Louis Vuitton Foundation สุดยอดสถาปัตยกรรม ของ ‘บุรุษผู้รวยที่สุดในโลก’

www.flickr.com/Fred Romero

นิตยสาร Forbes ได้ประกาศผลการจัดอันดับอภิมหาเศรษฐีที่รุ่มรวยที่สุดในโลกคนล่าสุดออกมาแล้ว โดยเขาคนนี้ มีสินทรัพย์มากถึง 5% ของ GDP ประเทศฝรั่งเศส

เขาคนนั้นคือ Bernard Arnault วัย 73 ปี CEO ของ LVMH ผู้ผลิตสินค้าแบรนด์หรูอย่าง Louis Vuitton, Christian Dior, Givenchy และร้านขายเครื่องสำอาง Sephora มูลค่าทรัพย์สินรวม 184,700 ล้านดอลลาร์

แซงหน้า Elon Musk ที่มีสินทรัพย์ 164,900 ล้านดอลลาร์ ไปค่อนข้างมากเลยทีเดียวในปีนี้ จากมูลค่าหุ้น Tesla ที่ร่วงลงอย่างมาก และมหากาพย์ Twitter จำนวน 44,000 ล้านดอลลาร์

โดยเมื่อปีกลาย Elon Musk ผู้มีทรัพย์สินเก่าจำนวน 185,400 ล้าน ได้ช่วงชิงตำแหน่ง “บุรุษผู้รวยที่สุดในโลก” มาจาก Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon ก่อนจะถูก Bernard Arnault แย่งชิงไปอีกทอดในปีนี้

Bernard Arnault ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง CEO ของ LVMH ที่ย่อมาจาก Louis Vuitton Moët Hennessy โดย Louis Vuitton เป็นแบรนด์กระเป๋า และเสื้อผ้าแฟชั่น ที่หลายท่านรู้จักดี

ส่วน Moët ก็คือ Moët & Chandon แชมเปญระดับ Luxury ที่โด่งดังในฝรั่งเศส และทั่วโลก ส่วน Hennessy แน่นอน นี่คือสุดยอดคอนญัก และบรั่นดี V.S.O.P. ขวัญใจนักดื่มระดับพรีเมียร์ทุกมุมโลก

สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ ในระยะหลัง ตำแหน่ง “บุรุษผู้รวยที่สุดในโลก” มักมาจากเจ้าของกิจการไฮเทค ไม่ว่าจะเป็น Bill Gates ผู้ก่อตั้ง Microsoft หรือ Jeff Bezos เจ้าของ Amazon และ Elon Musk

แต่ “บุรุษผู้รวยที่สุดในโลก” ปีนี้คือ Bernard Arnault เจ้าของสินค้าแบบย้อนยุค คือข้าวของเครื่องใช้ และสุรา ที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างอภิมหาเศรษฐีรุ่นแล้วรุ่นเล่า

แปลไทยเป็นไทยก็คือ สินค้าพื้นฐานเป็นสิ่งที่โลกยังต้องการไม่แพ้สินค้าไฮเทคนั่นเองครับ

อย่างไรก็ดี แรกเริ่มเดิมที Bernard Arnault “บุรุษผู้รวยที่สุดในโลก” ในปีนี้ แม้ว่าปัจจุบันจะดำรงตำแหน่ง CEO ของ LVMH ทว่า Bernard Arnault ไม่ได้เป็นผู้ก่อตั้ง Louis Vuitton แต่อย่างใด

เพราะแบรนด์ Louis Vuitton นั้น ตั้งขึ้นตามชื่อผู้สร้างมันขึ้นมาคือ Louis Vuitton โดย Bernard Arnault ได้เข้าไปซื้อกิจการเครื่องหนังชื่อดังก้องโลก เอามาปลุกปั้นให้ยี่ห้อเก่าแก่นี้กลับมาโด่งดัง

จากนั้นก็มาซื้อกิจการ Moët คือ Moët & Chandon แชมเปญหรูระดับไฮเอนด์ตามมาด้วยคอนญักระดับพรีเมียมยี่ห้อ Hennessy กลายเป็นกลุ่มธุรกิจ LVMH ที่เป็นอักษรย่อของ Louis Vuitton Mo?t Hennessy นั่นเอง

จนทำให้ Bernard Arnault แตกแขนงธุรกิจออกไป ไม่ว่าจะเป็น Christian Dior, Givenchy, C?line,Cheval Blanc, Pucci, Loewe, Berluti, Arnys และร้านขายเครื่องสำอาง Sephora

กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของฝรั่งเศส และเป็น “บุรุษผู้รวยที่สุดในโลก” จากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes

เหลืออีกภารกิจหนึ่งซึ่ง Bernard Arnault กำลังหาทางเอามาครอบครองให้ได้ นั่นก็คือ Hermès เช่นเดียวกับที่ Bernard Arnault เคยอยากได้ Gucci มาอยู่ในเครือ LVMH มาแล้วในอดีต

ด้วยการแอบไปซื้อหุ้นของ Hermès ในตลาดหุ้นประเทศต่างๆ ในสัดส่วน 17.1% รวมกับหุ้น Hermès เดิมอีก 22.28% เท่ากับ 39.29% แล้วในตอนนี้ และก็เช่นเดียวกับ Gucci ที่ไม่ยอมให้ Bernard Arnault เป็นเจ้าของ

เพราะ Hermès ตั้งบริษัทโฮลดิ้งขึ้นใหม่ โดย Hermès ถือหุ้น 51% เป็นมาตรการป้องกันไม่ให้ Bernard Arnault เข้ามามีอำนาจบริหาร เหมือน Gucci ที่ก็เคยระดมทัพนักธุรกิจฝรั่งเศสที่เป็นคู่แข่งของ Bernard Arnault ให้เข้ามาถือหุ้น Gucci

แม้ว่า Bernard Arnault จะยังไม่สามารถเอา Gucci กับ Hermès มาอยู่ในมือได้ แต่เขาก็ยังเป็น “บุรุษผู้รวยที่สุดในโลก” ในปีนี้จากแบรนด์ Louis Vuitton แค่ยี่ห้อเดียว ถ้ารวม Gucci กับ Hermès ได้เมื่อไหร่ ก็จะยิ่งรวยขึ้นไปอีก

www.flickr.com/Fred Romero

อย่างไรก็ดี ด้วยอายุอานาม 73 ปี Bernard Arnault เริ่มผ่องถ่ายภารกิจดูแล LVMH ให้กับ Delphine ลูกสาวคนโต และ Antoine ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ทั้งคู่เป็นบุตรที่เกิดจากภรรยาคนแรกของเขา

ปัจจุบัน นอกจาก Louis Vuitton แล้ว Delphine ยังรับหน้าที่ดูแลห้องเสื้อ Christian Dior และแบรนด์อื่นๆ ในเครือ LVMH ไม่ว่าจะเป็น C?line, Cheval Blanc, Pucci และ Loewe

ส่วน Antoine ดูแลในส่วนแชมเปญ Mo?t & Chandon และคอนญัก Hennessy นอกจากนี้ ยังมีรองเท้ายี่ห้อ Berluti และล่าสุดเข้าซื้อกิจการของ Arnys ห้องเสื้อหรูแบบสั่งตัด

โดย Berluti เป็นแบรนด์เสื้อผ้าเก่าแก่ที่โลกรู้จักมานาน เพราะมีพรีเซ็นเตอร์ระดับโลกเคียงคู่อยู่เสมอไม่ว่าจะเป็น James Dean, Andy Warhol, Jean Cocteau หรือ G?rard Depardieu

นอกจากนี้ Antoine ยังดูแลหนังสือพิมพ์ Les Echos ของ LVMH อีกด้วย

 

ทั้งหมดนี้ ชี้ให้เห็นว่า Bernard Arnault เจ้าของ LVMH ร่ำรวยมากแค่ไหน เพราะทรัพย์สินเงินทองของเขา เหลือกินเหลือใช้มากเพียงพอที่คิดจะก่อสร้าง Fondation Louis Vuitton หรือ Louis Vuitton Foundation

ให้เป็น “สุดยอดสถาปัตยกรรม” ของ “บุรุษผู้รวยที่สุดในโลก”

โดยเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัว Louis Vuitton Maison Seoul ใจกลางกรุงโซล ท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริด กับสถาปัตยกรรมรูปทรงงดงามแปลกตา ฝีมือ Frank Gehry สถาปนิกผู้ออกแบบ Guggenheim Museum, Bilbao และ Dancing House อันโด่งดัง

โดย Bernard Arnault ได้ว่าจ้าง Frank Gehry ให้เป็นผู้สร้างสรรค์โครงสร้าง Fa?ade ให้เหมือนกับ Fondation Louis Vuitton ในกรุงปารีส

Louis Vuitton Maison Seoul ที่ Frank Gehry ออกแบบ ได้แรงบันดาลใจมาจาก Hwaseong Fortress ป้อมปราการในยุคของอาณาจักรโชซอน เมืองซูวอน ซึ่งได้รับการยกย่องจากองค์การ UNESCO ให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมของประวัติศาสตร์เกาหลี

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Fondation Louis Vuitton พิพิธภัณฑ์ศิลปะรูปทรงสำเภายักษ์ ที่ลอยตัวอยู่เหนือต้นไม้ในสวนสาธารณะใกล้กับ The Eiffel Tower หรือ “หอไอเฟล” กลาง Paris ของเมืองแฟชั่นอันดับหนึ่งของโลก

Frank Gehry และทีมงานกว่า 400 คน ทำงานภายใต้โจทย์ A Magnificent Vessel Symbolizing for Cultural Calling of France หรือการหวนคืนสู่ความงามอันเป็นอัตลักษณ์วัฒนธรรมฝรั่งเศส

Bernard Arnault อยากให้ Louis Vuitton Foundation เป็น Landmark แห่งใหม่ใจกลาง Paris เขาจึงสั่งให้ Frank Gehry เนรมิตสวน Bois de Boulogne ขึ้นมารายล้อม Louis Vuitton Foundation

ภายใต้แนวคิด Sailing หรือการแล่นเรือ โดยใช้กระจกใสจาก Grand Palais ทั้งหมด 3,600 แผ่น ราวกับนั่งเรือ Noah ในจินตนาการสุดล้ำ ข้ามมิติไปสู่โลกอนาคตสไตล์ Avangard

คล้ายกับ Concept ในการ Design รถยนต์ Peugeot หนึ่งในสัญลักษณ์ความสง่างาม และภาคภูมิใจของชาวฝรั่งเศส ที่เป็นการผสมผสาน Function การใช้งาน ให้กลมกลืนกับความงดงามได้อย่างลงตัว

โดย Bernard Arnault ตั้งใจให้ Louis Vuitton Foundation เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่รวบรวม และจัดแสดงผลงานอันเป็นทรัพย์สินของกลุ่มบริษัท LVMH ทั้งหมด

รวมถึงการดำรงตนเป็นศูนย์วัฒนธรรม ผ่านพื้นที่สำหรับจัดคอนเสิร์ต และกิจกรรมต่างๆ โดยมีห้องจัดแสดงงาน 11 ห้อง ทั้งแบบนิทรรศการถาวร กึ่งถาวร และชั่วคราว รองรับทั้งศิลปกรรม จิตรกรรม และประติมากรรม

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แกลเลอรีที่จัดแสดงนิทรรศการแบบร่วมสมัย สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปในแต่ละช่วงเวลาอีกด้วย ผนวกด้วยห้องจัดเลี้ยงที่จุคนได้มากถึง 350 คน

ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง Louis Vuitton Foundation ใช้งบประมาณมากถึง 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4,200 ล้านบาท

แต่แค่นี้ ต้องบอกว่า ขนหน้าแข้งของ Bernard Arnault ไม่ขยับเลยแม้แต่เส้นเดียวครับ!