ครูล่วงละเมิดทางเพศ น.ร. สะเทือนวงการศึกษาไทย นักวิชาการ…ร่วมไขต้นตอปัญหา??

ครูล่วงละเมิดทางเพศ น.ร. สะเทือนวงการศึกษาไทย นักวิชาการ…ร่วมไขต้นตอปัญหา??

 

เหตุการณ์ “ล่วงละเมิดทางเพศ” ในสังคมไทย นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการล่วงละเมิดทางเพศใน “โรงเรียน” ที่ส่วนใหญ่มักเกิดจาก “ครู” กระทำต่อ “ลูกศิษย์” ของตน!!

ปัญหาครูล่วงละเมิดทางเพศนักเรียน ถือเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก นับวันยิ่งฝังรากลึกในวงการศึกษาไทย สร้างความหดหู่ใจ และทำให้สังคมเสื่อมศรัทธากับ “แม่พิมพ์” อยู่เป็นระยะๆ จนทำให้โรงเรียน หรือบ้านหลังที่สองของเด็กๆ ในสายตาของสังคมไทย กลายเป็นสถานที่ “อันตราย” สำหรับนักเรียนไปแล้ว

ล่าสุด เกิดกรณีนักเรียนหญิงชั้น ม.1 อายุ 13 ปี โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ถูกครูผู้ชายซึ่งสอนวิชาสุขศึกษา ล่วงละเมิดทางเพศ จนเด็กซึมเศร้า และพยายามฆ่าตัวตาย

ยังมีเหตุการณ์ที่โลกออนไลน์เผยแพร่คลิปนักเรียนหญิงมัธยมของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เชียงใหม่ ถูกครูผู้ชายใช้มือโอบกอดจากทางด้านหลังขณะยืนอยู่ข้างๆ แล้วบีบเอวในลักษณะคุกคามทางเพศ

พร้อมระบุว่าครูรายดังกล่าวไม่ได้เพิ่งทำเป็นครั้งแรก แต่ทำติดต่อกันมาหลายปี และทำกับนักเรียนหญิงหลายคนด้วย

 

ทุกครั้งที่เกิดเหตุครูล่วงละเมิดทางเพศนักเรียน จะพบว่า “กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)” และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำแค่สั่งย้ายครูออกจากโรงเรียนให้ไปปฏิบัติหน้าที่ส่วนอื่น ตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง ปล่อยเวลาผ่านไป

ท้ายสุดก็จบด้วยการตกลงไกล่เกลี่ยกันแบบลับๆ ให้เด็ก และผู้ปกครองยอมความ

ส่วน “คุรุสภา” องค์กรที่กำกับดูแลวิชาชีพครู กลับเอาผิดทางวินัยล่าช้า เพราะติดระเบียบกฎหมาย

จนสังคมเกิดคำถามว่าระเบียบต่างๆ นั้น ออกมาช่วยผู้กระทำผิดหรือไม่ ทั้งที่บางกรณีครูทำผิดชัดเจน กลับไม่สั่งพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ

โดยให้เหตุผลว่าการเพิกถอนใบอนุญาตฯ จะต้องรอศาลตัดสินให้ถึงที่สุดก่อน ถึงจะดำเนินการทางจรรยาบรรณได้!!

 

นางอมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยข้อมูลน่าตกใจว่า ปัจจุบันคุรุสภามีคดีที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดจรรยาบรรณครู ที่อยู่ระหว่างดำเนินการกว่า 1,200 คดี มาจากการร้องเรียนมาที่คุรุสภาโดยตรง และกรณีเกิดเป็นข่าวที่รับรู้ในสังคม

ในจำนวน 1,200 คดี แบ่งเป็น คดีที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามกฎหมาย และพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับการประกอบวิชาชีพ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคดีเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ และการประพฤติผิดทางจรรยาบรรณ

นอกจากนี้ นางอมลวรรณยังแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับ “จรรยาบรรณครู” ในปัจจุบัน ว่าอยากให้สถาบันผลิตครู ให้ความสำคัญกับการผลิตครูที่มีคุณภาพ ไม่เช่นนั้นจะส่งผลเสียกับสังคม และทำให้วิชาชีพครูเสื่อมเสีย เพราะถ้าปล่อยให้คนที่ไม่ดีมาเป็นครู เท่ากับเป็นการทำร้ายเด็ก อยากให้ช่วยกันแก้ไขเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ เพราะไม่อยากให้คนไม่ดีหลุดเข้ามาเป็นครูได้แม้แต่คนเดียว

ส่วนคุรุสภาจะ “ปรับแก้” ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับจรรยาบรรณ และปรับขั้นตอนการพิจารณาเพิกถอน และพักใบอนุญาตฯ ให้เร็วขึ้น เพราะที่ผ่านมามีเสียงสะท้อนว่า การดำเนินการต่างๆ ล่าช้า ซึ่งคาดว่าจะปรับแก้ระเบียบที่เกี่ยวข้องได้ภายใน 2 เดือน!!

 

แม้ครูที่ล่วงละเมิดนักเรียนจะมีเพียงส่วนน้อย แต่ก็ทำให้ภาพลักษณ์ของครูในสังคมไทยเปลี่ยนไป เปรียบดั่งสุภาษิตที่ว่า “ปลาเน่าตัวเดียว เหม็นไปทั้งข้อง” แล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ ศธ., คุรุสภา และ “สถาบันผลิตครู” จะตัด “เนื้อร้าย” ที่มีอยู่อย่างไร เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ปกครอง ว่าโรงเรียนเป็นสถานที่ปลอดภัย สามารถส่งบุตรหลานเข้าไปเรียนในโรงเรียนด้วยความเชื่อมั่น และไม่ต้องมานั่งวิตกว่าลูกหลานจะเป็นเหยื่อของครูที่ไร้จรรยาบรรณอีกต่อไป

ประเด็นดังกล่าว มีคนในแวดวงการศึกษาออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างเผ็ดร้อน เริ่มจาก รศ.เอกชัย กี่สุขพันธ์ อดีตประธานคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) ออกมาติงการทำงานของคุรุสภา ว่าในฐานะองค์กรที่ดูแลวิชาชีพครู หากเกิดเหตุการณ์อะไรที่ส่งผลต่อความรู้สึกของสังคม คุรุสภาจะต้องรีบออกมาจัดการเรื่องดังกล่าวทันที ไม่ควรปล่อยเรื่องนี้ล่าช้า เพราะที่ผ่านมาคุรุสภาถูกตั้งคำถามมาตลอด ว่าเมื่อพบครูทำผิดจรรยาบรรณ กลับเงียบ และไม่ดำเนินการอะไร เพื่อให้สังคมเห็นว่าคุรุสภาดำเนินการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว

“คุรุสภาควรจะลงมือทำทันที เช่น หากพบเรื่องร้องเรียนในสื่อ ควรตรวจสอบ และแถลงข่าวภายใน 24 ชั่วโมง ว่าจะดำเนินการอะไรบ้าง หรือเสนอให้ที่ประชุม กมว.ที่มีอำนาจการพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตฯ ให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ประชุมด่วนเพื่อพิจารณาพักใช้ใบอนุญาตฯ ก่อนได้ หากพบว่าครูกระทำผิดถูกฝากขังแล้ว เป็นต้น” รศ.เอกชัยระบุ

ที่สำคัญ จะต้องไม่ปล่อยให้คนที่กระทำผิด มีโอกาสกลับมาเป็นครูได้อีก!!

 

ด้าน ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา วิเคราะห์สาเหตุที่ครูก่อคดีล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนจำนวนมาก เพราะครูเป็นบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดกับเด็กตลอดเวลา ประกอบกับมีต้นทุนทางวิชาชีพ ที่มีทั้งอำนาจ และโอกาส การมีทั้งอำนาจ และโอกาส ทำให้ครูที่ประสงค์ไม่ดี นำมาใช้ล่วงละเมิดเด็กตลอดเวลา

หากจะแก้ไขปัญหาครูล่วงละเมิดทางเพศนั้น ศ.ดร.สมพงษ์มองว่าต้องแก้ที่สถาบันผลิตครู 50% ที่ปัจจุบันสถาบันผลิตครูสอนจรรยาบรรณ และจริยธรรมครูน้อยมาก มองว่าควรจะต้องสอนทั้งทฤษฎี โดยให้ครูที่เป็นแบบอย่างดีที่ มาสอนจรรยาบรรณโดยเฉพาะ พร้อมให้ผู้เรียนลงพื้นที่ ได้เห็นเด็กหลากหลายกลุ่ม เพื่อทำความเข้าใจเด็กมากขึ้น และนำกรณีศึกษาข่าวครูล่วงละเมิดทางเพศนักเรียน มาให้ผู้เรียนถกเถียง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะค่อยๆ หล่อหลอมความเป็นครู ให้มีเจตคติที่ดีทางวิชาชีพ

อีก 50% ระบบที่ใช้ครู โดยเฉพาะ ศธ.และคุรุสภา ต้องกลับมาย้อนดู และวิเคราะห์ระบบ กฎหมาย และโครงสร้างต่างๆ ที่มีอยู่นั้น ช่วยครูที่กระทำผิดหรือไม่ และจะปรับแก้อย่างไรให้จัดการครูที่ประพฤติผลทางจรรยาบรรณได้อย่างเด็ดขาด และรวดเร็ว หากไม่แก้ทั้งต้นทาง และปลายทาง ปัญหาเดิมๆ ก็จะกลับวนซ้ำอยู่แบบนี้!!

ถึงเวลาหรือยังที่ทุกหน่วยงาน ตั้งแต่สถาบันผลิตครู และหน่วยงานที่ใช้ครู จะยกเครื่องเปลี่ยนหลักสูตร ปลูกฝังจรรยาบรรณวิชาชีพครูครั้งใหญ่ และเอาผิดทางวินัยอย่างจริงจังกับบรรดาครูนอกคอก เพื่อให้ได้คนดี คนเก่ง มีจริยธรรม คุณธรรม เข้ามาเป็นครู…

ถือเป็น “โจทย์ใหญ่” และ “โจทย์ยาก” ของทุกหน่วยงาน ว่าจะร่วมกันแก้โจทย์ เพื่อตัดเนื้อร้ายในวงการศึกษาไทยได้อย่างไร…

เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ลูกๆ หลานๆ ของพวกเราอย่างแท้จริง…

ไม่เช่นนั้นก็จะต้องเจอเหตุการณ์ “ครู” ล่วงละเมิดทางเพศ “นักเรียน” เกิดขึ้นซ้ำซากเป็นแน่แท้!! •

 

| การศึกษา