มองบ้านมองเมือง ปริญญา ตรีน้อยใส/ศูนย์การกิน

มองบ้านมองเมือง/ปริญญา ตรีน้อยใส

ศูนย์การกิน

เมื่อสิบปีที่แล้ว ตอนที่มองบ้านมองเมือง พาไปมองศูนย์การค้าพารากอน ที่เพิ่งเปิดใหม่ เล่าขานถึงความใหญ่โต ความหรูหราของร้านสินค้าแบรนด์เนมจากต่างประเทศ และความคึกคักของกิจการค้าขายอาหารที่หลากหลาย

จนมีข้อสรุปว่า ศูนย์การค้าพารากอน คือ ศูนย์การค้า(ชาว)พารากิน หรือศูนย์การกินพารากอน

สิบปีผ่านไป ศูนย์การค้าพารากอน ก็ยังคึกคักในเรื่องอาหารการกิน

ชั้นล่างที่เคยคึกคัก ยิ่งคึกคักมากขึ้นและคึกคักทั้งวัน กลายเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวนานาชาติ

ส่วนรับประทานอาหารยังขยายพื้นที่ไปจนเต็มทั้งชั้น และลามไปถึงชั้นสี่และชั้นห้า มีร้านอาหารไทยเดิมและไทยฟิวส์ชั่น อาหารฝรั่งจานด่วนและจานใหญ่ อาหารจีนทั้งหรูทั้งเหลา อาหารญี่ปุ่น เกาหลี มีครบทุกรสชาติ

ยังไม่นับเทศกาลอาหาร ที่ขยันจัดไม่ขาดตอน

ลูกค้านักท่องเที่ยวจีนและเอเชียนั้น ไม่มีปัญหากับความหลากหลาย พร้อมที่จะลองลิ้มชิมรสอาหารทุกชนิด

ส่วนลูกค้านักท่องเที่ยวฝรั่งเงินหด เลยวนเวียนอยู่แค่ผัดไทย ต้มยำในศูนย์อาหาร ที่ราคาไม่แพงนัก

เลยกลายเป็นว่า กิจการค้าทำเงินในศูนย์การค้า คือ กิจการอาหารและการกิน กิจการอื่นๆ ร้านอื่นๆ เป็นเพียงตัวประกอบ

ที่จริง ไม่เฉพาะศูนย์การค้าพารากอนเท่านั้น หากผ่านไปศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ศูนย์การค้าแห่งอื่นๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทุกวันนี้จะคึกคักด้วยผู้คนที่พากันไปซื้อหาหรือรับประทานอาหาร

แม้ว่าในยุคสมัยของอีคอมเมิร์ซจะเฟื่องฟู บรรดาเจนทั้งหลายชื่นชอบกับการซื้อออนไลน์ มากกว่าการซื้อสิ่งต่างๆ ที่ศูนย์การค้า แต่ยังนิยมไปหาอาหารรับประทาน เพราะยังส่งทางอินเตอร์เน็ตไม่ได้

ที่สำคัญการทานอาหารหรือขนมรวมกันหลายคน เป็นโอกาสเม้าธ์มอยกันซึ่งหน้า ได้อรรถรส และได้เนื้อหาเสริมเพิ่มมากกว่าที่คุยในไลน์หรือเฟซบุ๊ก

ทุกวันนี้ วันธรรมดาตอนเช้าถึงตอนบ่าย จะมีแม่บ้านและวัยรุ่นพบปะสังสรรค์ ตอนเย็นถึงค่ำ จะเป็นคนทำงานนัดกันเฮฮา วันหยุดสุดสัปดาห์ เนืองแน่นไปด้วยลูกค้าที่มากันทั้งครอบครัว

ยิ่งศูนย์การค้าจะเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินและบนฟ้า หรือเชื่อมต่อถนนทางหลวง อีกทั้งจัดให้มีที่จอดรถมากมายเหลือเฟือ ยิ่งทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้าศูนย์การค้าต่างๆ มากขึ้น

บวกกับวิถีชีวิตแบบเอเชีย ที่เน้นเรื่องการกินและการพูดคุย สภาพบ้านเมืองแบบไทย ที่การจราจรบนถนนติดขัดเช้าเย็น อุปนิสัยคนไทยที่ชมชอบการรับประทานอาหาร ขนม ตลอดทั้งวันทั้งคืน ส่งผลให้ศูนย์การค้าที่มีต้นแบบมาจากต่างประเทศ กลายพันธุ์เป็นศูนย์การค้าแบบไทยอย่างลงตัว

และที่สำคัญ ยังเป็นที่ชื่นชอบของคนต่างชาติ จนนำไปปรับเปลี่ยนบ้านเขาให้ศูนย์การค้าเป็นแบบไทย

อีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่า ศูนย์การค้านั้นเปลี่ยนไป คือ ศูนย์การค้ารุ่นใหม่อย่าง เซ็นทรัลอีสต์วิลล์ ที่พื้นที่ร้านค้าอาหารจะมีสัดส่วนเท่ากับหรือมากกว่าพื้นที่ร้านค้าทั่วไป

จากศูนย์การค้าแบบเดิม ที่มีร้านอาหารจานด่วนฝรั่ง สองสามร้านที่ชั้นหนึ่ง ชั้น 1 และ 2 ส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้า ตามแบบฉบับต่างประเทศนั้น คนไทยได้ริเริ่มเพิ่มศูนย์อาหารและโรงภาพยนตร์ที่ชั้นบน

จนมาเป็นศูนย์การค้าแบบใหม่ อย่าง เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ จะแยกเป็นสองส่วนชัดเจน คือ ส่วนร้านค้าทั่วไปกับส่วนร้านอาหาร ทั้งชั้นบนชั้นล่าง โดยส่วนร้านอาหารดูจะคึกคักยิ่งกว่าส่วนร้านค้าทั่วไป

เป็นไปได้ว่า ต่อไปถ้ากิจการค้าปลีกค่าส่งล่มสลาย เพราะอีคอมเมิร์ซ ในขณะที่กิจการรับประทานอาหารขนมจะเฟื่องฟู รูปแบบศูนย์การค้าก็จะเปลี่ยนไป

ศูนย์การค้าก็จะกลายเป็นศูนย์การกิน