พรรคใหม่ที่ไม่มีวันชนะของเผด็จการ | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

ทั้งที่คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาลที่ยังคงมีอำนาจเต็มเพราะไม่ยอมประกาศยุบสภา

แต่ความเป็นจริงคือประเทศวันนี้มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี

รัฐมนตรีสนใจเรื่องการแสวงหาอำนาจในอนาคตยิ่งกว่าการแก้ปัญหาประเทศ และแทบไม่มีใครทำงานเพื่อประชาชนที่ถูกอ้างว่าเป็นเจ้าของประเทศที่แท้จริง

ขณะที่คุณประยุทธ์กับคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ เอาเวลาหลวงไปลงพื้นที่โดยแทบไม่ทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน

รัฐมนตรีก็หมกมุ่นกับการใช้ตำแหน่งหน้าที่หาเสียงจนทำงานเพื่อประชาชนจริงๆ น้อยมาก

ไม่เว้นแม้แต่ ส.ส.ที่กล้าทำขั้นลาออกจากการเป็นผู้แทนราษฎรไปเป็นสมาชิกพรรคฝ่ายรัฐบาล

ถ้าไม่ใช่คนที่ได้ประโยชน์จากรัฐบาลหรือเกลียดฝ่ายค้านจนขาดสติ พฤติกรรมทั้งหมดของรัฐบาลตอนนี้ไม่เหลืออะไรให้ควรเป็นรัฐบาลต่อไป

และแม้แต่รัฐบาลเองก็ไม่เหลือเครื่องมือในการสร้างความนิยมเพื่อให้ประชาชนเลือกกลับมาเป็นรัฐบาลอีกเช่นกัน

เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งปี 2562 ที่ฝ่ายรัฐบาลชูยุทธศาสตร์ “เลือกความสงบจบที่ลุงตู่” โดยใช้กลุ่มคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และพวกสร้างกระแสว่าคนไทยจะรวยภายใต้นายกฯ เผด็จการ ความจนอย่างต่อเนื่องหลังปี 2557 และการไม่ทำตามนโยบายที่แถลงไว้ทำให้ประชาชนไม่มีแรงจูงใจเลือกคุณประยุทธ์แม้แต่นิดเดียว

 

แม้คุณประยุทธ์จะยังไม่ยอมเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคใด แต่หลังจากที่คุณไพบูลย์ นิติตะวัน ประกาศว่าพลังประชารัฐจะเสนอคุณประวิตรชิงนายกฯ คนเดียว พรรคซึ่งเข้าข่ายเสนอคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ได้ก็มีแค่พรรครวมไทยสร้างชาติ, พรรคคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ, พรรคคุณเสกสกล อัตถาวงศ์ และพรรคหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม เท่านั้นเอง

ไม่ว่าคุณประยุทธ์จะสืบทอดอำนาจต่อด้วยพรรคใด เส้นทางแห่งการดิ้นรนเป็นนายกฯ ล้วนต้องอาศัยพรรคซึ่งแกนนำเป็น ส.ส.สอบตกทั้งหมด แต่ในเมื่อคนเหล่านี้ไม่มีคะแนนนิยมแม้แต่จะพาตัวเองเข้าสภา ไม่มีความสามารถสร้างนโยบายสาธารณะ จึงไม่มีทางทำให้คุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ได้เลย

จุดเด่นของพรรคการเมืองกลุ่มนี้คือป้ายสีคนอื่นว่าต่อต้านสถาบัน แต่ผลการเลือกตั้งปี 2562 ก็เป็นบทพิสูจน์แล้วว่าการโหนได้คะแนนอย่างมากก็เท่ากับพรรคสุเทพที่มี ส.ส.แค่ 5 คน ขณะที่การเลือกตั้งในปี 2566 จะเกิดขึ้นในบรรยากาศที่เปลี่ยนไปจากปี 2562 จนพรรคโหนได้ ส.ส.เกิน 5 ก็บุญ

อาจมีผู้โต้แย้งว่าพลังประชารัฐและภูมิใจไทยก็อ้างว่าเป็นพรรคปกป้องสถาบัน แต่ความต่างก็คือทั้งสองพรรคไม่ได้สุดโต่งจนวันๆ เอาแต่ชี้หน้าด่าคนอี่นเป็นพวกล้มเจ้าอย่างพรรคหนุนประยุทธ์ ยิ่งไปกว่านั้นคือทั้งสองพรรคมี ส.ส.ในสังกัดมากขณะที่พรรคหนุนประยุทธ์อื่นๆ ไม่มีเลย

 

ถ้าคุณประยุทธ์จะยึดประเทศในตำแหน่งนายกฯ ตามที่ตั้งใจ พรรคหนุนคุณประยุทธ์ต้องมี ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 25 ซึ่งเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำในการเสนอชื่อนายกฯ แต่ด้วยเงื่อนไขที่พรรคเหล่านี้แค่เอาตัวเข้าสภายังยาก โอกาสที่พรรคกลุ่มนี้โดยตัวเองจะมี ส.ส.มากกว่า 25 จึงแทบไม่มีทางเป็นไปได้โดยสิ้นเชิง

กองเชียร์ประยุทธ์มักอ้างว่าคุณประยุทธ์กระแสแรง แต่ไม่ว่าจะในโพลไหน คุณแพทองธาร ชินวัตร และพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ล้วนมีคะแนนนิยมดีกว่าคุณประยุทธ์ ความแรงของคุณประยุทธ์จึงแรงเมื่อเทียบกับคุณประวิตร, คุณวราวุธ ศิลปอาชา, คุณสมคิด หรือคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แต่อ่อนระโหยโรยราเมื่อเทียบกับคนที่แรงกว่าคุณประยุทธ์ขึ้นไป

ตรงข้ามกับ “แพทองธาร” และ “พิธา” ที่มีคนหนุนเป็นนายกฯ เกือบทุกภาคทั่วไทย คุณประยุทธ์มีคนอยากให้เป็นนายกฯ แค่ภาคใต้ซึ่งพรรคหนุนคุณประยุทธ์มีศักยภาพจะชนะเลือกตั้งน้อยมาก กระแสคุณประยุทธ์แบบนี้จึงสูญเปล่า เพราะแทบไม่มีทางทำให้คุณประยุทธ์ได้ ส.ส.ภาคใต้ได้เลย

หากคุณประยุทธ์ตั้งสติมองการเมืองมากกว่าเพ้อตามเสียงอวยของก๊วนเชียร์ คุณประยุทธ์ย่อมเห็นความจริงว่า “กระแส” คุณประยุทธ์ในปี 2565 ไม่มีทางเท่ากับ “กระแส” คุณประยุทธ์ในปี 2562 ซึ่งเต็มที่ก็ทำให้พรรคคุณสุเทพที่ชูคุณประยุทธ์ได้ ส.ส.เขตมาแค่คนเดียวในจังหวัดชุมพร

สำหรับคนที่มีความรู้บัญญัติไตรยางค์ ป.4 อย่างดีที่สุดที่คุณประยุทธ์จะทำได้ในการเลือกตั้งภาคใต้ปี 2566 คือมี ส.ส.หนึ่งคนเท่าพรรคคุณสุเทพในปี 2562 เคยทำได้

แต่เมื่อคำนึงถึง “กระแส” ของคุณประยุทธ์ที่เสื่อมถอยอย่างมาก แม้กระทั่งการได้ ส.ส.คนเดียวก็อาจต้องปิดค่ายทหารฉลองกันเลย

 

ถ้าคุณประยุทธ์เข้าใจระบบเลือกตั้งมากเท่ากับความอยากใช้การเลือกตั้งสนองตัณหาการเมือง คุณประยุทธ์ควรเข้าใจว่าอย่างเดียวที่จะเกิดกับคุณประยุทธ์หลังเลือกตั้ง 2566 คือการถูกนักการเมืองสายเชียร์หลอกเอาเงินไปใช้จนหมดตัว หากคุณประยุทธ์ใช้เงินตัวเองทำงานการเมืองจริงๆ

ทางเดียวที่คุณประยุทธ์จะมี ส.ส.มากพอจะหนุนตัวเองเป็นนายกฯ คือการ “ดูด” ส.ส.กลุ่ม Safe Seat ซึ่งลงเมื่อไรก็ได้แน่ แต่นักการเมืองกลุ่มนี้มีทั้งที่ได้เพราะสังกัดพรรคที่ประชาชนนิยมจริงๆ, ขยันลงพื้นที่ต่อเนื่อง, ใช้เงินซื้อเสียงเยอะ รวมทั้งตั้งตัวเป็นผู้มีอิทธิพลจนไม่ให้ใครลงเลือกตั้งแข่งเลย

เดิมพันคุณประยุทธ์คือการเป็นนายกฯ ให้นานที่สุดเพื่อป้องกันการเช็กบิล พรรคฝ่ายคุณประยุทธ์จึงจำเป็นต้องดูดทุกฝ่ายเพื่อให้ได้เข้าทำเนียบ แต่ไม่ใช่ว่าทุกฝ่ายจะยอมให้คุณประยุทธ์ดูดตามใจชอบ เพราะคนที่ได้เป็น ส.ส.จากความขยันและความนิยมต่อพรรคนั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งคุณประยุทธ์เลย

เมื่อมองการเมืองไทยตามความเป็นจริง นักการเมืองกลุ่ม “บ้านใหญ่” ซึ่งเรียกแบบวิชาการว่ากลุ่ม “ตระกูลนักการเมือง” (Political Dynasty) คือคนกลุ่มที่ต้องการเป็นพันธมิตรกับคุณประยุทธ์มากที่สุด เพราะคุณประยุทธ์คือทางลัดที่ทำให้คนเหล่านี้ได้ความคุ้มครองจากรัฐหรือองค์กรรัฐทันที

ตรงข้ามกับนักการเมืองปกติที่ชัยชนะในการเลือกตั้งมาจากพรรคหรือการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องของบุคคล นักการเมืองกลุ่มนี้ชนะเลือกตั้งเพราะอิทธิพลในพื้นที่ซึ่งต่อยอดจากธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ จนจำเป็นต้องมีอำนาจ, เข้าถึงผู้มีอำนาจ หรือเป็นนายเหนือผู้มีอำนาจเพื่อหากินหรือปกป้องตัวเอง

ไม่ว่าคุณประยุทธ์จะรู้ตัวหรือไม่ เส้นทางสู่ทำเนียบปี 2566 คือเส้นทางที่จะพาคุณประยุทธ์ไปบรรจบผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นในคราบนักการเมืองที่ต้องใช้เส้นสายกับทหาร-ตำรวจ-มหาดไทย

ผลก็คือคุณประยุทธ์ที่คุยโวว่ารัฐประหารเพื่อปฏิรูป จะกลายเป็นสัญลักษณ์ของการเมืองสกปรกที่สุดกว่าทุกคน

 

ด้วยการรัฐประหารและทำทุกทางให้เป็นรัฐบาล คุณประยุทธ์แสดงออกนานแล้วถึงความเป็นคนที่ทำอะไรก็ได้เพื่อให้มีอำนาจไม่รู้จบ การร่วมมือกับนักการเมืองสายเชียร์หรือผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นเป็นเรื่องที่คุณประยุทธ์ทำให้เห็นตั้งแต่เป็นรัฐบาลปี 2562 จนไม่แปลกที่จะทำอีกในการทำพรรคตัวเอง

แม้ตอนนี้จะมีเจ้าพ่อและนักการเมืองแนวผู้มีอิทธิพลทยอยเข้าพรรคหนุนคุณประยุทธ์หลายราย แต่สิ่งที่นักการเมืองกลุ่มนี้ต้องการคืออำนาจรัฐเพื่อคุ้มครองการทำเรื่องนอกกฎหมาย คุณประยุทธ์ที่โอกาสเป็นนายกฯ ต่อร่อแร่จึงไม่ใช่ทางเลือกเดียวสำหรับนักการเมืองสายพันธุ์นี้อย่างแน่นอน

เมื่อเทียบกับพรรคการเมืองอื่นที่เน้นดูดนักการเมืองกลุ่ม “บ้านใหญ่” หรือ “ตระกูลการเมือง” อย่างเพื่อไทย, พลังประชารัฐ และภูมิใจไทย บ้านใหญ่และตระกูลการเมืองที่สังกัดพรรคประยุทธ์ล้วนเป็นแถว 2 ของนักการเมืองกลุ่มนี้จนส่วนใหญ่เป็นรัฐมนตรีสมัยแรกหรือ ส.ส.สมัยแรกเท่านั้นเอง

หากคุณประยุทธ์ตั้งสติแล้วใช้สมองวิเคราะห์สถานการณ์ตัวเองอย่างจริงจัง คุณประยุทธ์จะเห็นว่าพรรคหนุนคุณประยุทธ์คือที่รวมของนักการเมืองที่สังคมรังเกียจเกือบหมด คนเหล่านี้ได้ประโยชน์จากการอยู่กับคุณประยุทธ์ทั้งแง่ “กระแส” และ “กระสุน” แต่คุณประยุทธ์ต่างหากที่ไม่ได้อะไรเลย

ขณะที่คุณประยุทธ์มีโอกาสแพ้เลือกตั้งจนถูกคนหัวเราะเยาะในปี 2566 หรือหมดวาระในปี 2568 คนเหล่านี้มีโอกาสเป็น ส.ส.จนถึงปี 2570 ส่วนคุณประยุทธ์จะเป็นได้แค่ลุงแก่ๆ ที่เกษียณอายุแต่ยังอยู่บ้านหลวงพร้อมเงินมรดกที่ร่อยหรอเพราะถูกนักการเมืองสายเชียร์ดูดแทบหมดตัว

คุณประยุทธ์กำลังเข้าสู่การเลือกตั้งปี 2566 ในสภาพไม่ต่างกับซากเดินได้ ประชาชนไม่พอใจคุณประยุทธ์จนทางเลือกทางการเมืองของคุณประยุทธ์เหลือนิดเดียว

อนาคตคุณประยุทธ์หลังเลือกตั้งปีหน้ามีแค่จะแพ้แบบถูกคนสมเพชทั้งประเทศ หรือไม่อย่างนั้นก็ยอมยงธงขาวลาเวทีแต่โดยดี