ชูวิทย์รัวหมัด บิ๊ก ตร.ปาดเหงื่อ ขันน็อต ‘ด่าน’ ทั่วประเทศ แนะ น.1 ยกเครื่องงานโฆษก

บทความโล่เงิน

 

ชูวิทย์รัวหมัด บิ๊ก ตร.ปาดเหงื่อ

ขันน็อต ‘ด่าน’ ทั่วประเทศ

แนะ น.1 ยกเครื่องงานโฆษก

 

อีกอุทาหรณ์ของชีวิตตำรวจ กรณีรีดไถกลุ่มเน็ตไอดอลไต้หวัน ส่งผลให้ชะตากรรมทั้ง 6 นาย สน.ห้วยขวาง ระดับ ร.ต.อ.-ส.ต.อ. ต้องพลิกผัน โดนให้ทั้งออกราชการแล้วไปนอนห้องขัง หลังศาลไม่ให้ประกันการฝากขังครั้งแรก ตามความผิด ป.อาญา ม.149 เรียกรับสินบน และ ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โทษสูงสุดถึงประหารชีวิต

เนื่องจากศาลได้พิเคราะห์ว่า เป็นกรณีร้ายแรงกระทบต่อภาพลักษณ์และกระบวนการยุติธรรมของประเทศโดยรวม อีกทั้งผู้ต้องหาเป็นตำรวจอาจไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานและกระบวนการในชั้นสอบสวน

จบจาก “ตำรวจรีดไถ” นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง แฉต่อเรื่องการ “ตั้งด่าน” ที่กล่าวหาว่า ด่านของนครบาล จำนวน 88 สถานีตำรวจ ตั้งเป้าเอาไว้ให้รีดไถให้ได้สถานีตำรวจละ 1 แสนบาทต่อวัน 30 วันหรือ 1 เดือนได้ 3 ล้านบาท ดังนั้น ในพื้นที่นครบาลมีทั้งหมด 88 สถานีตำรวจ จะมีเงินที่ส่งให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล ทั้งหมดเดือนละ 264 ล้านบาท

ส่วนที่ 2 คือด่านของตำรวจจราจรกลาง ที่มีประมาณวันละ 20 ด่าน แต่ละวันต้องรีดไถเงินให้ได้ 1 แสนบาท คิดเป็นวันละ 2 ล้านบาท

ดังนั้น จะมีเงินที่ส่งให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล เดือนละ 60 ล้านบาท รวม 2 ส่วนนี้ จะมีเงินที่ส่งให้เดือนละ 324 ล้านบาท

 

นายชูวิทย์ระบุด้วยว่า ขบวนการด่านรีดไถที่เกิดขึ้นเนื่องจากบ่อนปิด ทำให้ต้องหารายได้จากการตั้งด่านมาทดแทน

“ปม” ตรงนี้มีการคิดกันว่า สืบเนื่องจาก พล.ต.ต.สำรอง สวนทอง รอง ผบช.น. คุมงานป้องกันปราบปราม ยืนยันออกสื่อว่าไม่มีการเรียกรับเงินจากก๊วนนักท่องเที่ยวไต้หวัน หรือไม่

แต่ในที่สุดพนักงานสืบสวนไปเค้นรายตัวจนมี 1 ใน 6 สารภาพ คืนเดียวกับที่นายชูวิทย์ออกมายืนยันตำรวจรีดไถจริง

ถึงเป็นลูกติดพันให้นายชูวิทย์แฉเรื่องส่วยด่านด้วย เพราะเป็นหน้างานรอง ผบช.น.ฝ่ายป้องกันและปราบปรามด้วย

แต่จะจริงหรือไม่ แน่นอนคนติดตามข่าวให้น้ำหนักจอมแฉมากกว่าตำรวจ

 

จนนำมาสู่การขันน็อต ของ “บิ๊กเจ้า” พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ระหว่างประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติหน้าที่ของรอง ผบก.-ผกก. ที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ 178 นาย ว่า “จุดตรวจถ้าไม่มีการลงในระบบไม่อนุญาตให้ตั้ง การเสนอขออนุมัติขึ้นมาถึงรอง ผบช.น.ที่ดูแลทั้งในหน้างานจราจรและหน้างานป้องกันปราบปราม ถ้าไม่เห็นชอบห้ามตั้ง

จุดสกัดยังไม่จำเป็นต้องตั้ง จนกว่าจะพิจารณาจากรอง ผบช.น. เกิดเห็นตรงไหนจำเป็นต้องมี แล้วเสนอขึ้นมา

ด่านเมายังไม่อนุญาตให้ตั้งจนกว่าจะได้รับการพิจารณาจากรอง ผบช.น. มีความจำเป็น จากอุบัติเหตุบ่อยครั้งหรือปัญหาเกิดจากผู้ขับขี่มีสภาพไม่สมบูรณ์ มีการดื่มแอลกอฮอล์

หากตรวจสอบพบมีปัญหาจะมอบหมายให้รอง ผบช.น.ตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อพบภายใน 3 วันต้องพิจารณาได้ว่าบกพร่องเรื่องอะไร เอกสารถึงผมภายใน 7 วัน…”

และเซ็นคำสั่งล้างไพ่แบ่งงานรอง ผบช.น.ใหม่ ให้ พล.ต.ต.สำเริง ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่น นรต.40 ไปคุมงานปราบปรามยาเสพติด(ปส.) แล้วให้ พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น. ที่คุมงาน ปส. ไปรับผิดชอบงานความมั่นคง (มค.) พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.น.คุม มค. ไปรับผิดชอบงานกิจการพิเศษ 2 (กศ.2) พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ โยกมาจากรอง ผบช.ภ.9 รับผิดชอบงาน (ปป.)

สำหรับ พล.ต.ต.โสภณ รอง ผบช.น.คนใหม่เป็นนักสืบ เป็นคนรุ่นใหม่ มีความรู้ความสามารถ รอดูฝีมือทำคดีอาชญากรรมเมืองหลวงว่าเอาอยู่หรือไม่

 

จากนั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ออกกฎเหล็ก 11 ข้อ สั่งด่วนที่สุด ให้ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัดทุกนายแต่งเครื่องแบบและติดกล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบดิจิทัล ตลอดระยะเวลาการปฏิบัติ ให้บันทึกภาพและเสียงขณะตรวจไว้ตลอดเวลา แล้วนำไปจัดเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของหน่วยในโอกาสแรกหลังเลิกการปฏิบัติ โดยเก็บไว้ไม่น้อยกว่า 20 วัน

พร้อมแบ่งด่าน 2 กรณีคือ จุดสกัดต้องทำเฉพาะจำเป็นเร่งด่วน มี ผกก.อนุญาต ส่วนด่านจราจร-ป้องกันอาชญากรรม ต้องมี ผบก.อนุญาตทุกครั้ง คาดโทษผู้บังคับบัญชาหากไม่เป็นไปตามแนวทาง พร้อมสุ่มตรวจความถูกต้อง รายงานผลทุกเดือน

และถ้ามีข่าวเรียกรับสินบนต้องโดนโทษทางวินัยทันที รวมถึงผู้บังคับบัญชาด้วย

กรณีเรียกตรวจนักท่องเที่ยว ให้นำหลักรัฐศาสตร์มาใช้ กรณีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หากไม่ได้พกพาหนังสือเดินทางฉบับจริง สามารถใช้สำเนาหรือภาพถ่ายได้ การไม่พกพาสปอร์ตไม่ถือว่าเป็นความผิด

แต่หากเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจสงสัย ให้ประสานกับ สตม. หมายเลข 1178 หรือตำรวจ ตม.ในต่างจังหวัด ช่วยตรวจสอบข้อมูลกับศูนย์สารสนเทศของ สตม. เพื่อสร้างภาพลักษณ์และบรรยากาศที่ดีต่อการท่องเที่ยว

 

แต่ดูเหมือนจอมแฉชูวิทย์จะไม่พัก ออกมาขยี้ สถานบันเทิง อาบอบนวดใจกลางรัชดาฯ ของอดีตคนเคยรู้จักที่กลายมาเป็นศัตรู ต่อ

โดยแฉธุรกิจนวดได้ปัดฝุ่นแล้วและจะเปิดใหม่อย่างใหญ่โต นั่นคือ เดอะลอร์ด เปลี่ยนชื่อเป็นเดอะพาเลซ และโคปา คาบานา เปลี่ยนชื่อเป็นลาลิซ่า

เจ้าตัวรีบตีปลาหน้าไซ คาดโทษว่า งานนี้ถ้าตำรวจรับส่วยแล้วเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยปละละเลย งานเข้าอีกแน่ เพราะรู้ๆ กันอยู่ เขาเป็นกูรูธุรกิจนี้

เพราะฉะนั้น เห็นที พล.ต.ท.ธิติ ขันน็อตผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ให้ออกนอกแถวอย่างเดียวไม่พอแล้ว เริ่มมีการพูดกันแล้วในวังปารุสก์ ว่า “น.1” ต้องยกเครื่องทีมงานโฆษกใหม่ ให้ทำงานเชิงรุก สามารถชี้แจงข่าวได้ทันท่วงที

เนื่องจากตัว ผบช.น.เอง ทำงานไม่สนกระแส ไม่ค่อยพูดค่อยจา ไม่อยากประชาสัมพันธ์ มุ่งทำคดีให้รัดกุมรอบคอบ ว่ากันตามพยานหลักฐานผิดถูกอย่างเดียว เวลาส่งฟ้องผู้ต้องหาจะได้ไม่หลุด แต่ให้ออกมาชี้แจง ไม่ใช่ “บิ๊กเจ้า”

ทำให้เวลาจอมแฉปล่อยของออกมา ไม่มีทีมโฆษกมารับหน้าเสื่อ แบ่งเบาแรงปะทะ หรือปะ ฉะ ดะ กลับไป ทุกอย่างจึงทะลวงถึงตัว “น.1” เลย

ตอนนี้มีข่าวซุบซิบในแวดวงกรมปทุมวันว่า “บิ๊กเจ้า” ได้คุมนครบาลถึงเมษายน เพราะด้วยความตงฉิน ยอมหักไม่ยอมงอ ไม่อนุโลมธุรกิจสีเทา และความเฮี้ยบต่อผู้ใต้บังคับบัญชาแตกแถว ทำให้ทุกวงการที่เกี่ยวข้องตกอยู่ในสภาวะ “ฝืด”

เพราะฉะนั้น ต้องทำใจยอมรับสภาพว่า “น้ำดี” เพียงน้อยนิดไม่สามารถไล่ “น้ำเสีย” ได้