‘สี จิ้นผิง’ กับการวางหมาก คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ | บทความต่างประเทศ

บทความต่างประเทศ

 

‘สี จิ้นผิง’ กับการวางหมาก

คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ

 

เปิดหน้าให้เห็นกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับการปรับโครงสร้างอำนาจใหม่ภายในพรรคคอมมิวนิสต์จีน หลังการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ที่จัดขึ้นทุกๆ 5 ปี ในครั้งที่ 20 นี้ ซึ่งทั่วโลกต่างจับจ้องให้ความสนใจ ได้ปิดฉากลงไปเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน

ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายว่า “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีของจีน ในวัย 69 ปี สามารถกระชับอำนาจไว้ในมือได้ต่อไปและเป็นไปอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างที่ไม่เคยมีผู้นำจีนคนใดทำได้มาก่อนนับจากประธานเหมา เจ๋อตุง ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน

โดยสี จิ้นผิง ยังคงได้รับการรับรองจากคณะกรรมการกลางชุดใหม่ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นตำแหน่งผู้นำสูงสุดในพรรคคอมมิวนิสต์จีน และยังรักษาตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง ซึ่งมีอำนาจควบคุมกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (พีแอลเอ) หนึ่งในกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในโลกต่อไปด้วย

นั่นเป็นเครื่องการันตีว่า สี จิ้นผิง ยังจะรักษาเก้าอี้ประธานาธิบดีจีนต่อเนื่องเป็นสมัย 3 ได้ ในระหว่างการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (เอ็นพีซี) ที่จะมีขึ้นในเดือนมีนาคมปีหน้า ที่ถือเป็นการแหวกธรรมเนียมปฏิบัติที่เคยมีมาที่ผู้นำจีนจะอยู่ในตำแหน่งได้เพียง 2 สมัยหรือ 2 วาระ ที่มีวาระละ 5 ปีเท่านั้น

นั่นมีขึ้นหลังจากที่สี จิ้นผิง ได้ฉีกรัฐธรรมนูญที่จำกัดวาระการดำรงตำแหน่งของผู้นำจีนทิ้งไปในปี 2018 ซึ่งเปิดทางให้ตัวเขาสานความปรารถนาของตนเองได้เป็นผลสำเร็จในการอยู่ในอำนาจต่อและกลายเป็นผู้นำที่ทรงอิทธิพลที่สุดของจีนนับจากเหมา เจ๋อตุง

นอกจากนี้ เรายังได้เห็นสมาชิก คณะกรรมการกรมการเมือง หรือคณะโปลิตบูโร ซึ่งเป็นคณะผู้บริหารชุดใหม่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีสมาชิกรวม 25 คน และโฉมหน้าของสมาชิกคณะกรรมการถาวรโปลิตบูโร ที่มีทั้งสิ้น 7 คน อันเป็นคณะผู้กำหนดนโยบายคุมทิศทางประเทศและมีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของจีน แน่นอนว่าย่อมมีชื่อสี จิ้นผิง รวมอยู่ด้วย ส่วนสมาชิกอีก 6 คนที่เหลือล้วนเป็นพันธมิตรใกล้ชิดและเป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีเป็นที่ไว้วางใจได้ของนายสีทั้งสิ้น

โดย 6 คีย์แมนสำคัญในคณะกรรมการถาวรโปลิตบูโรที่นายสีเปิดตัวออกมา ประกอบด้วย

หลี่ เฉียง อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเซี่ยงไฮ้ ที่ได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นมาเป็นผู้นำเบอร์ 2 ของพรรค

จ้าว เล่อจี้ มือปราบทุจริต และหวัง ฮู่หนิง กุนซือวางยุทธศาสตร์สำคัญ สองคนนี้ได้รับเลือกให้นั่งอยู่ในคณะกรรมการชุดนี้ต่อไป โดยยังได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นผู้นำเบอร์ 3 และเบอร์ 4 ของพรรคอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมี ไช่ ฉี เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำปักกิ่ง, ติง เซวียเสียง สมาชิกคณะโปลิตบูโรและเป็นเลขานุการส่วนตัวของนายสี และหลี่ ซี เลขาธิการพรรคประจำมณฑลกวางตุ้ง ที่ถูกระบุว่าเป็นคนสนิทที่ไว้ใจได้อีกคนของนายสี

นี่สะท้อนให้เห็นความพยายามของนายสีที่จะรวบอำนาจสูงสุดไว้ในมือแต่เพียงผู้เดียวที่ไม่ได้เห็นในหลายทศวรรษที่ผ่านมาของจีน

ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่ายุคของสี จิ้นผิง พลิกกลับไปสู่ยุคผู้นำเผด็จการอำนาจเบ็ดเสร็จ ต่างไปจากผู้นำจีนก่อนหน้านี้อย่างสมัยอดีตประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ที่โครงสร้างอำนาจยังเป็นแบบการนำร่วมของคณะผู้นำ

 

การปรับเปลี่ยนคณะกรรมการถาวรโปลิตบูโรครั้งนี้ภายใต้การกุมบังเหียนของสี จิ้นผิง ยังสะท้อนให้เห็นว่าไม่มีที่ว่างให้กับกลุ่มแนวทางสายกลางและหัวปฏิรูป

เห็นได้จากที่ไม่มีชื่อของ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรี และนายหวัง หยาง ประธานสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีน (ซีพีพีซีซี) ร่วมอยู่ในคณะทำงานชุดนี้ด้วย โดยถูกระบุว่าทั้งสองจะเกษียณลงจากตำแหน่งไปทั้งที่อายุยังไม่ถึง 68 ปี ซึ่งเป็นเกณฑ์วัยเกษียณที่ตั้งไว้อย่างไม่เป็นทางการของจีน

รวมถึงไม่มีชื่อของหู ชุนฮัว รองนายรัฐมนตรี วัย 59 ปี ที่เป็นคนในวงในของหลี่ เค่อเฉียง และอดีตประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ผู้มีใจปฏิรูป ซึ่งก่อนหน้านี้ หู ชุนฮัว เคยถูกจับตาว่ามีแนวโน้มเป็นตัวเก็งคนหนึ่งที่จะก้าวขึ้นมาช่วงชิงตำแหน่งผู้นำสูงสุด

นอกจากนี้ แม้การประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะปิดฉากลงไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ปรากฏว่ามีการวางตัวทายาทรุ่นใหม่สืบทอดอำนาจต่อจากนายสีแต่อย่างใด

เป็นอีกสัญญาณบ่งชี้ชัดเจนว่าสี จิ้นผิง ยังไม่มีแผนที่จะลงจากอำนาจในเร็ววันหลังจากอยู่ในตำแหน่งครบสมัยที่ 3 แล้วก็ตาม

Chinese President Xi Jinping is applauded as he walks to the podium to deliver his speech at the opening ceremony of the 19th Party Congress held at the Great Hall of the People in Beijing, China, Wednesday, Oct. 18, 2017. Xi has told a key Communist Party congress that the nation’s prospects are bright but the challenges are severe. (AP Photo/Ng Han Guan)

เฉิน กัง ผู้เชี่ยวชาญของสถาบันเอเชียตะวันออกประจำมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ มองว่า การกำจัดคู่แข่งและการวางตัวคนสนิทใกล้ชิดที่ไว้วางใจได้บนหมากแห่งอำนาจที่นายสีกำหนดไว้เช่นนี้ เป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในคณะผู้กำหนดนโยบายที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกแห่งนี้ นี่ไม่ใช่การแบ่งปันอำนาจหรือการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันระหว่างกลุ่มต่างๆ แต่เป็นผลที่ตามมาจากการกระชับอำนาจของสี จิ้นผิง

เฉิน กัง บอกด้วยอีกว่า เราได้เข้าสู่ยุคใหม่ที่สี จิ้นผิง ควบคุมอำนาจเกือบทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบายและการตัดสินใจ เรากำลังเห็นระบบราชการแบบรวมศูนย์อำนาจในจีนที่จะมีผลกระทบโดยตรงต่อนโยบายเศรษฐกิจและด้านการต่างประเทศของจีนในอนาคตอย่างแน่นอน

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนมองไปในทิศทางเดียวกันว่าการตั้งคนที่จงรักภักดีไว้ใจได้ของนายสีจะกลายเป็นดาบสองคม เพราะจะเต็มไปคนที่ได้แต่เห็นพ้องโอนอ่อนตามรายล้อมอยู่เต็มไปหมด ที่จะไร้ซึ่งการตรวจสอบและถ่วงดุลในการทำงาน

หากดำเนินนโยบายใดที่เพลี่ยงพล้ำผิดพลาด นายสีเองก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความผิดพลาดนั้นไปแต่เพียงผู้เดียว

จากนี้คงต้องจับตาดูความเป็นไปของจีนภายใต้การกุมบังเหียนของสี จิ้นผิง ที่มีอำนาจล้นมือมากกว่าเดิมว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป!