‘ChatGPT’ เอไอที่ใครๆ ก็พูดถึง | จิตต์สุภา ฉิน

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

ภาพแคปเจอร์หน้าจอบทสนทนาภาษาอังกฤษระหว่างมนุษย์และ ChatGPT แชตบ็อตปัญญาประดิษฐ์นับเป็นภาพยอดฮิตที่คนบนโซเชียลมีเดียทั่วโลกแชร์กันหนาตาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเพราะทุกคนต่างก็ตื่นตะลึงในความสามารถของแชตบ็อตว่ามันโต้ตอบได้ฉะฉานเป็นธรรมชาติราวกับเรากำลังคุยอยู่กับมนุษย์ไม่ปาน

ChatGPT คือแชตบ็อตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เราสามารถพิมพ์ข้อความเพื่อแชตพูดคุยกับมันได้ด้วยภาษาที่เราใช้ทุกวันนี้อย่างเป็นธรรมชาติ ถามคำถามต่างๆ หรือใช้งานให้มันช่วยทำนู่นทำนี่ให้

อย่างเช่น ให้เขียนอีเมลแทนเรา เขียนเรียงความ หรือแม้กระทั่งเขียนโค้ดคอมพิวเตอร์ ซึ่ง ChatGPT สร้างขึ้นโดย OpenAI บริษัทที่วิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์โดยเฉพาะและเพิ่งจะเปิดให้สาธารณชนได้ลองใช้ ChatGPT กันเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมานี้เอง

จุดเด่นของ ChatGPT คือเราสามารถพูดคุยกับมันได้แทบทุกเรื่อง เพียงแค่พิมพ์คำถามเข้าไป ChatGPT ก็จะให้คำตอบมาแบบที่เรียบเรียงให้อ่านเข้าใจง่าย

อย่างเช่น ถามว่าจะไปเที่ยวญี่ปุ่น 3 วัน ควรจะวางแผนเที่ยวอย่างไรดี

ChatGPT ก็จะตอบมาเป็นตารางการเที่ยวในแต่ละวันพร้อมคำบรรยายอย่างละเอียด พร้อมให้เราเที่ยวตามได้เลย โปรแกรมเมอร์บางคนให้ ChatGPT ช่วยตรวจสอบโค้ดคอมพิวเตอร์ที่เขียนให้ว่ามีจุดไหนผิดพลาดหรือแม้กระทั่งให้มันเขียนโค้ดให้ตั้งแต่ต้นจนจบ

สาเหตุที่ ChatGPT สามารถให้คำตอบกับทุกคำถามได้ก็เพราะว่ามันผ่านการฝึกฝนเรียนรู้จากข้อมูลมหาศาลที่มนุษย์ป้อนเข้าไป และสอนให้สามารถโต้ตอบได้เป็นธรรมชาติผ่านวิธีที่เรียกว่า Reinforcement Learning from Human Feedback หรือการใช้เทรนเนอร์ AI ที่เป็นมนุษย์มาช่วยฝึก

คุณผู้อ่านอาจจะสงสัยว่าแล้วความแตกต่างระหว่างการพิมพ์ถาม ChatGPT กับการเสิร์ชด้วยเสิร์ชเอนจิ้นอย่าง Google คืออะไร ในเมื่อเราก็ได้คำตอบที่ต้องการเหมือนกัน ความแตกต่างก็คือเสิร์ชเอนจิ้นทำหน้าที่เพียงแค่แสดงผลหน้าเว็บต่างๆ ที่ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้งานค้นหาเพื่อช่วยให้ได้คำตอบที่ตรงที่สุด ส่วน ChatGPT นั้นไม่มีความสามารถในการเสิร์ชข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต แต่มันจะใช้ข้อมูลที่ได้มาจากการเทรนนิ่งแล้วนำมาสร้างเป็นคำตอบให้

ข้อดีของการถามข้อมูลจาก ChatGPT ก็คือเราได้คำตอบที่ร้อยเรียงมาแล้วให้อ่านเข้าใจง่าย อ่านปุ๊บก็ได้คำตอบที่ต้องการปั๊บ เหมือนถามเพื่อนแล้วเพื่อนพิมพ์ตอบมาให้ เราไม่ต้องเสียเวลาเลือกคลิกลิงก์เอง นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้คนทั่วโลกรู้สึกตื่นตะลึงกับ ChatGPT มาก

เมื่อ ChatGPT สามารถตอบเกือบทุกคำถามที่คนถามได้ ความกังวลที่จะตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ก็คือมันจะเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาของเด็กนักเรียนทั่วโลกไปอย่างไรบ้าง

อย่างเช่น เวลาอาจารย์ให้นักเรียนเขียนเรียงความ ที่ผ่านมานักเรียนบางคนอาจจะใช้วิธีคัดลอกมาจากอินเตอร์เน็ตซึ่งสามารถตรวจสอบได้ไม่ยาก แต่ถ้านักเรียนให้ ChatGPT เขียนเรียงความให้ (ซึ่งทำแน่นอน) ก็จะตรวจสอบยากกว่าเดิม

ผู้เชี่ยวชาญที่ติดตามเรื่องนี้ใกล้ชิดให้ความเห็นที่น่าสนใจมากว่า อย่ามองว่า ChatGPT จะทำให้ระบบการศึกษาแย่ลงเพราะเกื้อหนุนให้นักเรียนโกงง่ายขึ้น

แต่ให้คิดใหม่ว่าสถาบันการศึกษาเองก็จะต้องคิดค้นวิธีการเรียนการสอนแบบใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนเพื่อดึงความคิดสร้างสรรค์จากนักเรียนออกมา

คล้ายๆ กับการที่สมัยก่อนเราเคยกังวลว่าเครื่องคิดเลขจะทำให้คนคำนวณเลขด้วยตัวเองไม่ได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเราก็ค่อยๆ ทำความเข้าใจว่ามันเป็นเครื่องมือที่จะช่วยทำให้เราคิดและเรียนคณิตศาสตร์ในแบบที่สลับซับซ้อนมากขึ้น

ดังนั้น บุคลากรในระบบการศึกษาที่อยู่ในยุค ChatGPT หรือแชตบ็อต AI ใดก็ตามที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้สามารถปรับตัวได้ด้วยการเปลี่ยนวิธีให้การบ้านใหม่

อย่างเช่น การให้เด็กทำพรีเซนเตชั่นแบบวิดีโอหรือดิจิทัลที่แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนแทนการให้เขียนเรียงความหรือการทำข้อสอบแบบเดิมๆ

ผู้เชี่ยวชาญยังบอกอีกว่าให้มองข้ามช็อตไปเลยว่าทักษะที่เราคิดว่าเป็นทักษะที่สำคัญ อย่างทักษะการเขียนเรียงความสั้นๆ หรืองานเขียนแบบง่ายๆ จะไม่สำคัญเท่าเดิมอีกต่อไปแล้ว

 

ยังมีรูปแบบการใช้ ChatGPT อีกหลายแบบที่น่าสนใจมาก อย่างเช่น การใช้ ChatGPT เพื่อคุยกับคู่เดตที่จับคู่กันผ่านแอพพลิเคชั่นหาคู่เดตออนไลน์ พอจับคู่ได้ปุ๊บ ก็พิมพ์เข้าไปให้ ChatGPT ช่วยคิดประโยคเปิดให้ แล้วก็ก๊อบแปะส่งไปหาคนนั้น

บางคนก็ให้ ChatGPT ช่วยเขียนกลอนจีบสาวให้ ความเก่งกาจของมันก็คือเราสามารถขอให้มันเขียนประโยคจีบแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับคนที่เรากำลังคุยได้เลย

อย่างเช่น ระบุว่าขอประโยคจีบสาวที่กำลังยกเวตอยู่ มันก็เด้งมาแนะนำว่าให้พูดว่า “คุณจะว่าอะไรไหมถ้าผมจะขอนั่งสักหน่อย เห็นคุณทำท่ายกเวตแบบนั้นแล้วขาผมก็อ่อนเปลี้ยไปหมด”

ตัวฉันเองทำอาชีพเป็นคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ ก็นึกสงสัยเหมือนกันว่า ChatGPT จะมาเปลี่ยนการทำงานของฉันได้อย่างไรบ้าง

ฉันก็เลยสั่งให้ ChatGPT ช่วยเขียนบทถ่ายคลิปวิดีโอรีวิวสมาร์ตโฟนรุ่นหนึ่งให้หน่อย

ผลลัพธ์ที่ได้มาก็คือ มันสามารถวางโครงเรื่องสคริปต์การทำคลิปรีวิวให้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ว่าฉันจะต้องเริ่มเปิดคลิปอย่างไรบ้าง ควรเกริ่นถึงจุดเด่นของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ก่อน จากนั้นก็แบ่งเนื้อหาออกเป็นหมวดหมู่ เริ่มจากพูดถึงดีไซน์ของโทรศัพท์ รายละเอียดจอ หน่วยความจำ กล้องถ่ายรูป ฟีเจอร์ที่โดดเด่น ฯลฯ ไปจนถึงสรุปจบ โดยที่สคริปต์ที่ ChatGPT ให้มาก็คือ โครงร่างแบบเดียวกันกับการรีวิวสินค้าไอทีที่นักรีวิวทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้น จึงพร้อมให้หยิบมาใช้ออกแบบคลิปวิดีโอได้เลย

แต่ถ้าถามว่ามันจะทำหน้าที่แทนคนเขียนสคริปต์ได้ไหม

ฉันก็คิดว่าอาจจะยังไม่ถึงกับแทนที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบเพราะโครงเรื่องที่ได้มาก็จะเป็นโครงเรื่องแบบพื้นฐานที่ใครๆ ก็ทำเหมือนกันทั้งหมด ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ที่แสดงออกถึงตัวตนของครีเอเตอร์แต่ละคน และแน่นอนว่าไม่มีไอเดียแปลกใหม่

ดังนั้น ในฐานะคนทำคอนเทนต์ฉันคิดว่า ChatGPT อาจจะสามารถช่วยแบ่งเบางานชิ้นเล็กๆ ได้บ้างแต่ไม่เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้ไอเดียที่โดดเด่นและแตกต่าง

ซึ่งฉันก็เชื่อว่าบทสรุปนี้ยังเป็นจริงกับอีกหลายๆ สาขาอาชีพที่จะนำ ChatGPT ไปปรับใช้ด้วยเหมือนกัน

 

สําหรับการพูดคุยกับ ChatGPT ในเรื่องอื่นๆ ถึงแม้ว่ามันจะดูแสนรู้และคล่องแคล่วแค่ไหนแต่ในความเป็นจริง ChatGPT ก็มีข้อจำกัดการใช้งานอยู่ไม่น้อย

ข้อจำกัดที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือคุณภาพของคำตอบที่มันให้ เพราะหลายๆ ครั้งเป็นคำตอบที่อ่านเผินๆ ดูดี แต่หากพยายามทำความเข้าใจแบบลงลึกจริงๆ ก็จะพบว่ามีแต่น้ำไม่มีเนื้อ และอาจจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องหรือดีที่สุดเสมอไปด้วย

ดังนั้น ในตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องมอง ChatGPT ว่าเป็นอะไรที่มากกว่าเครื่องมืออีกชิ้นหนึ่ง

“ChatGPT เป็นโมเดลแมชชีนเลิร์นนิ่งที่ถูกเทรนมาด้วยชุดข้อมูลภาษามนุษย์ชุดใหญ่และสามารถสร้างข้อความที่คล้ายมนุษย์ได้ อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้มีความสามารถในการที่จะเข้าใจหรือหยั่งรู้ความหมายของคำที่มันสร้างได้อย่างถ่องแท้ในแบบที่มนุษย์ทำได้ มันเป็นแค่เครื่องมือสร้างตัวอักษรบนพื้นฐานของข้อมูลที่มันได้รับการฝึกฝนมาเท่านั้น”

อ่านแล้วก็ต้องเชื่อเพราะฉันไม่ได้เขียนเอง ที่อ้างอิงมาทั้งย่อหน้านี้ ChatGPT พูดถึงตัวมันเองล้วนๆ