กัมมันต์ แห่งมีดสั้น ในมือของ เซี่ยวลี้ปวยตอ ต่อ ทารกเบญจพิษ

บทความพิเศษ

 

กัมมันต์ แห่งมีดสั้น

ในมือของ เซี่ยวลี้ปวยตอ

ต่อ ทารกเบญจพิษ

 

ชะตากรรมของลี้คิมฮวงก็ไม่แตกต่างไปจากรถที่มันโดยสารมากับซิมไบ๊ไต้ซือ หลวงจีน 4 และชั้งชิกจากคฤหาสน์เมฆเรืองโรจน์ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่วัดเสียวลิ้มยี่

นั่นเป็นไปตามสำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง

รถได้ล้มตะแคงลง ล้อยังคงหมุนอยู่ไม่หยุดยั้ง ส่งเสียงอันเสียดหูระคายใจตลอดเวลา ในวิกาลเลือนราง ในป่าที่ว้างวังเวง ยิ่งบีบคั้นจิตใจผู้คนจนสั่นไหว

“ล้อรถนี้สมควรเติมน้ำมันได้แล้ว” ย่อมเป็นเสียงพึมพำจากลี้คิมฮวง

ในเวลาและสถานการณ์เยี่ยงนี้ลี้คิมฮวงถึงกับยังคิดถึงล้อรถควรจะเติมน้ำมันหรือไม่ ซิมไบ๊ไต้ซือยิ่งคิดยิ่งรู้สึก

คนผู้นี้ประหลาดพิกลจนไม่อาจหยั่งคำนวณจริงๆ

ตอนนี้ลี้คิมฮวงได้ประคองหลวงจีนชราออกจากตัวรถมาแล้ว ลมหนาวอันคมกริบพัดใส่ใบหน้าของคนทั้งสอง รู้สึกคล้ายมีมีดมากรีด

“ท่านความจริงไม่ต้องทำดังนี้เลย ท่าน ยังคงรีบหนีไปเถิด”

แต่ลี้คิมฮวงกลับทรุดกายนั่งพิงตัวรถ บนฟ้าไม่มีเดือน ไม่มีดาว พื้นแผ่นดินเวิ้งว้างสุดสายตา เงียบวังเวงจนลมพัดใส่กิ่งก้านอันแห้งโกร๋นส่งเสียงหวิดหวิวคล้ายปีศาจคร่ำครวญ

สั่นไหวคล้ายภูตผีมาร่ายรำ

 

ท่าทีของซิมไบ๊ไต้ซือมีความแจ่มชัดต่อลี้คิมฮวง หากไม่แจ่มชัดท่านคงไม่เข้ามาช่วยลี้คิมฮวงจากเงื้อมมืออันมากด้วยความอาฆาตแค้นของชั้งชิก

หากไม่แจ่มชัดท่านคงไม่ชี้แนะ

“ด้วยวิชาตัวเบาของท่านหนีเพียงลำพังยังอาจพอมีความหวัง ไยต้องพาอาตมาให้เป็นห่วงถ่วงทำลายท่าน ท่านเพียงมีจิตเจตนานี้อาตมาแม้ตายก็ไม่มีความเสียใจแล้ว”

ความแจ่มชัดของซิมไบ๊ไต้ซือย่อมหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาว่าลี้คิมฮวงเป็นโจรดอกเหมย

ความแจ่มชัดของซิมไบ๊ไต้ซือย่อมเป็นทิศทางตรงกันข้ามกับความคิดอันมาจากความรับรู้ของลี้คิมฮวง

เป้าหมายของมันยังคงอยู่ที่ “เสียวลิ้มยี่” ไม่แปรเปลี่ยน

เป้าหมายของมันจึงยังไม่เพียงประคองร่างอันอ่อนเปลี้ยของซิมไบ๊ไต้ซือ “ตอนนี้ข้าพเจ้ายิ่งต้องไปให้ได้ เนื่องเพราะมีแต่วัดเสียวลิ้มยี่เท่านั้นที่อาจบางทียังมียาขจัดพิษช่วยชีวิตท่าน”

ยิ่งกว่านั้นมันยังหวังว่าเจตจำนงของมันจะช่วยปลดเปลื้อง “มลทิน”

“หากสามารถเร่งรุดถึงวัดเสียวลิ้มยี่ได้จริงอาตมาต้องหาทางยืนยันว่า ท่านไม่มีความผิด บัดนี้ อาตมาแน่ใจว่าท่านต้องมิใช่บ๊วยฮวยเต๋าเด็ดขาด”

ปมเงื่อนอยู่ตรงที่ “โง้วตั๊กท้งจื้อ” ต้องไม่ยอมปล่อยให้ผ่านมือไปแน่นอน

 

ในสถานการณ์ที่สำนวนแปล น.นพรัตน์ ยืนยัน บนท้องฟ้าไร้เดือน ไร้ดาว พสุธาไพศาลเงียบงันวังเวง ลมหนาวโชยพัดต้นไม้แห้งเหี่ยว คล้ายเหล่าภูตพรายกรีดกรายตามสายลม

ซิมไบ๊ไต้ซือเพียรเพ่งสายตา ยังไม่พบเห็นเงาร่างผู้คนแม้แต่น้อย

ได้ยินลี้ชิ้มฮัวกล่าวเสียงกังวานว่า “เจ้าของถ้ำสุขนิรันดร์ ท่านมาแล้วกระมัง ท่านเมื่อไม่มาข้าพเจ้าจะไปแล้ว”

เป็นการกล่าวในท่ามกลางลมหนาวโชยพัดหวีดหวิว จนไม่ได้ยินสุ้มเสียงผู้คน

ต่อเมื่อซิมไบ๊ไต้ซือกล่าว “ด้วยวิชาตัวเบาของท่านหากหลบหนีไปเพียงลำพังอาจยังมีความหวัง ไยต้องนำอาตมาไปเป็นเครื่องถ่วง ขอเพียงท่านมีน้ำใจเช่นนี้อาตมาแม้ตายก็ปราศจากความเสียใจแล้ว”

พลันได้ยินสุ้มเสียงหนึ่งหัวร่อ

“หลวงจีนเสียวลิ้มยี่ที่เคร่งขรึมสำรวมกลับคบหากับท้ำฮวยเจ้าสำราญ ที่เชี่ยวชาญอบายมุขทุกประเภท นับเป็นเรื่องประหลาดในแดนดินจริงๆ”

เสียงหัวร่อบัดเดี๋ยวไกล บัดเดี๋ยวใกล้ ไม่ทราบว่าถ่ายทอดจากที่ใดกันแน่

 

ร่างของซิมไบ๊ไต้ซือกลับกลายเป็นแข็งทื่อ “นั่นเป็นเจ้าของถ้ำสุขนิรันดร์หรือ” สุ้มเสียงนั้นหัวร่อคิกคักตอบกลับมา “รสชาติของก้อนหมี่ที่เราต้มให้ยังไม่เลวกระมัง”

สร้างความกังขาให้กับลี้ชิ้มฮัวอย่างยิ่ง

กังขาแคลงคลางถึงกับถามว่า “ท่านเมื่อต้องการชีวิตของเรา ท้ำฮวยเจ้าสำราญ ไฉนไม่กล้าปรากฏกาย”

“เรามิต้องปรากฏกายก็สามารถปลิดชีวิตท่านได้”

พร้อมกับความเชื่อมั่นเป็นอย่างสูง “จวบจนถึงคืนนี้ผู้ที่ตายใต้เงื้อมมือเรามีทั้งสิ้น 392 คน มิเพียงไม่เคยมีคนเห็นหน้าเรากระทั่งเงาของเรายังไม่พบเห็น”

ลี้ชิ้มฮัวยิ้มพลางกล่าว

“ข้าพเจ้าทราบมาว่า ท่านเป็นคนแคระแกร็น ขี้ริ้วอัปลักษณ์จนไม่กล้าพบพานผู้คน คิดไม่ถึงว่าคำร่ำลือในยุทธจักรจะเป็นความจริง”

เสียงหัวร่อที่บัดเดี๋ยวไกล บัดเดี๋ยวใกล้ ทั้งแผ่วพลิ้วเลื่อนลอยนั้นพลันชะงักขาดหาย

ชั่วครู่ให้หลังค่อยได้ยินเสียง “หากเราปล่อยให้ท่านตกตายก่อนฟ้าสางสว่าง นับเป็นเรื่องน่าเสียใจมากแล้ว”

แท้จริงนี้เป็น “กลยุทธ์” เดิมที่ลี้ชิ้มฮัวสันทัด

 

ได้ยินคำยืนยันของ “ทารกเบญจพิษ” แห่งถ้ำสุขนิรันดร์เช่นนั้น ลี้คิมฮวงหัวร่อเสียงก้องพลางกล่าวสวน

“ก่อนฟ้าสว่างข้าพเจ้าย่อมไม่ตายแน่นอน แต่ท่านกลับยากจะระบุได้”

เสียงหัวร่อของลี้คิมฮวงยังไม่ขาดหาย พลันมีเสียงเป่าใบไผ่อันประหลาดพิกลดังขึ้นสับสน บนพื้นหิมะมีเงาดำจำนวนมากหลายกำลังเคลื่อนไหว

บ้างใหญ่ บ้างเล็ก บ้างยาว บ้างสั้น

ในความมืด ดูไม่ค่อยออกว่าเป็นสิ่งไรแน่ เพียงแต่ได้กลิ่นคาว ฉุน ลอยตามลมมาเป็นระยะๆ เท่านั้น

ซิมไบ๊ไต้ซือโพล่งขึ้นด้วยความตระหนก

“เบญจพิษพอสำแดง มนุษย์กลายเป็นโครงกระดูก ท่านไม่หนีตอนนี้จะหนีเมื่อใด”

ลี้คิมฮวงคล้ายมิได้ไปฟังหลวงจีนชรากล่าวว่ากระไรเลย ยังคงหัวร่อเสียงกังวาน “ฟังว่าแมลงพิษของเก็กลักตั่งจู๊มีจำนวนหมื่นๆ พันๆ ข้าพเจ้าไฉนจึงเห็นเพียงแต่แมลงเล็กๆ น้อยๆ ไม่กี่ตัวเท่านั้น

หรือพวกมันต่างตายหมดสิ้นแล้ว”

 

เสียงเป่าใบไผ่กระชั้นเร่งร้อน เงาดำบนพื้นหิมะรายล้อมลี้ชิ้มฮัวกับซิมไบ๊ไต้ซือไว้ มีอยู่หลายตัวที่เลื้อยคลานไปถึงข้างเท้าของทั้งสอง

ซิมไบ๊ไต้ซือถึงกับแทบอาเจียนออกมา

ยามนี้ค่อยได้ยินทารกเบญจพิษหัวร่อคิกคัก “เก็กลักตั่ง (หนอนสุขนิรันดร์) ของเรานี้ผสมพันธุ์จากสัตว์วิเศษ 7 ชนิด นอกจากเลือดเนื้อแล้วไม่กินอันใดทั้งสิ้น รอจนพวกท่านทั้งหนังทั้งกระดูกตกไปในท้องของพวกมันจะไม่ตำหนิว่าพวกมันตัวเล็กแล้ว”

ไม่ทันกล่าวจบ พลันปรากฏประกายมีดวูบขึ้นแวบหนึ่ง เซี่ยวลี้ปวยตอ (มีดบินของลี้น้อย) ถูกซัดออกแล้ว

จำเป็นต้องนำสำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง มาประกบ

“เก๊กลักทั้ง (หนอนสุดสำราญ) ของเรานี้ผสมพันธุ์ขึ้นจากหนอนแมลง 7 ชนิด นอกจากเลือดเนื้อไม่กินอาหารอื่นใด รอจนเนื้อหนังของพวกท่านเข้าไปในท้องของมันแล้วท่านก็จะไม่ตำหนิว่าพวกมันน้อยเกินไป”

คำพูดของมันมิทันจบ พลันเห็นประกายมีดขึ้นวูบหนึ่ง เซี่ยวลี้ปวยตอถูกซัดออกจากมือแล้ว

 

ซิมไบ๊ไต้ซือแทบอดมิได้ต้องร้องขึ้นด้วยความแตกตื่นตกใจ หลวงจีนชราทราบ มีดสั้นในมือลี้คิมฮวงเล่มนี้เป็นความหวังสุดท้ายของทั้งสอง

บัดนี้ลี้คิมฮวงกระทั่งยังไม่เห็นเงาฝ่ายตรงข้ามก็ซัดมีดสั้นออก

หากมีดสั้นเล่มนี้ซัดไม่ถูกเป้า ทั้งสองย่อมต้องกลายเป็นโครงกระดูกในพริบตา นี่เป็นการเสี่ยงครั้งสุดท้ายของลี้คิมฮวง

โดยใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน

การพนันครานี้ของลี้คิมฮวงโอกาสได้ชัยน้อยนิดจนเลือนรางยิ่ง ซิมไบ๊ไต้ซือจะอย่างไรก็นึกไม่ถึงว่าลี้คิมฮวงจะวู่วามปานนี้ได้

แต่ขณะเวลานั้น ประกายมีดวูบขึ้นก็หายวับ

หายไปในความมืดเลือนราง แต่ในความมืดกลับมีเสียงแผดร้องที่สั้น กระชั้น แต่เสียดหูเป็นอย่างยิ่งแว่วมา

จากนั้น เงาร่างคนผู้หนึ่งพุ่งออกมาจากเงามืด

ร่างของมันเตี้ยแคระดั่งทารก สวมกระโปรงสั้นตัวหนึ่ง เผยเห็นเท้าเล็กๆ ทั้งสอง มาตรว่าอยู่ในพายุหิมะอันหนาวเหน็บ ยังไม่รู้สึกหนาวแม้สักน้อยนิด

ศีรษะของมันเล็กยิ่ง แต่ดวงตากลับโตใหญ่ดั่งโคม

ตอนนี้ตาทั้งสองคล้ายเปี่ยมประกายหวาดหวั่นและอาฆาตแค้น ถลึงจ้องลี้คิมฮวงแน่วนิ่ง มันคล้ายดังต้องการจะกล่าวกระไรออกมา

แต่ในลำคอมีเพียงเสียงครอก ครอกเท่านั้น ไม่อาจกล่าวได้แม้สักคำเดียว

 

ทุกอย่างสำเร็จด้วยฝีมือและฝีมือนั้นดำรงอยู่บนรากฐานแห่งกลยุทธ์ ทั้ง “โยนหินถามทาง” และ “ล่อเสือออกจากถ้ำ”

เป็นการต่อสู้ในความมืดและในความเคลื่อนไหว

เป้าหมายของลี้คิมฮวงต้องการประการเดียว นั่นก็คือ ให้ได้ยินเสียง ให้ได้จับอาการเคลื่อนไหวของทารกเบญจพิษ

เซี่ยวลี้ปวยตอจึงจะสามารถเปล่งอานุภาพได้อย่างมีกัมมันตะ