนานจึงลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า อาฮุยสงบเยือกเย็นได้แล้ว ขบริมฝีปากแนบแน่น ในที่สุด ถอนหายใจเบาๆ กล่าว “ท่านทำเยี่ยงนี้ถูกต้องแล้ว นี่เป็นความผิดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไหนเลยตำหนิท่านได้”

อาฮุยลูบผมนางเบาๆ กล่าวเสียงนุ่มนวล

“ท่านรอคอยได้ข้าพเจ้าไฉนไม่อาจรอคอย วันเวลาภายภาคหน้าของพวกเรายังยาวนานอย่างยิ่ง”

ลิ้มเซียนยี้ลอบแย้มยิ้ม เพราะนางทราบว่า ในที่สุด บุรุษหนุ่มที่ดื้อรั้นทระนงผู้นี้ถูกนางพิชิตโดยสิ้นเชิง นับแต่นี้ต้องสยบอยู่ใต้ชายกระโปรงของนางตลอดกาล

อาฮุยโอบอุ้มนางขึ้น วางร่างลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา

ห่มคลุมผ้าห่มให้แก่นาง ในสายตาของอาฮุยนางเป็นตัวแทนของความงามและความบริสุทธิ์

นางกลายเป็นเทพธิดาในดวงใจของมันแล้ว

 

ด้านหลักของอาฮุยเปิดเผยอย่างยิ่ง ด้านหลักของ “โกวเล้ง” ก็เปิดเผยอย่างยิ่ง เพียงแต่เป็นการเปิดเผยให้เห็นด้านมืดของลิ่มเซียนยี้

อาจเป็น “กลวิธี” แต่นั่นแหละคือ “ธาตุแท้”

ธาตุแท้แห่งความเป็นชายชาญ ธาตุแท้อันเป็นเงาสะท้อนแห่ง “ปิตาธิปไตย” ในทางความคิด

โดยเฉพาะพลันที่ “หัตถ์อสูรเขียว” อีเข่าปรากฏตัว