สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร | ยุบแน่ แต่ยื้อสุดๆ

สถานีคิดเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

 

ยุบแน่ แต่ยื้อสุดๆ

 

แม้สมัยประชุมสภา”สุดท้าย”เปิดมาไม่กี่วัน

แต่เราสัมผัสได้ถึง ความเข้มข้นของเกมช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองที่รุนแรงชัดเจน

ตั้งแต่การล้มพ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ของพรรคก้าวไกล ที่รัฐบาลดูเหมือนจะชิงความได้เปรียบมาอยู่ฝ่ายตนอย่างมีเขี้ยวคม

ด้านหนึ่ง เตะตัดขาพรรคก้าวไกลมิให้ผลักดันเรี่องนี้ให้สำเร็จ

ขณะอีกด้านก็ไปใช้วิธีแก้กฏกระทรวงการคลังคลายกฏการคุมสุราลง”บ้าง”

เพื่อสามารถอ้างได้ว่ารัฐบาลไม่ขัดกับแนวทางสุราก้าวหน้า

แต่กลุ่มทุนสุราก็คงรับได้กับแนวทางนี้ เมื่อเทียบกับการปล่อยให้เป็นไปตามทิศทางของพรรคก้าวไกล

ส่วนเรื่องร้อนอย่างกรณีพ.ร.บ.กัญชงกัญชา แม้จะได้เห็นการขัดแย้งของพรรคร่วมอย่างภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์

แต่หากดูท่าทีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บอกนักข่าวอย่างอารมณ์ดีว่า”เป็นเรื่องของสภานะจ๊ะ”

สะท้อนว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่กังวลสักเท่าไหร่

หากพ.ร.บ.กัญชงกัญชาผ่านก็ร่วมเคลมเป็นผลงานรัฐบาลด้วย

แต่หากไม่ผ่านก็พอจะอธิบายได้ว่ารัฐบาลรับฟังเสียงทุกฝ่าย

ปล่อยให้ภูมิใจไทยแบกภาระไปอธิบายกับชาวบ้านเองว่าทำไมพูดแล้วทำไม่ได้

ล่าสุด ที่สภาผู้แทนราษฎร มีมติท่วมท้น 323 ต่อ 0 ผ่านญัตติด่วน “ให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการให้มีการออกเสียงประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่พร้อมกับการเลือกตั้ง”

แม้จะเป็นญัตติด่วนของเพื่อไทย และก้าวไกล

แต่รัฐบาลก็ไม่ขวาง แถมยังกระโดดตามแห่ พร้อมจะให้มีการทำประชามติ

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังไม่จบ ต้องผ่านวุฒิสภาก่อน

ซึ่งหากจะปกป้องรัฐธรรมนูญแป๊ะต่อไป ก็อาจยืมมือส.ว.คว่ำก็ได้ แต่ตอนนี้รัฐบาลขอร่วมเคลมกับฝ่ายค้านไปก่อน

ดังนั้นอาจกล่าวโดยสรุปว่า ถึงเกมในสภาจะ”แรง”

แต่กระนั้นพล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล คงประเมินแล้วว่ายังสามารถพลิกให้เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตนได้อยู่

ดังนั้น การคาดหมาย โดยเฉพาะจากฝ่ายค้านว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะรีบชิงยุบสภา จึงไม่น่าจะเกิดขึ้น

เรื่องโจ๊ก บนโต๊ะอาหารหลังประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะยุบสภา “วันที่ 31 กุมภาพันธ์” ตอกย้ำว่า การยุบสภาคงไม่เกิดในเร็ววัน

น่าจะยื้อออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

อย่างไรก็ตาม มีการประเมิน ว่า พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ยื้อถึงขนาดอยู่สภาครบวาระในวันที่ 23 มีนาคม 2566

เพราะถ้าครบ วาระ ส.ส.และผู้จะลงเลือกตั้ง จะถูกล็อกด้วยข้อกำหนด จะต้องสังกัดพรรค ภายใน 90 วัน

ซึ่ง ตรงนั้น อาจจะเป็นปัญหาสำหรับส.ส.และผู้จะลงเลือกตั้ง

แต่หากยุบสภาก่อนครบวาระแม้เพียงวันเดียว ล็อกตรงนั้นจะสลายไปเปลี่ยนเป็น หากมีการยุบสภาส.ส.และผู้ลงเลือกตั้งจะต้องสังกัดพรรคภายใน 30 วันเท่านั้น

มีเวลาเพียงพอที่จะย้าย เปลี่ยน หรือบริหารจัดการ พรรคได้สะดวกขึ้น

ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่า ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่สุกงอมว่าจะใช้พรรคใดเป็นฐานในการเสนอชื่อตนเองเป็นนายกฯ

หากพล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ไปต่อกับพรรคพลังประชารัฐ ก็ต้องหาพรรคใหม่

ซึ่งตอนนี้ ที่พูดถึงกันมาก คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่อยู่ระหว่างการเตรียมการ

แต่น่าสังเกตุ แกนดำเนินการ อย่างนายพีระพันธ์ สารีรัฐวิภาค ก็ดูเหมือนจะไม่รีบ สอดคล้องกับท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์

เหมือนจะรู้กันว่า “พอมีเวลาอยู่”

จึงมีการประเมินและคาดการว่า หากไม่มีอุบัติเหตุทางการเมืองร้ายแรง

พล.อ.ประยุทธ์คงไม่ยุบสภาเร็วๆนีเ

หากจะยื้อออกไป ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

————–