ป่วน! ศาลถอนประกาศตั้ง ‘นายพล’ เปิดใจช้ำ พล.ต.ต.วันไชย ผู้ฟ้อง ‘ไม่ได้กินดีหมีแต่ขอความเป็นธรรม’

คําอธิบายของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายกฎหมายรัฐบาล ดูเหมือนผู้เกี่ยวข้องคลายความกังวลใจได้อักโข

กรณีศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ลงวันที่ 7 กันยายน 2565 อันเนื่องจากมติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในการประชุมครั้งที่ 8/2565 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2565 เห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ลงมาถึงผู้บังคับการ (ผบก.) วาระประจำปี 2565 เฉพาะส่วนที่ไม่มีรายชื่อ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงผู้บัญชาการ (ผบช.)

โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี มีผลใช้บังคับ และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับวิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา ว่า ก.ตร. และนายกรัฐมนตรี จะต้องไปพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเฉพาะในส่วน พล.ต.ต.วันไชย ให้ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ภายใน 30 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุดนั้น

ถ้าจำกันได้ คือ “บัญชี 254 นายพล” ที่ “บิ๊กป้อม” ทำหน้าที่ประธาน ก.ตร.ใช้เวลารวดเดียว 1 ชั่วโมง เคาะโผตามบัญชีเดิมที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำไว้ก่อนยุติปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ หลังศาลรับคำร้องวาระดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปีแล้วหรือไม่

นายวิษณุชี้ประเด็นให้เห็นว่า “บิ๊กป้อม” ทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี คือเป็นนายกรัฐมนตรีนั่นเอง ปรับ ครม. ยุบสภายังได้เลย และนับประสาอะไรจะไปเป็นประธาน ก.ตร.ไม่ได้

“ไม่ได้วิตกอะไร เรื่องนี้มีเจ้าหน้าที่เตรียมอุทธรณ์อยู่แล้วภายใน 30 วัน และยืนยันว่า พล.อ.ประวิตรในขณะนั้นมีอำนาจเต็ม” รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายรัฐบาลระบุ

กระบวนการหลังจากนี้สำนักนายกรัฐมนตรีต้องอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางไปยังศาลปกครองสูงสุด

แว่วมาว่าสำนักสีกากีมีการเตรียม “ทางออก” ไว้แล้ว

ย้อนไปดูรายละเอียดคำพิพากษาศาลปกครองกลางให้เหตุผลว่า คดีนี้ ปรากฏข้อเท็จจริงในวาระประจำปี 2565 มีตำแหน่ง ผบช.ว่าง 16 ตำแหน่ง โดยรอง ผบช.ที่มีสิทธิเลื่อนขึ้นแต่งตั้งเป็น ผบช. 134 คน

มาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ได้บัญญัติหลักเกณฑ์เพื่อใช้ในการคัดเลือกไว้ว่า ในการคัดเลือกข้าราชการตำรวจเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ผบ.ตร. หรือ ก.ตร. จะต้องพิจารณโดยคำนึงถึงความอาวุโส ประวัติการรับราชการ ผลการปฏิบัติงาน ความประพฤติ และความรู้ความสามารถ

หลักเกณฑ์หรือองค์ประกอบในการคัดเลือกที่บัญญัติในมาตรา 57 แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าวนี้ถือเป็นหลักเกณฑ์หรือองค์ประกอบในการคัดเลือกที่มีความสำคัญ และในการนำหลักเกณฑ์หรือองค์ประกอบในการคัดเลือกดังกล่าวมาใช้ในการคัดเลือกเพื่อป้องกันมิให้ ผบ.ตร. หรือ ก.ตร. ใช้อำนาจในการคัดเลือกตามอำเภอใจ

อีกทั้งกรณี ผบ.ตร.คัดเลือกข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นแล้ว เสนอรายชื่อให้ ก.ตร.พิจารณาให้ความเห็นชอบ

ถึงแม้ ก.ตร.จะชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาลว่า ผบ.ตร.ได้ให้จเรตำรวจแห่งชาติและรอง ผบ.ตร.ทุกคนเข้าร่วมกับ ผบ.ตร. ในการคัดเลือกก็ตาม

แต่จเรตำรวจแห่งชาติและรอง ผบ.ตร. เข้าร่วมในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของ ผบ.ตร. มิใช่เข้าร่วมในฐานะเป็นกรรมการที่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในการคัดเลือก

การที่ ผบ.ตร.มีอำนาจในการคัดเลือกเพียงคนเดียว จึงมิใช่การคัดเลือกตามระบบคุณธรรม

ตลอดจนในการพิจารณาของ ก.ตร. เพื่อให้ความเห็นชอบข้าราชการตำรวจเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นนั้น เมื่อได้พิจารณาสำเนารายงานการประชุมของ ก.ตร.ดังกล่าว เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2565 ในวาระการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ วาระประจำปี 2565 แล้ว ไม่มีการสรุปว่ามีกรรมการของ ก.ตร.อภิปรายในระเบียบวาระดังกล่าว

มีรายงานว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบข้าราชการตำรวจเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น จึงถือว่าที่ประชุมไม่มีอภิปรายในระเบียบวาระนี้ ไม่ได้เป็นการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือองค์ประกอบที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และกฎ ก.ตร.

ประกอบกับคุณสมบัติ “พล.ต.ต.วันไชย” รอง ผบช.ภ.8 อยู่ในหลักเกณฑ์และองค์ประกอบในการคัดเลือกที่สูงกว่าข้าราชการตำรวจที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นอย่างน้อยจำนวน 2 คน ซึ่งก็คือลำดับที่ 8 และลำดับที่ 9

“พล.ต.ต.วันไชย” จึงเป็นผู้ที่เหมาะสมในการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น วาระประจำปี พ.ศ.2565 มากกว่าข้าราชการตำรวจในลำดับที่ 8 และลำดับที่ 9

แต่ลำดับที่ 8 และลำดับที่ 9 ได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นตามมติของ ก.ตร.

การที่ ก.ตร.มีมติเห็นชอบข้าราชการตำรวจเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเฉพาะในส่วนที่ไม่มีรายชื่อ “พล.ต.ต.วันไชย” ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผบช. จึงเป็นการใช้ดุลพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 

สําหรับ พล.ต.ต.วันไชย ไม่ได้จบ นรต. รับราชการในพื้นที่ภาค 8, 9 เป็นส่วนใหญ่ จนขึ้นเป็นรอง ผบก.ระนอง,รอง ผบก.พังงา, รอง ผบก.นครศรีธรรมราช และเลื่อนเป็น ผบก.นครศรีธรรมราช ต่อมาอัพขึ้นรอง ผบช.ภ.8 แล้วโยกเป็นรอง ผบช.สยศ.ตร. สไลด์กลับมารอง ผบช.ภ.8 อีกครั้ง เกษียณอายุราชการปี 2566

คนวงในทราบกันดีว่า รอง ผบช.ภ.8 คนนี้มีความใกล้ชิดกับ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และบิ๊ก “2 พี่น้องตระกูล ป.”

ก่อนฤดูแต่งตั้งโยกย้ายเป็น “เต็งจ๋า” ผบช.ภ.8 แต่ปรากฏประกาศไม่ได้ขยับเก้าอี้

ใครๆ รู้จักนายพลคนนี้ ต่างงงที่เจ้าตัวฟ้องศาลปกครอง สงสัยว่าไปกินดีหมีหัวใจเสือที่ไหนมา เพราะปกติไม่ใช่คนกล้าดีเดือด

เจ้าตัวเปิดใจว่า ไม่ได้กินดีหมีหัวใจเสือ แต่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากโยกย้ายแต่งตั้ง ทั้งๆ ในการปฏิบัติหน้าที่ได้ทุ่มเทการทำงานตลอดรับราชการ มีคุณสมบัติครบ แล้วไปเจอระบบอุปถัมภ์ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งปีเดียวได้ขึ้น ทำให้องค์กรเสียหาย ภาพลักษณ์ตำรวจตกต่ำ จึงต้องใช้สิทธิ์ทางศาล เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม และไม่ให้ตำรวจรุ่นหลังต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกับตนเองอีก

จากนี้ไปรอดูบทสรุป คดีนี้กระเทือนซางผู้เกี่ยวข้องแต่งตั้งโยกย้ายนายพลสีกากีแค่ไหน?