ป.ป.ช.ยกคำร้อง ‘จำนำข้าว’ ภาค2 คนเพื่อไทย ‘ปักใจ’ การเมืองไม่สุจริตบิดเบือน-ปั่นค่าเสียหายมากเกินจริง

(Photo by PORNCHAI KITTIWONGSAKUL / AFP)

มหากาพย์คดีจำนำข้าวภาคสองที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีพรรคเพื่อไทย มาตั้งแต่ยุครัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” จนมาถึงปัจจุบัน เพื่อสกัดกั้นการแลนด์สไลด์พรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง ดูท่าจะทำให้พรรคเพื่อไทยกลับมายิ้มกว้างได้อีกครั้ง

เมื่อล่าสุด ป.ป.ช.ได้ยกคำร้องไม่สามารถชี้มูลเอาผิด ทั้ง “ทักษิณ ชินวัตร”, “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และ “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย

จากการกล่าวอ้างของ “นายบุญทรง เตริยาภิรมย์” เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ที่ระบุว่ามีเทปบันทึกการสนทนาลับที่โรงแรมชื่อดังระหว่างที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณโฟนอินเข้ามาหานายบุญทรง น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนางเยาวภา เพื่อสั่งการระบายข้าวจีทูจีนั้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นเพียงการกล่าวอ้างของนายบุญทรง ไม่มีเทปลับบทสนทนาดังกล่าวอยู่จริง

จึงไม่มีพยานหลักฐานใหม่ที่จะนำตัวบุคคลทั้ง 3 มาพิจารณา ให้ข้อกล่าวหาตกไป

“นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์” นักวิชาการด้านการเกษตรสมัยใหม่ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการ “The Politics ข่าวบ้านการเมือง มติชนทีวี” ถึงประเด็นจำนำข้าว นโยบายหลักในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีทางการเมืองตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน คือผลจากการเมืองสกปรกแต่สร้างความเสียหายหนักให้กับชาวนา

นโยบายจำนำข้าวสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนโยบายที่ถูกโจมตีมาโดยตลอด คิดว่านโยบายนี้เป็นความผิดพลาดของพรรคเพื่อไทยหรือไม่?

(Photo by LILLIAN SUWANRUMPHA / AFP)

ผมคิดว่านโยบายจำนำข้าว สมัยรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นอกจากจะไม่ใช่ความผิดพลาดแล้ว มันยังคือความสำเร็จครั้งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์การแทรกแซงราคาข้าวของประเทศไทย แต่มันคือความผิดพลาดหรือความเสียค่าของสังคมไทย ที่ถูกการเมืองสกปรก สาดสี ให้ร้ายจนกระทั่งโครงการดีๆ นี่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยนะครับ กลายเป็นว่าคนนอกภาคการเกษตร คนที่ไม่ใช่ชาวนา คนชั้นกลางในเมือง กลับมองโครงการจำนำข้าวสมัยนั้นว่ามีการโกงกินมากที่สุด ซึ่งตรงข้ามกับความเป็นจริง

สมัยจำนำข้าวของรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ใช้งบประมาณในการอุดหนุนโครงการ 5 ฤดูกาลผลิต ตั้งแต่นาปี 2554-2555 จนถึงนาปี 2556 จำนำข้าวไป 55 ล้านตัน ใช้เม็ดเงินลงทุนไป 518,000 ล้านบาท ปรากฏว่าผลตอบแทนที่ได้รับเข้ามาที่เกิดจากโครงการจำนำข้าวคือ ชาวนาได้รับเงินจากการขายข้าวเปลือกมากขึ้นกว่าการไม่จำนำ 460,000 กว่าล้านบาท

เงินที่ได้มากขึ้นนั้น ก่อให้เกิดอานิสงส์หมุนในทางเศรษฐกิจ รัฐเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นอีก 110,000 ล้านบาท รวมแล้วผลประโยชน์ทั้งหมดของโครงการรับจำนำสมัยนั้น ลงทุน 518,000 ล้านบาท ได้คืนมา 578,000 ล้านบาท กำไร 54,000 กว่าล้านบาท เกิดกำไรสุทธิประมาณ 10% และกำไรนี้ถ้าเอาเฉพาะตัวเม็ดเงินที่ชาวนาได้สี่แสนกว่าล้านบาท

เทียบกับเงินที่รัฐใส่เข้าไปในการจำนำสมัยนั้น ถือว่าจ่ายไปหนึ่งร้อยถึงมือชาวนา 89-90% ซึ่งในอดีตการแทรกแซงไม่ว่าจะจำนำในเวอร์ชั่นเก่าๆ หรือการประกันสมัยไหนก็ตาม ไม่เคยใส่เงินเข้าไปแล้วผลประโยชน์ตกถึงมือชาวนาได้มากเท่าสมัยคุณยิ่งลักษณ์

แต่สังคมตีตราเข้าใจผิด เพราะมันเป็นเกมทางการเมือง ตัวโครงการผมยกตัวอย่าง มันเหมือนกับเราบริหารป่าทั้งผืน มีต้นไม้เป็นล้านๆ ต้น บริหารกำลังดี คนที่รับประโยชน์เป้าหมายอันดับหนึ่งจากโครงการจำนำข้าวคือชาวนาถูกไหมครับ คุณไปถามได้เลยครับ ผมว่าร้อยทั้งร้อยก็ตอบว่าดีที่สุดในประวัติศาสตร์

แต่ถ้าถามคนที่ไม่ใช่ชาวนา คนที่บริโภคข่าวสารอยู่ในเมืองก็จะบอกว่าจำนำข้าวไม่ดี เพราะเทคนิคในการโจมตีคือการที่เขาไปเอ็กซเรย์ต้นไม้บางต้นในป่าแล้วบอกว่าต้นไม้กำลังเป็นพิษ มีเชื้อรากำลังจะตาย

คนในเมืองไม่รู้ข้อเท็จจริงก็เออออเห็นว่ามันตายจริง แล้วบอกทั้งป่ามันเป็นอย่างนี้หมด จะให้เลิก มันคือผลจากการโจมตีทางการเมือง

วิธีทำให้โครงการมันดูขาดทุนเขาทำกันยังไงรู้ไหมครับ หนึ่งคือข้าวที่รัฐบาลรับจำนำ สีเป็นข้าวสารเก็บในสต๊อก เก็บได้แค่ปีเดียวข้าวยังดีอยู่เลย แต่ปรากฏมันมีกระบวนการไปโจมตีว่าข้าวเน่าๆ แล้วก็มีคนรับลูกต่อ ข้าวในโกดังก็จะถูกตีราคา ตัดราคาลงไปเกือบ 20% ผ่านไปอีกสี่เดือนตัดอีก 20% ผมจำได้มีข้าวสารอยู่ล็อตหนึ่ง 4 ล้านตัน ข้าวเพิ่งอายุได้ปีเดียว ตามงานวิจัยซึ่งแม้กระทั่ง TDRI ซึ่ง ป.ป.ช.ใช้เป็นฐานในการวินิจฉัยเรื่องนี้ก็เคยทำงานวิจัยว่าข้าวสารที่เก็บในโกดัง เก็บ 3 ปี 4 เดือน เสื่อม 3.24% แต่อันนี้ข้าว 1 ปี ภายใน 4 เดือนหลังจากนั้นตีเสื่อมคุณภาพไป 40% ข้าวประมาณ 6 ล้านตัน คุณไปตีราคาต่ำกว่าความเป็นจริงว่ามันเสื่อม ซึ่งจริงๆ มันไม่เสื่อม เท่ากับมูลค่าในสต๊อกหายไป 24,000 ล้านบาท

สอง บอกขาดทุน เงินลงทุน 518,000 ล้านบาท นี่คือขาดทุน ซึ่งมันไม่ใช่ จะถือว่าขาดทุนก็ต่อเมื่อ ถ้าเราไม่ถือว่าผลประโยชน์ที่ชาวนาได้เป็นผลประโยชน์ของประเทศ แต่ถ้าเราถือว่าสิ่งที่ชาวนาได้เพิ่มเป็นผลประโยชน์ของประเทศด้วยอย่างนี้ต้องเรียกว่ากำไร เพราะฉะนั้น เวลาประกันก็ถือว่าเงินประกันที่ชาวนาได้เป็นผลประโยชน์ของประเทศ แต่จำนำข้าว กำไรที่ขายข้าวเปลือกได้ราคาดีขึ้นไม่ตีว่าเป็นผลประโยชน์ของประเทศ อันนี้น่าเสียดาย

จำนำข้าวเป็นเรื่องที่คนเข้าใจผิดจากขาวเป็นดำ ด้วยอิทธิฤทธิ์วิทยายุทธ์ทางการเมือง ผมอยากถือโอกาสนี้ในการตั้งข้อสังเกต กรณีที่บอกว่ามีตำหนิต้นไม้บางต้น มีการรั่วไหล มีการระบายข้าวจนถึงขั้นศาลตัดสินลงโทษจำคุกว่าระบายข้าวทุจริต “จีทูเจี๊ยะ” มีการจับผิดว่ารัฐมนตรีสมัยนั้นระบายข้าว อ้างว่าเป็น “จีทูจี” แต่ไปสืบดูแล้วมันไม่ใช่จีทูจี เป็นการขายให้พรรคพวกกันเอง ซึ่งในสำนวนที่ว่าแทบไม่มีตัวเลขมาโชว์ให้เห็นเลยว่าขายไปราคาเท่าไร ถ้าเทียบกับขายจีทูจีจริงๆ มันต่างกันไหม

ในมุมมองผมนะ จีทูจี, จีทูเจี๊ยะ ไม่ใช่สาระสำคัญ สาระสำคัญคือคุณระบายข้าวได้ราคาเท่าไร และถ้าเป็นจีทูจีสมัยนั้นข้าวสเปกเดียวกันจริง ผมมองว่าคนเข้าใจประเด็นคลาดเคลื่อน สังเกตไหมครับกระแสสังคมตอนนั้นเขาตีว่าจีทูเจี๊ยะ แค่จีทูเจี๊ยะก็ขีดเส้นใต้สองเส้นว่าขี้โกง

บางส่วนที่สังคมมองว่ามีปัญหา ส่วนตัวยอมรับไหมว่ามีปัญหาจริงไหม?

(Photo by LILLIAN SUWANRUMPHA / AFP)

ผมเชื่อว่ามันมีแน่ โครงการใหญ่ระดับใช้เงินห้าแสนกว่าล้าน เกี่ยวข้องกับคนเป็นสิบๆ ล้านคน เกี่ยวกับข้าราชการเป็นหมื่นเป็นแสนคน เอาเทวดาที่ไหนมาบอกว่ามันบริสุทธิ์ 100% ไม่มีรั่วไหล ผมไม่เชื่อ มีแน่นอน แต่ผมเป็นนักธุรกิจ ผมทำการค้า เวลาเราทำการใหญ่ทำอะไรก็ตามจะคิดแบบนักวิชาการที่จะรอให้ความผิดพลาดเป็นศูนย์มันเป็นไปไม่ได้ ผู้บริหารเขาต้องดูภาพใหญ่ เล็กๆ เดี๋ยวไปตามเก็บได้ นักบริหารเขาไม่รอสมบูรณ์แบบ 100% แล้วค่อยเดินหน้า ถ้าขืนรออย่างนั้นอีกหนึ่งศตวรรษก็ยังไม่เริ่ม

ฉะนั้น ในทางบริหารต้องถามว่าโครงการนี้ ตัวเจ้าภาพจริงๆ ก็คือชาวนาซึ่งเป็นเป้าหมายของโครงการ ต้องการไปเติมเงินรายได้ให้เขาได้ผลประโยชน์ อันนี้เป็นสาระสำคัญ ที่ถามว่าคิดว่าเป็นความผิดพลาดไหม ผมว่าเป็นความสำเร็จที่น่าชื่นชมแต่น่าเสียดายที่มันไปเจออิทธิฤทธิ์วิทยายุทธ์ของการเมืองสกปรก ทำให้สังคมเข้าใจผิดและเกิดการลงโทษ เกิดการให้ร้ายอย่างไม่เป็นธรรม

นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ ย้ำในช่วงท้ายว่าถ้าเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติมาวัด ประเด็นจำนำข้าว ถือว่าเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยโดนใส่ร้ายมาตลอด โดยเอาเรื่องเล็กๆ มาทึกทักว่าทั้งหมดเป็นความผิดพลาด ใช้เทคนิคในการนำเสนอ ทำให้คนเข้าใจผิด จูงใจให้คนเห็นต้นไม้ต้นสองต้นมันมีตำหนิ แล้วก็โน้มน้าวจนคนเชื่อว่าทั้งป่า

ซึ่งเป็นผลจากการเมืองสกปรกล้วนๆ