หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๕๘) | ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ | ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๕๘)

 

มนุษย์มีความหลงใหลใน infinity

มนุษย์หลงใหลในนิรันดร

ในทางคณิตศาสตร์ infinity นี้ไม่ใช่จำนวน หากแต่เป็น Unknown มันจึงคิดไม่ได้ บวกลบไม่ได้

และการที่มนุษย์พัฒนามาคิดถึง infinity ได้นี้ ก็เป็นพัฒนาการอย่างหนึ่ง เรามาไกลเอาการ เราพบว่า infinity มีมากกว่าหนึ่งอย่าง ยังมี infinity เหนือ infinity

มีชนชั้นแห่ง infinity

มีความเป็นไปได้ ในการจัดระเบียบ infinity

นี้ช่างน่าพิศวงเหลือเกิน

มองในแง่หนึ่ง เป็นความหลงอย่างที่สุด แต่มองในอีกแง่หนึ่ง มันเป็นความคมอย่างที่สุด

ฉันไม่รู้แน่ชัดว่ามันเป็นอันไหน เพราะเราอยู่ในโลกของ Quantum

 

ฉันประทับใจชาวเผ่าหนึ่ง พวกเขามี Upper Limit แค่ หก

หมายความว่า พวกเขานับเลขได้สูงสุด คือ หก เท่านั้น

มากกว่านั้น ไม่มีความหมาย

ฟังดูช่างล้าหลังอะไรปานนั้น ช่างหลังเขาอะไรเช่นนั้น

เพราะเรารู้จัก เจ็ด แปด เก้า หรือไปไกลถึง infinity

แต่ทว่า หากเรามองในอีกแง่หนึ่ง หก นี้มีความหมายน่าพิศวง

ก่อนอื่น เรามาคิดดู สิ่งสำคัญสำหรับมนุษย์ คืออะไร

ฉันว่า ไม่มีอะไรเกินความรักและความตาย

อะไรคือ Upper Limit ของความรักและความตาย

ที่น่าทึ่งคือ ไม่เกิน หก

ฉันจะตายได้กี่ครั้ง

คำตอบ น่าจะเป็น หนึ่งครั้ง

ต่อให้คิดแบบไปไกลสุด ฉันจะตายได้ หก ครั้งเชียวหรือ

ไปไกลสุดจินตนาการของฉัน

ฉันตายได้ หก ครั้ง

และฉันจะมีความรัก ได้กี่ครั้ง

ในความเป็นจริง ฉันมีความรักได้ไม่กี่ครั้ง เพราะความรักที่แท้จริงดูดพลังงานชีวิตของฉันไปหมด

มันดูดจนตัวฉันฝ่อ และเหือดแห้ง

ที่จริงฉันมีความรักได้แค่ 3-4 ครั้งเท่านั้น

และนี่เป็นการคิดแบบไปไกลสุด บางครั้งฉันคิดว่า ฉันมีความรักได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น

แต่มาคิดให้ไกลสุด ฉันมีความรักได้ หก ครั้ง

และนี้คือ Upper Limit

ซึ่งไม่ได้มากมายอะไรเลย แต่ลึกซึ้ง

พูดแบบง่ายๆ คือฉันรักได้ไม่กี่ครั้ง และตายได้ไม่กี่ครั้ง

ต่อให้ฉันใช้จินตนาการมากเพียงไหน ต่อออกไปอีกมากปานไหน

ฉันก็จะรักและตายได้เพียงไม่กี่ครั้ง

 

มนุษย์กำลังจะเดินทางไปในอวกาศ เดินทางไปสู่หมู่ดาว

เรากำลังมองไปข้างหน้า และลืมมองข้างหลัง

๑๐

เรากำลังคิดถึงความก้าวหน้าครั้งใหญ่ ความยิ่งใหญ่ที่กำลังรอมนุษย์อยู่

แต่เราลืมไปว่า เรากำลังเป็นพาหะของเชื้อโรค แบคทีเรียและไวรัส ที่จะเกาะติดตัวเราไป สู่ดวงดาว และที่ลึกซึ้งคือ พวกมันอยู่ได้ง่ายกว่า ปรับตัวเก่งกว่า พวกมันต้องการเรา ซึ่งเป็นพาหะ มากกว่าที่เราต้องการมัน จากนั้นพวกมันก็จะพัฒนาตัวเองต่อไป ในขณะที่มนุษย์ตายไปแล้ว

หรือสมมุติว่าดาวดวงนั้นมีสิ่งมีชีวิต ซึ่งก็น่าจะเป็นไวรัสหรือแบคทีเรีย ขนาดไวรัสหรือแบคทีเรียบนโลกมนุษย์ เรายังรับมือไม่ได้เลย ทำไมเราหาญท้าไวรัสและแบคทีเรียต่างดาว

ทุกๆ สายพันธุ์ของมัน น่ากลัวสักเพียงไหน

๑๑

มนุษย์ต่อให้ไปถึงดวงดาวได้ แต่จะอยู่ได้นานเท่าไรกัน

แบคทีเรียและไวรัสจากโลกมนุษย์เหล่านั้น หากไปถึง พวกมันจะอยู่อย่างยาวนาน และแพร่ขยายได้ทั่ว

ในความคะนองของมนุษย์

แบคทีเรียและไวรัสเหล่านั้น ยิ่งคะนองกว่า

 

๑๒

มนุษย์หลงใหลในพลังงาน

เรากำลังใช้พลังงานนานาชนิด เช่น

๑ พลังน้ำมัน

๒ พลังถ่านหิน

๓ พลังนิวเคลียร์

๔ พลังน้ำ

๕ พลังลม

๖ พลังดวงอาทิตย์

ด้วยเพราะการใช้พลังงาน เป็นตัวกำหนดอารยธรรมมนุษย์ ยิ่งเรามีพลังงานมากเท่าไร อารยธรรมของเราก็เจริญขึ้นตาม แต่ทว่า ทุกพลังงานต้องมีข้อเสีย พลังงานที่ยิ่งใหญ่ ข้อเสียของมันมีขนาดใหญ่ขึ้นตาม

๑๓

ถ้ามนุษย์ค้นพบพลังงานที่ยิ่งล้ำลึกกว่าพลังนิวเคลียร์ ยกตัวอย่าง

anti-matter

คล้ายหนึ่งจะดียิ่งนัก ด้วยพลังงานอันสุดจะประมาณได้นี้ มีขนาดเท่าเหยือกน้ำหนึ่งเหยือก แต่แล้วจะเกิดอะไรขึ้น หากเกิดอุบัติเหตุ จะไม่มีอุบัติเหตุเลยหรือ

๑๔

ด้วยคำจำกัดความของอุบัติเหตุ คือปรากฏการณ์ที่ไม่คาดคิด หากคาดคิดได้ ก็ไม่มีอุบัติเหตุ แต่ด้วยพลังงานขนาดนี้ ทุกๆ หนึ่งอุบัติเหตุ ดุจหนึ่งการกระเซ็นของหนึ่งหยดน้ำในเหยือก ก็คือหนึ่งซูเปอร์โนวา มันทำลายได้หมดทั้งดวงดาว มนุษย์ก็สามารถดับวูบได้ในพริบตา

๑๕

ฉันมองโลกนี้ด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง เช่น ประเทศฝรั่งเศส เขามีโรงไฟฟ้าปรมาณูมากมาย คล้ายกับว่าเจริญอย่างยิ่งยวด

แต่ทว่า คุณไม่กลัวสงครามจริงหรือ เพราะหากฉันเป็นศัตรูของฝรั่งเศส ทันทีที่เกิดสงคราม ฉันจะโจมตีโรงไฟฟ้าปรมาณูเหล่านี้ทันที และมันจะเผาไหม้คุณทั้งชาติ

ไม่มีปัญหาใด หากโลกนี้ไม่มีสงคราม

แต่โลกนี้ ไม่มีสงครามจริงหรือ