เผยแพร่ |
---|
การสวมเสื้อปกากญอขึ้นเวทีปราศรัยที่เชียงใหม่เมื่อวันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ทรง ความหมายยิ่งในทางการเมือง
เนื่องจากเสื้อตัวนี้ “ข้างหน้า” กับ “ข้างหลัง” เหมือนกัน เนื่องจากเสื้อตัวนี้ไม่มี”กระเป๋า” ไม่มีอะไรปิดบังและซ่อนเร้น
ยิ่งเมื่อแต่ละคำ แต่ละประโยคได้รับการเปล่งออกมา
“พรรคก้าวไกลคือการเปลี่ยนแปลงที่ไว้ใจได้ เราไม่เคยกั๊ก ไม่เคยกึ่งๆ ไม่มีเงื่อนไขซ่อนอยู่ในกระเป๋า เราพูดมาเสมอไม่มีการจับ มือกับพรรคทหารจำแลง ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐหรือพรรครวมไทยสร้างชาติ
คำตอบเดียว พรรคก้าวไกล คือ พรรคร่วมฝ่ายค้านในตอนนี้”
เหมือนกับจะเป็นการท้าทายต่อพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ ขณะเดียวกัน ก็เป็นการแผ่แบออกมา ณ เบื้องหน้าประชาชนโดยเฉพาะคนเชียงใหม่ คนภาคเหนือ
จึงเท่ากับเป็นการสื่อไปยังพันธมิตรในแนวร่วมพรรคร่วมฝ่ายค้านที่จับมือผนึกพลังตั้งแต่ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ตั้งแต่ยังเป็นพรรคอนาคตใหม่
ณ วันนี้ พันธมิตรนี้ก็ยังดำรงอยู่อย่างเหนียวแน่นมั่นคง
สถานการณ์ทางการเมืองในแต่ละสถานการณ์จึงเป็นด่านทดสอบแหลมคมยิ่งต่อนักการเมืองและต่อพรรคการเมือง
เพราะรากฐานของพรรคการเมืองคือ นักการเมือง
เพราะเมื่อนักการเมืองมารวมกันจนก่อเกิดเป็นพรรคการเมืองขึ้นก็เท่ากับเป็นการประมวลแต่ละความคิดให้ตกผลึกออกมาเป็นแนวทางเป็นนโยบาย
ขอให้ดูตัวอย่างจากสถานการณ์อันเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ก็จะสัมผัสได้ว่ามีผลสะเทือนมาก น้อยเพียงใดเพียงไม่กี่เดือน
จากที่บางพรรคการเมืองไม่คิดจะแตะต้อง ไม่คิดจะเอ่ยถึง แต่เมื่อเกิดสถานการณ์#ทานตะวันแบม#lสิทธิโชค จนรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงยุติธรรมก็มิอาจนิ่งเฉย
ยิ่ง”รัฐสภา”ยิ่งปรากฏ”ญัตติด่วน”และจำต้องเปิดอภิปราย
คำประกาศของพรรคก้าวไกลอันออกจากปาก นายพิธา ลิ้มเจริญ รัตน์ จึงไม่เพียงสะท้อนแนวทางของพรรค หากแต่ยังยืนยันท่าทีต่อสถานการณ์ที่เป็นจริงและดำรงอยู่
เป็นการสื่อไปยังทุกพรรคการเมือง สื่อไปยังทุกนักการเมืองเด่นชัดยิ่งว่าเมื่อเกิดการยุบสภาและสังคมก้าวเข้าสู่กระบวน การการเลือกตั้งอย่างสมบูรณ์ คำถามในเรื่องจุดยืน ท่าทีและแต่ละจังหวะก้าวจะยิ่งรุกเร้าอย่างร้อนรน
เป็นคำถามถึง”ประชาธิปไตย” คำถามถึง”ทางเลือก”