GUILLERMO DEL TORO’S PINOCCHIO ‘เรื่องเก่าเล่าใหม่’

นพมาส แววหงส์

ชื่อ “กีเลร์โม เดล โตโร” ที่ตีตราบอกยี่ห้ออย่างภาคภูมิมาด้วยในหนังล่าสุดของเขาที่สร้างจากนิทานเกี่ยวกับหุ่นไม้กลายเป็นคน ที่เรารู้จักคุ้นเคยกันดี ทำให้หนังการ์ตูนที่เรียกว่า stop-motion animation เรื่องนี้ สะดุดตาสะดุดใจและต้องไม่พลาด

กีเลร์โม เดล โตโร เป็นผู้กำกับฯ ประเภทที่เรียกว่า auteur คือผู้กำกับฯ ที่ไม่ได้ทำหน้าที่กำกับแต่อย่างเดียว แต่คิดคอนเซ็ปต์ของเรื่องราวหรือเขียนบทขึ้นเองด้วย ผลงานที่น่าจดจำของเขา คือ Pan’s Labyrinth และ The Shape of Water ที่ได้รับการกล่าวขวัญอย่างมากมาย

ก่อนที่จะลงมือเขียนถึงหนังเรื่องปัจจุบันของเขานี้ ได้กลับไปค้นดูบทความเก่าที่เคยเขียนไว้สำหรับหนัง Pinocchio (2019) ที่เป็น live action (ใช้คนแสดง) ซึ่งกวาดรางวัลไปเยอะพอดู และมีโรแบร์โต เบนิญญี เล่นเป็นช่างสลักไม้

เลยถือโอกาสยกข้อความตอนเกริ่นเข้าเรื่องจากคอลัมน์ภาพยนตร์เมื่อสามปีที่แล้วมาไว้ในที่นี้เลยนะคะ จะได้ไม่ต้องเขียนใหม่

“หลายคนคงรู้จักเรื่องราวของพินอคคิโอ ซึ่งเป็นหุ่นไม้ที่มีรูปร่างหน้าตาเป็นเด็กชาย ซึ่งพูดได้ เดินได้ และชอบโกหก ซึ่งก็ถูกจับได้ทุกที เพราะทุกครั้งที่โกหก จมูกของเขาจะยาวขึ้น และพินอคคิโอมีความใฝ่ฝันที่จะได้เป็นคนที่มีเลือดเนื้อจริงๆ

เรื่องราวนี้แพร่หลายในวงกว้างในวัฒนธรรมมวลชนจากหนังแอนิเมชั่นของดิสนีย์ใน ค.ศ.1940 ซึ่งเป็นหนังการ์ตูนคลาสสิคที่จดจำกันได้มากที่สุดเรื่องหนึ่ง

นิทานหรือเทพนิยายเรื่องพินอคคิโอมีที่มาจากปลายปากกาของคาร์โล คอลโลดี ชาวอิตาเลียนเมื่อ ค.ศ.1883 ในลักษณะของการผจญภัยของหุ่นไม้ซุกซน เกเร ไม่เชื่อฟัง และหาเรื่องใส่ตัว จนพลัดหลงจากพ่อผู้สร้างเขาขึ้นมา ไปในโลกกว้าง และพาตัวเองเข้าสู่สถานการณ์ที่เข้าตาจนหลายครั้งหลายหน โดยมีนางฟ้าใจดีคอยช่วยเหลือ

เมื่อนึกถึงเรื่องพินอคคิโอที่สร้างจากมือมนุษย์ และกลายเป็นมนุษย์ไปในที่สุดนั้น ผู้เขียนมักนึกโยงไปถึงปกรณัมปรัมปราของกรีกโบราณ เรื่องของประติมากรชื่อ พิกเมเลียน ที่ปั้นหุ่นผู้หญิงและงามหยาดฟ้ามาดิน จนตัวเองหลงรัก และเฝ้าอธิษฐานขอให้รูปปั้นนั้นกลายเป็นคนจริงๆ ขึ้นมา

แต่ขณะเดียวกัน ก็นึกไปถึงหนังของสตีเฟน สปีลเบิร์ก เรื่อง A.I. Artificial Intelligence (2001) ซึ่งเป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งของพินอคคิโอด้วย เพียงแต่เป็นหนังอนาคตกาลซึ่งพินอคคิโอกลายเป็นหุ่นปัญญาประดิษฐ์ที่อยากเป็นคน และผจญภัยในโลกกว้าง ผ่านกาลเวลา ไปจนได้เจอ “นางฟ้าสีน้ำเงิน” ที่จะเสกให้เขากลายเป็นมนุษย์

เรื่องราวของพินอคคิโอสร้างแรงบันดาลใจให้ศิลปินนำมาเล่าใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่จบสิ้น….”

เอาล่ะค่ะ ต่อติดแล้วจากนี้โดยไม่ต้องเขียนเกริ่นอีกที

แอนิเมชั่นแบบ “สต็อป โมชั่น” คือ การถ่ายหนังด้วยการจัดองค์ประกอบภาพสามมิติของฉาก ตัวละคร แสง ฯลฯ แล้วถ่ายภาพทีละเฟรม แล้วจัดความเคลื่อนไหวถ่ายอีกเฟรมไปเรื่อยๆ จนนำมาต่อกันให้ดูเหมือนว่าตัวละครนั้นเคลื่อนไหว

เฮ้อ…นึกๆ ดูความพากเพียรที่กว่าจะเอามาต่อกันให้ได้ความยาวเกือบสองชั่วโมง ก็เหนื่อยสลบแทนแล้วล่ะค่ะ

หนังเล่าเรื่องโดยใช้ตัวจิ้งหรีด ที่คราวนี้มาในชื่อ “เซบาสเตียน เจ. คริกเก็ต” (ให้เสียงโดยยวน แม็กเกรเกอร์) เป็นผู้เล่า เซบาสเตียนมีอาชีพเป็นนักเขียนพเนจรร่อนเร่ หาวัตถุดิบมาเขียนหนังสือขาย เขาเริ่มด้วยการบอกว่าเรื่องที่เขาจะเล่าเกี่ยวกับพินอคคิโอที่ใครๆ คงคุ้นเคยอยู่นี้ ยังไม่เคยมีใครเล่ามาก่อน

และแล้วก็เล่าย้อนไปถึงเจปเปตโต (ให้เสียงโดยเดวิด แบรดลีย์) ช่างแกะสลักไม้ในหมู่บ้าน ยังมีลูกชายวัยสิบขวบ คาร์โล อยู่ด้วย สองพ่อลูกรักและสนิทกันมาก จวบจนวันหนึ่งคาร์โลเสียชีวิตจากลูกระเบิดที่ทิ้งลงใส่โบสถ์โดยไม่รู้ตัว และไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง เนื่องจากนักบินโจมตีกำลังบินกลับฐานโดยยังมีลูกระเบิดเหลืออยู่ในเครื่อง เพื่อลดโหลดให้เบาลง เลยกดปุ่มปล่อยระเบิดทิ้งลงไปโดยไม่มีเป้าหมาย ผลก็คือระเบิดไปลงที่ตัวโบสถ์ในหมู่บ้าน ขณะที่เจปเปตโตเพิ่งออกจากโบสถ์ที่เขาไปแกะสลักรูปพระเยซูไม้ และคาร์โลลืมของ (ลูกสน) ทิ้งไว้เลยขอตัววิ่งกลับเข้าไปเอา

เจปเปตโตเศร้าโศกเสียใจจนไม่เป็นทำอะไร เอาแต่ดื่มเหล้าและคร่ำครวญอยู่หลายปี จนลูกสนที่เขาเก็บมาทิ้งไว้ใกล้หลุมศพลูกชาย เติบโตขึ้นมาเป็นไม้ใหญ่

และนั่นคือตอนที่จิ้งหรีดนักประพันธ์เข้ามาพำนักอาศัยในโพรงไม้

เจปเปตโตโค่นต้นไม้นั้น และลากเอาไปแกะสลักเป็นหุ่นไม้เด็กผู้ชายอย่างหยาบๆ และยังทำไม่เสร็จด้วยซ้ำ เมื่อตอนที่นางไม้ (เสียงโดยทิลดา สวินตัน) ยื่นมือเข้ามายุ่งกับมนุษย์ โดยเสกให้หุ่นมีชีวิตขึ้นเพื่อให้มาเป็นลูกชายของเจปเปตโตแทนคาร์โล โดยตั้งชื่อว่าพินอคคิโอ

หุ่นไม้ที่มีชีวิตขึ้น ต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตในโลก ท่ามกลางสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งอิตาลีตกอยู่ใต้เผด็จการมุสโสลินี ความปลิ้นปล้อนโลภมากของเจ้าของคณะละครเร่ เคาน์วอลเป (เสียงโดยคริสตอฟ วอลต์ซ) ความต้องการให้พ่อรักโดยพยายามทำตัวเหมือนคาร์โลที่ตายไป และความเจ็บปวดเสียใจที่คนในครอบครัวพลั้งปากพูดใส่หน้ากันด้วยอารมณ์ร้อนแรงโดยไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ ฯลฯ

และเหนือสิ่งอื่นใด คือประเด็นที่ใหญ่กว่านั้นในเรื่องของชีวิตและความตาย พินอคคิโอเผชิญหน้ากับความตายหลายครั้งหลายหน แต่ความที่เขาเป็นหุ่นไม้ เขาจึงมีชีวิตนิรันดร ขณะที่คนรอบข้างของเขาจะต้องพลัดพรากจากไป

ที่มนุษย์เรามองเห็นคุณค่าของชีวิต ก็เพราะเรารู้ว่าชีวิตนั้นแสนสั้น เรามีเวลาไม่นานนักที่จะต้องใช้ชีวิตอย่างมีค่า ไม่ใช่ทิ้งเปล่าไปวันๆ โดยไร้จุดหมาย

หนังมีข้อคิดคมคายหลายประเด็นเกี่ยวกับความหมายของการมีชีวิต การพลัดพราก ความรักความผูกพัน และความตาย

เห็นชื่อนักแสดงระดับแนวหน้าที่มาแต่เสียงพากย์ ไม่ได้โผล่หน้ามาให้เห็น แล้วก็ต้องประทับใจกับทีมงานค่ะ

เคท บลานเช็ตต์ ให้เสียงสำหรับลิงบาบูนชื่อ สแปซซาตูรา ซึ่งส่วนมากได้แต่ส่งเสียงเจี๊ยกจ๊ากไม่เป็นภาษามนุษย์ แต่มีอยู่ฉากเด็ดฉากเดียวที่เสียงของเธอชนะเลิศกินขาดไปเลย

ทิลดา สวินตัน ให้เสียงในสองบทบาท คือ นางไม้ และความตายซึ่งมาในร่างของสัตว์ประหลาดคล้ายสฟิงซ์ แต่ก็ไม่ใช่สฟิงซ์ เพราะลำตัวเหมือนงูยักษ์ โดยสรุปก็คือ สวินตันเป็นทั้งผู้ให้ชีวิตและผู้พรากเอาชีวิตไป

ขณะที่เกรกอรี มานน์ ให้เสียงในสองบทเหมือนกัน คือ คาร์โล และ พินอคคิโอ ซึ่ง “เคยเป็น” และ “อยากจะเป็น” ลูกชายของเจปเปตโต พินอคคิโอได้เรียนรู้ในที่สุดว่าเขาได้ความรักของพ่อมาจากความเป็นตัวของเขาเอง ไม่ใช่จากความพยายามที่จะเปลี่ยนตัวของเขาให้ไปเป็นคาร์โล

ผู้กำกับฯ อย่างเดล โตโร ไม่พลาดที่จะสอดแทรกความหมายดีๆ เข้ามาในเรื่องราวที่เขาเล่าให้เราฟังบนจอภาพยนตร์หรอกค่ะ

อ้อ จะถือว่าเป็นมิวสิคัลก็ได้นะคะ เพราะมีเพลงสอดแทรกเป็นการเล่าเรื่องอยู่เป็นระยะๆ บางเพลงก็ชวนซาบซึ้งเลยเชียว อย่างเช่น Ciao Papa เป็นต้น

เป็นหนังที่ดูจบแล้ว อยากดูซ้ำอีกหนเพื่อเก็บรายละเอียดและซึมซับความหมายต่างๆ •

GUILLERMO DEL TORO’S PINOCCHIO

กำกับการแสดง

Guillermo del Toro, Mark Gustafson

ให้เสียง

Guillermo del Toro, Mark Gustafson

Ewan McGregor

David Bradley

Gregory Mann

Tilda Swinton

Cate Blanchett

 

ภาพยนตร์ | นพมาส แววหงส์